หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 61

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 61
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 61
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 61
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2558

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ นั่งตามสบาย วางกายให้สบายไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เพราะสักแต่ว่าเสียง ลักษณะของการหายใจเข้าหายใจออก หายใจที่ต่อเนื่อง หายใจที่เชื่อมโยง ความรู้สึกรับรู้ เราพยายามสร้างขึ้นมาตั้งแต่ตื่น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ อันนี้เป็นการเจริญสติรู้กาย

ถ้ากําลังสติของเรามีมากขึ้นๆ เราก็จะได้ไปอบรมใจของเรา ไปวิเคราะห์ใจของเราว่าการเกิดของใจเป็นอย่างไร ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ความคิด อาการของความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม เราก็จะได้รีบแก้ไขอบรมใจของเรา ว่าเราขาดตกบกพร่องตรงไหน สิ่งไหนที่เราควรแก้ไข แก้ไขอะไรก่อน อะไรหลัง อะไรเป็นประโยชน์ ไม่เป็นประโยชน์ เราก็จะได้วิเคราะห์ใจของเราได้ถูกต้อง สํารวจใจของเราได้ถูกต้อง

สร้างความขยันหมั่นเพียร แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความรับผิดชอบอยู่ในระดับไหนหรือไม่ เรามีความขยัน หรือว่าเรามีความเกียจคร้าน เรามีความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่การงาน ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราต้องพยายาม อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกคนเกิดมาก็มีบุญ ทุกคนเกิดมาก็อยากจะเข้าถึงธรรม ทุกคนเกิดมาก็ต้องการความสุข แต่เราก็ต้องพยายามทำให้มีให้เกิดขึ้น สร้างให้มีให้เกิดขึ้น สติไม่มี เราก็สร้างให้มี

ใจของเราเกิดกิเลส เราก็พยายามละกิเลส ใจของเรามีความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธ เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันกระตือรือร้น หมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ ทั้งภาระหน้าที่การงานต่างๆ ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเป็นระเบียบมีอยู่ในใจของเราหรือไม่ จนล้นออกไปสู่ภายนอก ความเป็นระเบียบ ระบบ รู้จักสำรวมกาย แล้วก็สำรวมวาจา สำรวมใจของเราตลอดเวลา พยายาม ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครที่จะพร่ำสอนให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเรา ตําราครูบาอาจารย์นั้นมีกันเกลื่อน แต่เราต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจ

การเจริญสตินี่แหละ เขาเรียกว่า การสร้างครูบาอาจารย์ เข้าไปอบรมใจของเรา สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร ตรงนี้เราต้องทำให้ต่อเนื่อง ถ้าเราไม่ทำให้ต่อเนื่อง วิเคราะห์ใจของเราไม่ได้ แยกรูปแยกนามไม่ได้ เราก็จะอยู่ในระดับของการสร้างคุณงามความดีเท่านั้นเอง ถ้าแยกรูปแยกนามได้ ถ้าไม่ตามดูตามรู้ตามเห็น ชี้เหตุชี้ผลทุกอย่าง เราก็จะไม่เข้าใจในความจริงของชีวิต เราก็จะไม่เข้าใจในหลักธรรมของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละ ข้อวัตรปฎิบัติขัดเกลาต่างๆ ก็เพื่อที่จะละกิเลส กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด

แต่เวลานี้กําลังสติของเรามีไม่เพียงพอ มีตั้งแต่ปัญญาของโลก ปัญญาสมมติ ปัญญาโลกีย์ อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้วยัง ยัง ยังห่างไกลมากทีเดียว นอกจากบุคคลที่เจริญสติเข้าไปรู้ จนใจคลายออกพลิกจากของที่คว่ำหงายขึ้นมา สติตามเห็นความเกิดความดับ เขาเรียกว่า เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าในส่วนนามธรรม จนใจมองเห็นความเป็นจริง ยอมรับความเป็นจริงได้ แล้วก็ละกิเลสได้ ดับความเกิดที่เกิดจากใจได้ นี่แหล่ะ ถึงจะตกกระแสธรรม เพียงแค่แยกได้ เพียงแค่เริ่มต้น

ความเห็นถูก ถ้าไม่ตามทำความเข้าใจให้รู้ทุกเรื่อง ละความเกิด แม้แต่การปรุงแต่งของใจ ก็ยากที่จะ ใจก็ยากที่จะสงบได้ ถึงใจสงบก็ยังคว่ำอยู่ ก็ต้องพยายามตามดู ตามรู้ ตามเห็น รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี ให้มีให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการทำ ตื่นขึ้นมาแล้วก็ได้ ความเป็นอยู่ของเรากับโลกธรรม การดำเนินชีวิต อย่าให้ใจเกิดความความทะเยอทะยานอยาก พวกท่านอาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หลวงพ่อพูด สักวันหนึ่งในวันข้างหน้าก็คงจะเข้าใจ

ลองสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้เชื่อมโยง ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดีนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง