หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 50

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 50
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 50
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 50
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 14 เมษายน 2558

มีความสุขกันทุกคน วันนี้อากาศเย็นแต่เช้า ฝนฟ้าคงจะตกที่อื่น วันนี้ญาติโยมของเราก็มาวัดกันตั้งแต่เช้าทั่วประเทศ คนไทยใจบุญ วันสำคัญต่างๆ ก็พากันไปวัดไปทำบุญ อยู่ที่บ้านก็ต้องทำบุญ ทำที่บ้านก่อนค่อยไปวัด ดู สำรวจใจของเรา สร้างความรู้ตัวให้มีให้เกิดขึ้น รู้กายรู้ใจ ใจปกติ ใจสงบเข้าวัด

ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่พอรู้ตัวปุ๊บก็สังเกตใจ ใจปกติเป็นอย่างนี้ ใจไม่เกิดเป็นอย่างนี้ สติปัญญาพากายทำธุระ เข้าห้องส้วมห้องน้ำ ทำกับข้าวกับปลา ปัญญาเป็นตัวบริหาร ใจเป็นผู้รับรู้ แต่ส่วนมากใจไปก่อน ความคิดกับใจพุ่งไปก่อน คิดก็รู้ ทำก็รู้ เขายังหลงอยู่ ยังหลงความคิด หลงอารมณ์ อยู่ในขั้นรู้อยู่ระดับของสมมติ แต่ระดับวิมุตติเรายังเลย เราต้องมาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์เข้าไปแยก เข้าไปทำความเข้าใจทุกเรื่องจนกระทั่งถึงเวลานี้เดี๋ยวนี้ จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการทำความเข้าใจ

ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา สามเณร พิจารณาปฏิสังขาโย กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง วันนี้เราคํานวณได้เท่านี้ วันพรุ่งนี้เราคํานวณได้เท่านี้ ถ้าเอามาก อาหารก็เหลือเอาไปทิ้งเสียดาย คนหลังจะได้อยู่ได้กินได้รับประทาน มองบนมองล่าง มองกลางใจของเรา สามเณรก็มองออกไปทางตะวันออกให้มองเห็นแม่ชี อาหารแต่ละชิ้นแต่ละอัน แต่ละส่วน เรากะประมาณ อย่าเอาด้วยความอยาก ถ้าอยากเกิดจากกิเลส เกิดจากใจ เราก็รู้จักหยุด รู้จักดับ ถ้ากายหิวๆ อันโน้นก็อร่อยอันนี้ก็อร่อย มันบอกว่าเอาเยอะๆ เอาเยอะๆ กลัวไม่อิ่ม เวลารับประทานจริงๆ ก็รับประทานได้แค่นิดเดียว ไม่เยอะ เราละความอยากกันแต่ตัวน้อยๆ โตขึ้นไปความอยากก็จะไม่มี ก็มีแต่ความหิวของกาย เราก็เอามาให้กายด้วยปัญญา ทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องอาหารอย่างเดียว

ทุกเรื่องในการดำเนินชีวิต ตากระทบรูป หูกระทบเสียง ลิ้นกระทบรส กายสัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง มีสติปัญญารู้ทันของใจ ใจเกิดความยินดียินร้ายหรือไม่ แล้วก็ความคิดเขาเริ่มเกิดอย่างไร อาการอย่างไร ทำไมท่านถึงว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เราต้องศึกษาให้ละเอียด สำคัญทุกลมหายใจเข้าออกจนกระทั่งหมดลมหายใจ ทุกคนเกิดมาเท่าไรก็ตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว ก่อนที่จะตาย ก่อนที่จะหมดลมหายใจ ก็ให้รู้จักใจของตัวเรา ไม่ให้ใจของเราไปเกาะไปเกี่ยวไปยึดอะไร ถ้าใจจะไปเกาะไปยึดไปติด ก็ให้ยึดติดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ ให้สร้างอานิสงส์ผลบุญ สร้างบารมีไปจนกว่าจะดับความเกิดของใจได้

วานนี้ก็ได้อัญเชิญพระโมคคัลลา พระสารีบุตร องค์แทนอัครสาวกของพระพุทธองค์ ได้ร่วมกัน ได้ช่วยกันประดิษฐาน ณ วิหารพระหยกของเรา ก็เป็นอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ได้มาร่วมกันได้มาช่วยกัน ส่วนวันนี้ก็ได้มีท่านผู้ใจบุญจากทางกรุงเทพ ท่านมาไถ่ชีวิตโคแม่ลูกหนึ่งคู่ ได้มาทำพิธี ญาติโยมท่านใดปรารถนาที่จะมาร่วมมารวมกันก็ได้เลยนะ มีโอกาส โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด หลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเราได้มาร่วมกัน มาเป็นบุญฝากเอาไว้ มีโอกาสเราก็ได้ทำ โอกาสมีถ้าศรัทธาไม่มี มันก็ไม่ได้ทำ ศรัทธามีความพร้อมไม่มี ก็ไม่ได้ทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นอานิสงส์ของเรา

ตั้งแต่ความคิด คิดดี ทำดี การกระทำให้ถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ ไม่รู้ว่าหลวงพ่อจะอยู่ได้ไปกับพวกท่านได้นานสักเท่าไร สภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อ่อนล้าลงทุกที แต่ละวันๆๆ น้ำหนักลดลง เบาหวานเล่นงาน ก็ฉีดอินซูลินมาร่วม 20 ปี หยุดฉีด หยุดฉันยา เขาก็เลยเล่นงานเอา มีกําลังได้นาที 2 นาที 3 นาที อาศัยกําลังวาจา พาหมู่พาคณะทำบุญ สร้างอานิสงส์สร้างบุญกัน อาศัยเขามานาน วางรากฐานบุญทางสมมติให้กับทุกคน ส่วนวิมุตติ ส่วนการชําระสะสางกิเลส พวกเราต้องทำเอา

กิเลสของเรา เราจะไปเที่ยวให้คนอื่นเขาละให้ไม่ได้ เราต้องละเอาทำเอา การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การแยกรูปแยกนาม การละกิเลสเป็นอย่างนี้ แนวทางนั้นพระพุทธเจ้าท่านได้ค้นพบ เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม วิธีการแนวทางการสร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมีของเรา แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราสำรวจความเสียสละของเรามีหรือไม่ ความเสียสละ การฝักใฝ่ การสนใจ การวิเคราะห์ ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างไร การทำบุญให้ทาน ทานเพื่ออะไร เพื่อละกิเลส เพื่อคลายความโลภ คลายความโกรธ แต่คลายความหลงนี้ต้องเจริญสติเข้าไปสังเกตวิเคราะห์ จนแยกได้ คลายได้ ตามทำความเข้าใจได้ เราก็ค่อยละ

มีความสุข มีโอกาสก็ได้มาร่วมบุญร่วมอานิสงส์กันมากมาย โอกาสเปิดให้ ต่อไปในวันข้างหน้าก็คงจะเหลือแต่เรื่องของเจดีย์ มหาเจดีย์ จะทำเอาไว้ให้กับสมมติ ไว้ให้กับโลก ไว้ให้กับพี่กับน้องของเรา ไม่รู้ว่ากําลังกายจะไปได้ตลอดหรือไม่ ก็ทำเท่าที่กําลังกายของเรายังแข็งแรง ยังพอมีโอกาสได้ทำอยู่ ก็บอกกล่าวพี่น้องเราทุกคน ใครมาทันก็ทัน ไม่ทันก็เสร็จก่อน เพราะว่าเทวดาคอยช่วยเหลืออยู่ จะนึกจะคิดอะไร เทวดาท่านก็เตรียมพร้อมที่จะทำที่จะช่วย เทวดาที่ไม่มีกายเนื้อ เทวดาที่มีกายเนื้อ ก็มาร่วมกัน

ดูดีๆ นะ สามเณร มองซ้ายมองขวา มองบนมองล่าง มองไปทางแม่ชีบ้างนะ แม่ชีบอกว่า โอ๊ย! ฉันหมดแล้วว่าอย่างนั้น ยิ่งพระเยอะๆ ชีเยอะๆ เณรเยอะๆ ไปเข้างานอบรมปริวาสกรรม ยืนตักอาหาร เรียงแถวกันตักอาหาร ถ้าคนไม่ได้ฝึกนี่เกลี้ยงเลย คนข้างหลังไม่ค่อยจะได้เท่าไร เพราะความโลภความอยาก บางทีตักใส่บาตรยังไม่พอ จับยัดใส่ย่ามเสียจนเต็ม เอาไปก็กินไม่ได้ฉันไม่ได้ โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงตา ไม่ใช่หลวงปู่หลวงตาที่วัดนี้หรอกนะ เห็นอะไรนึกถึงลูกถึงหลาน เอาไปเก็บเอาไว้ บอกว่าอย่างนั้น เอาถุงปุ๋ยไปใส่ กว่าจะถึงวันกลับนี่มดขึ้นเต็มหมด นอนก็ไม่ได้มดมันขึ้น เข้าไปเอาไปไว้ในกลดในเต็นท์ อาจารย์กลับไปตรวจดู เขาก็จับเอาไปลงโทษ ไปสวดอิติปิโสฯ หน้าเพื่อนนั่นล่ะ

ถ้าคนเราไม่ฝึกนี่ยากนะ ยากที่จะละความอยากได้ เพราะความอยากนี่มันเกิดมานาน มันหลงมานาน หลงมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติแล้ว เพียงแค่การเกิดของวิญญาณ บางคนก็สร้างบุญมาดี มีแต่ให้ มีแต่เอาออก ใจก็เลยคลายได้เร็วได้ไว บางคนก็มีตั้งแต่ความทะยานทะยานอยากปิดกั้นเอาไว้ มันก็เลยเป็นยางเหนียว เราก็ต้องมาสร้างอานิสงส์กัน ดำเนินตามแนวทางของพระพุทธองค์ ด้วยการให้ ด้วยการเอาออก ละทิฏฐิ ละมานะ ละความเห็นแก่ตัว มีสัจจะ มีความจริงใจ มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กินแก่นอน

มาวัด เป็นคนวัดต้องเป็นคนขยัน ขยันในการสำรวจ ในการทำความเข้าใจทั้งภายนอกภายใน ไม่ใช่ว่ามาวัดแล้วเอาแต่ความเกียจคร้าน หอบแต่ความเกียจคร้านเข้ามา ยิ่งหนักเข้าไปอีก กายก็หนัก ใจก็หนัก หนักตัวเอง หนักคนอื่น หนักสถานที่ แทนที่จะเบาจะบาง แทนที่จะมีความสุข กลับไปแบกตั้งแต่กองทุกข์โดยไม่รู้ตัว เราต้องเป็นคนขยัน ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสียสละ ความอดทน ทุกเรื่องทุกอย่าง เดินไปที่ไหนก็มีแต่งาน ถ้าเราทำความเข้าใจ อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไขเสีย เอาใหม่ เริ่มใหม่

สามเณรก็เก่ง พากันช่วยกันทำอันโน้นช่วยกันทำอันนี้ กิ่งไม้หักที่ไหนเก็บออกไปเผาถ่าน ไปเลื่อยต้นไม้หักต้นไม้โค่นที่ไหน ไปเลื่อยให้หลวงตาเผาถ่าน จะเอาไว้ทำกับข้าวกับปลา ผักก็ปลูกเอามาทำโรงทาน ต้องฝึกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ไม่ใช่เอาตั้งแต่ความสบาย ถ้าเราฝึกตัวเองได้ ใช้ตัวเองเป็นแล้ว เราไม่อยากจะได้ความสบายเราก็ได้เองนั่นแหละ เพราะว่าการกระทำของเรามี

ญาติโยมก็เข้ามาเยอะ ทั้งพระ ทั้งชี ทั้งเณร 30 ปีก่อนนี่ ดึงแขนใครมายังไม่อยากจะมาเลย มันน่ากลัว ทั้งน่ากลัว ทั้งลําบาก อยู่คนเดียวนี่สนุก มีความสุข ไปอยู่กับหลุมโน้นบ้าง อยู่กับหลุมนี้บ้าง เอาศพมาเผาก็มานั่งเฝ้านั่งเขี่ยอยู่คนเดียว สมัยนั้นเขาเอาศพมาเผาอยู่ข้างหลังศาลานี่แหละ แต่ก่อนไม่มีศาลาหรอก เอาศพมาเผาเราก็มานั่งเขี่ย นั่งเขี่ยแล้วก็ยังไม่พอ เราก็เอากลดเอาเต็นท์มากาง ต้นไม้มันมีต้นหนึ่งอยู่ข้างหลังศาลานี่แหละ ต้นสูงปลวกก็ขึ้นเต็มหมดเลย มานั่งเขี่ยแล้วก็ไปนั่งภาวนา ผีก็มาหลอกสิทีนี้ ผีในวัดตั้ง 9 ตัว มันมา ผีในบ้านก็มาเจอผีในวัดนะ เราก็เขี่ยเสร็จ เราก็ไปนั่งหลับตาภาวนา ได้ยินตั้งแต่เสียงเบิ้มอยู่ข้างหลัง หัวใจนี่ วู้ว… ดิ่งลงข้างล่าง ดิ่งลงกลางใจ มันไม่ส่งออกไปภายนอก ดิ่งลงเป็นเอกเป็นหนึ่ง นิ่ง ลืมตาขึ้น ผีที่ไหนนะ มองดู มองฉายไฟขึ้นไปข้างล่าง ผีในวัดทั้ง 9 ตัวอยู่บนยอดไม้ ข้างล่างก็มีหมา 4-5 ตัว มันมาจากในบ้าน มาเห็นผีในวัดก็ไล่งับเอา มันมากินข้าวที่เขาทำเอาไว้ให้ศพ ถ้าไม่ได้ระวัง ถ้าไม่ได้ฝึกสตินี่ก็คงจะเผ่นแน่บ ปลวกที่ขึ้นตามต้นไม้นี่พัง กลางคืนมันเสียงดัง เสียงอะไรมันก็ดัง มีความสุข รู้จักแก้ไข มาละความกลัว มาละความอยาก มาทำใจให้สะอาด ทำใจให้บริสุทธิ์

สมัยก่อน ใครๆ ก็ว่าหลวงพ่อเนี่ยเป็นบ้า พระผีบ้า ไปจับผีลุกปลุกผีนั่งอยู่กลางป่าช้า เขาไม่รู้ว่าเรามาสร้าง มาละความกลัว มาสร้างความเข้มแข็งให้ใจ สมัยก่อนยิ่งกลัวตรงไหนเข้าไปหาตรงนั้น มันกลัวผี กลัวศพ เขาเอาศพมาฝังก็นอนอยู่หลุมศพตั้ง 4 ปี อยู่กับศพ อยู่คนเดียว คนก็ว่าตั้งแต่บ้า แต่เขาไม่รู้ว่าเรามาสร้างกําลังใจ พอเดินปัญญาแยกรูปแยกนามได้คืนแรกเท่านั้นแหละ มองเห็นหลวงปู่หลวงตาอายุ 70-80 ว่ากําลังใจของท่าน จิตของท่านคงจะมาก

นี่แหละทำให้หลวงพ่อต้องเข้าป่าช้า มาสร้างกําลังจิต มาวิเคราะห์ มาพิจารณา จะเดินจงกรม จะเดินสร้างสติที ถือไฟฉายมอง จะเดินทีนี่ ปู๊ดป๊าดๆ ฉายกลัวผีหลอก มันจะมานั่งดู มาเอาสังกะสีล้อมรอบต้นไม้เอาไว้ พอเดินเสร็จแล้วจะเข้าที่พัก ก็วิ่งเข้ารีบปิด กลัวผีมันจะดึงขาตัวเอง ขนาดอยู่ป่าช้านะ เพราะความไม่เข้าใจ ถ้าเราเข้าใจแล้วอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่ใจของเรานั่นแหละ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง