หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 80

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 80
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 80
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 80
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 กันยายน 2558

มีความสุขกันทุกคน พระเราชีเราพิจารณาดูดีๆ ปฏิสังขาโยทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หัดสังเกตใจของตัวเรา รู้ ขณะนี้ใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเราตั้งมั่นรับรู้อยู่ในกาย สติปัญญา ใจรับรู้ สองตัวทำงานพร้อมกัน ใจเป็นธาตุรู้ ถ้าใจเกิดเมื่อไรก็สติเข้าไปดับ เข้าไปหยุด เข้าไปควบคุมให้นิ่ง แล้วก็วิเคราะห์พิจารณา 2 อย่าง สติปัญญาอยู่ส่วนสมอง ใจอยู่กลางใจ กลางฤทัย เรารู้ว่าใจของเราปกติ เห็น 2 อย่าง 2 ส่วน แล้วก็ไอ้ส่วนที่สาม ความคิดที่ผุดขึ้นมาใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร อีกตัวนี้แหละสำคัญ ทำให้ใจเข้าไปหลง หลงในอีกชั้น

แต่ใจนั้นหลงมานาน ก็หลงเกิด หลงเกิด หลงคิด หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อก็ปิดกั้นเอาไว้ แล้วก็ส่วนรูปธรรม ส่วนนามธรรม ทีนี้ตัวเขายังเกิดต่อเลย ความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ต้องไปจัดการความเกิด คลายความหลง คลายขันธ์ห้า จัดการความเกิด เกิดยังไม่พอ ใจยังเป็นทาสของความทะเยอทะยานอยากอีกมันหลายชั้น ต้องค่อยวิเคราะห์ค่อยพิจารณา ค่อยศึกษาทำความเข้าใจ

ให้รู้จักลักษณะของสติ เน้นลงอยู่ที่กายให้ได้เสียก่อนให้ต่อเนื่อง เราก็รู้นำสติปัญญาไปใช้ จนกว่าใจของเราอยู่ในโอวาทของสติปัญญาของเราให้ได้ บอกใจให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น เราก็จะอยู่กับบุญ ทำอะไรก็เป็นบุญ อานิสงส์แห่งบุญก็จะปรากฏขึ้นกับเราตลอดเวลาเพราะว่าใจเป็นบุญ

ท่านถึงบอกว่าให้ทำใจให้เป็นบุญ ทำกายให้เป็นบุญ เจริญสติเข้าไป เยี่ยมพระ คือเยี่ยมใจ เข้าวัด วัดภายใน วัดใจของเราตลอดเวลา จะเอาจะมีแต่เป็น ทุกเรื่องในชีวิตเป็นเรื่องของปัญญา แม้กระทั่งเวลาจะขบฉัน จะรับประทานข้าวปลาอาหาร กายของเราหิว หรือว่าใจของเราเกิดความอยาก เราไม่เอาด้วยความอยากได้หรือไม่ เราก็ต้องพยายามเอานะ ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี มีอะไรก็ช่วยกัน

พวกเรามีโอกาสมากที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มีโอกาส มีจิตใจน้อมเข้ามาในกองสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูก เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อกรรม แต่เราต้องทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง ท่านถึงบอกให้เชื่อ อย่าเชื่อแบบหลงงมงาย จงเชื่อด้วยความรู้แจ้งเห็นจริง ที่เกิดจากการเจริญภาวนาว่าวิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร คําว่าขันธ์ทั้งห้าเป็นอย่างไร เป็นกองเป็นขันธ์อย่างไร อริยสัจของพระพุทธองค์เป็นลักษณะอย่างไร การสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมี

วิธีการแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมานาน ส่วนมากเราก็มองข้ามกัน แต่การทำบุญ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นในระดับของสมมติพวกเราก็มองเห็น ทำได้ถูกต้อง ฝักใฝ่ในการทำบุญในการให้ทาน แต่สัมมาทิฏฐิที่เห็นแจ้งจริง ต้องแยกรูปแยกนามธรรม ความเข้าใจกับขันธ์ห้า เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ละกิเลส ดับความเกิดให้ได้ นั่นแหละถึงจะเป็นสัมมาทิฏฐิที่รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย แล้วก็ละกิเลสได้ด้วย ถึงจะถูกต้อง อยู่ด้วยปัญญา

คนเราก็ต้องพยายาม ทำจากน้อยๆ นั่นแหละ ไปหามากๆ เราจะไปเร่งทำความเพียรเอาให้ได้วันเดียว รู้วันเดียวไม่ได้ เหมือนกับการปลูกต้นไม้ จะให้ออกดอกออกผล ให้ได้เห็นผลวันเดียวก็ไม่ได้ ค่อยดูแลรักษาทะนุถนอม ทำความเข้าใจ ให้น้ำให้ปุ๋ย ถึงเวลาเขาออก ก็ออกดอกออกผลให้เรา ส่วนการปฏิบัติใจก็เหมือนกันนั่นแหละ มีการทำบุญ มีการให้ทาน มีการขัดเกลากิเลส มีการเจริญสติน้อมเข้าไปสำรวจใจของตัวเรา ใจของเราแข็งกระด้าง เราก็พยายามละความแข็งกระด้าง ใจของเรามีความตระหนี่ เราก็พยายามละความตระหนี่ เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน มันตอบโต้กัน ถึงเวลาแล้วก็คงถึงจุดหมายปลายทาง ต้องทำหน้าที่ให้ดีให้ถูกต้อง เรามีโอกาสมาก เราช่วยกันทั้งพระทั้งโยมทั้งชี ค่อยประคับประคองกันไป เรามีโอกาสมาก เรามาวิเคราะห์พิจารณา เราทำไมเราถึงลําบาก ทำไมเราถึงยากจน อานิสงส์ผลบุญ ผลทานของเรามีหรือเปล่า อานิสงส์ผลบุญผลทานของเราเต็มหรือไม่

การวิเคราะห์ การพิจารณาความขยันหมั่นเพียร การฝักใฝ่ การสนใจ ต้องเต็มไปหมด ไม่ใช่ว่าอยากจะรู้ธรรม อยากจะได้ธรรม การขัดเกลากิเลสไม่มี การฝักใฝ่ การสนใจไม่มี ลักษณะของการเจริญสติ สติปัญญาปัจจุบันเอาไปใช้เป็นลักษณะอย่างไร ปรับสภาพใจอย่างไร ทำไมใจถึงเกิดกิเลส ทำไมใจถึงเกิดส่งออกไปภายนอก ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างไร กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ใหม่ๆ ก็อาจจะอึดอัด เพราะว่ากิเลสเขาก็อยู่ด้วยกันมานาน ใจก็เป็นทาสกิเลสมานาน จะให้เขายอมรับความเป็นจริงแค่นาที 2 นาที ก็เป็นไปไม่ได้ ต้องค่อยขัด ค่อยขัดค่อยเกลา ค่อยอบค่อยรม จนใจแยกได้คลายได้ จนหนุนกําลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้ มันพูดง่าย แต่ทำนี่ยากยาก ถ้าไม่ฝักใฝ่จริงๆ เพียงแค่การเจริญสติให้เชื่อมโยงก็ยังยากอยู่ แล้วก็ไม่ค่อยจะสนใจด้วย ก็เลยยาก

แต่การทำบุญให้ทาน ก็รู้อยู่ คิดก็รู้ ทำก็รู้ จิตใจบางทีก็เกิดความกลัว เกิดความทะเยอทะยานอยาก เกิดความกล้าหาญ สารพัดอย่าง แต่กําลังสติของเราที่จะเอาไปใช้มันไม่มี อาจจะควบคุมใจได้เป็นบางเรื่อง บางครั้งบางคราวเท่านั้นเอง ไม่ได้ทุกเรื่อง ทำไมเราถึงไปที่โน่นบ้าง ไปที่นี่บ้าง เพราะว่าเป็นการสร้างอานิสงส์สร้างบารมี เหมือนกับต้นไม้ต้องแตกกิ่งก้านสาขา มีเปลือกมีกระพี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอาศัยกันหมด เราจะไปเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่ได้

อยากได้ต้นไม้สวยๆ ไม่ปลูกไม่รักษามันก็ไม่ได้ ก็ต้องพยายาม อะไรแล้วเราก็รีบช่วยกันจะได้สมบูรณ์แบบ ใครไปใครมาก็มีความสุขในสถานที่ตรงนี้ แห่งนี้ นี่ปรากฏขึ้นกับหลวงพ่อมาตั้ง 30 ปีแล้วโน้น ว่าจะทำให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ สว่างไสวไปทั่วป่า หลวงพ่อเข้ามาวันแรกนั่นก็เลยมองเห็นว่าเราจะทำสถานที่ตรงนี้ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ของหมู่บ้าน ของตำบล ของจังหวัด ของประเทศ คนหลั่งไหลมามากมาย ก็เป็นดังนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อพูดคำๆ นี้ เพียงแค่วันสองวัน พูดตั้งแต่ 30 ปีโน่น ก็มองเห็นแล้ว จนมองเห็นว่าจะได้ขุดลํารางลําคลองล้อมรอบ นึกว่าจะล้อมรอบป่าช้าตรงนี้ ก็มาปรากฏว่าล้อมรอบพระมหาเจดีย์

กรรมได้จัดสรรไว้หมด แต่เป็นกุศลกรรมอันยิ่งใหญ่ แต่เราไม่หลงไม่ยึด เรามีหน้าที่ ที่ทำให้เกิดบุญให้ทุกคนได้มีอานิสงส์แห่งบุญมาร่วมกันทั้งพระทั้งชี บอกกล่าวกันทุกคน ใครมาก็มาร่วมกัน ทั้งกําลังกาย กําลังใจ กําลังทรัพย์คนละเล็กละน้อย ก็หล่อหลอมเป็นทรัพย์อันใหญ่ในวันข้างหน้า ก่อนที่พวกเราจะจากไป คนรุ่นใหม่ก็มาสานต่อ ไม่ได้ลําบาก ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ

พากันตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่ง วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเขาไปยาวๆ ลึกๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว

การสูดลมหายใจยาวๆ ผ่อนลม ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละลักษณะของสติรู้กาย ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่อง เวลาหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ พยายามรู้ให้ต่อเนื่องจากนาที เป็น 2 นาที 3 นาที เป็น 5 นาที เป็น 10 นาที เป็นชั่วโมง เป็นวัน ถ้าเรารู้ได้ต่อเนื่องเราก็จะรู้ลักษณะของใจ การเกิดของใจนั้นมีอยู่เดิม การเกิดของความคิดนั้นมีอยู่เดิม เราก็จะรู้ว่าใจกับความคิดนั้นเข้าไปรวมกันได้อย่างไร ส่วนมากเข้าไปรวมกันแล้วเราถึงรู้

การก่อตัวของใจ อาการของการเกิด การปรุง การแต่ง เราก็จะเข้าใจในเรื่องอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ซึ่งเป็นส่วนรูปธรรม ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม มีกันทุกคน แต่กําลังสติของเรามีไม่เพียงพอ เราก็เลยไปมั่นหมายเอาตัวใจกับอาการของใจว่าเป็นความคิด เป็นตัวเป็นตน เป็นความคิดของเราจริงๆ นั่นแหละเขาหลงอย่างลุ่มลึกเลย หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อ แล้วก็มาสร้างความคิด ซึ่งเป็นนามธรรมมาปกปิดตัวเขาเอาไว้ ไอ้ตัววิญญาณ แล้วก็วิญญาณก็เกิดต่อ มีความทะเยอทะยานอยาก เป็นยางเหนียวพุ่งออกไปอีก

เราต้องมาจัดการเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา แก้ไขใจของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า เพียงแค่คลายความหลงในระดับหนึ่ง แล้วก็ไปละกิเลส ดับความเกิดเข้าไปอีกจนกว่าจะหมดจด จนกว่าใจจะสะอาดบริสุทธิ์เหมือนเดิม จนกว่าจะดับความเกิดได้ ไม่ต้องกลับมาเกิด หนุนกําลังสติปัญญาไปเกิดแทน แต่เวลานี้กําลังสติที่จะสร้างขึ้นมา รู้กายก็ยังไม่ต่อเนื่อง จะเอากําลังสติปัญญาที่เข้มแข็งที่ไหนล่ะไปอบรมใจ ไปแก้ไขใจ ไปชี้เหตุชี้ผล เราก็ต้องพยายาม แต่การทำบุญให้ทานนั้นมีอยู่ มีอยู่ในระดับหนึ่ง แต่พวกเราเดินกําลังสติปัญญาไม่ถอนรากถอนโคนของกิเลส ไม่ดับความเกิดให้มันหมดจด อยู่ด้วยปัญญา ถึงหลงวนเวียนในความคิด ในอารมณ์ ในความเกิดอยู่อย่างนี้ บางทีก็เป็นกุศลบ้าง บางทีก็เป็นอกุศลบ้าง บางทีก็เป็นกลางๆ

แต่การเกิดนั้นยังหลงอยู่ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ถึงจะเกิดก็ขอให้เกิดในกองบุญกองกุศลเอาไว้ จะได้เป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ ก็ต้องพยายาม แต่เวลานี้เราต้องมาเจริญสติ มาทำความเข้าใจ แล้วก็สร้างสติให้ได้ จนกว่าสติของเราจะแยกแยะคลายได้จนกลายเป็นปัญญา จากปัญญากลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญาจนกลายเป็นปัญญาปกติ ใจเป็นธาตุรู้ สติเป็นผู้รู้ ทำหน้าที่ด้วยกันพร้อมกัน แต่เวลานี้ มีตั้งแต่ใจทำงานกับขันธ์ห้า ทำงาน กิเลสทำงาน เมื่อไรแจงไม่ได้ บอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น เราก็ต้องพยายามนะ

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง