หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 12

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 12
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 12
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 12
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 (1/2)

มีความสุขกันทุกคน ว่าอย่างไร ตื่นเช้าขึ้นมารีบรู้ใจของตัวเองแล้วหรือยังว่า การเกิดของใจการเกิดของวิญญาณเขาปรุงแต่งอย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจได้อย่างไร สติของเราต่อเนื่องทำความเข้าใจได้หรือไม่ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาดูรู้เรื่องของเราให้จบ ส่วนมากก็ใจมันเกิดไปก่อน บางทีก็เป็นกุศลบางทีก็เป็นอกุศล บางทีก็มีตั้งแต่เรื่องของคนโน้นเรื่องของคนนี้ แทนที่จะเป็นเรื่องของตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราให้มันจบ ให้มันถึงจุดหมายปลายทาง

คนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ ใจเกิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นกุศลก็ดี ถ้าเป็นอกุศลก็จะแย่ ใปที่โน่นอาจารย์โน้น หลวงพ่อโน้นเป็นอย่างนั้นหลวงพ่อนั้นเป็นอย่างนี้ สารพัดอยากกิเลสมันปรุงมันแต่ง แทนที่จะหยุด จะละ จะดับ มองโลกในแง่ดี ขัดเกลาตัวเราจนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดาใจไม่เกิด ให้เกิดด้วยสติปัญญาทำหน้าที่แทน คนเราก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์กันหมดทุกคน ปรารถนาที่จะหาทางที่หลุดพ้นกันทุกคน แต่ความไม่เข้าใจ ทิฏฐิ ความเห็น ใจยังเกิดอยู่เพียงแค่การเกิดของใจนั้นเขาก็หลงนะ เขาหลง เพียงแค่ตัววิญญาณเกิดนั่นแหละปรุงแต่ง อันนี้เพียงแค่หลงในชั้นละเอียด ทีนี้มีอาการของขันธ์ห้าหรือว่าการหายใจมาปรุงแต่งใจอีก นี่แหละตัวความหลง ทำให้เกิดอัตตาตัวตน แล้วก็ไปยึดไปติด

ถ้าเจริญสติเข้าไปสังเกตวิเคราะห์ รู้เท่าทัน ใจคลายออกพลิกจากสมมติไปหาวิมุตติ ใจหงายจากของที่คว่ำ นี่แหละเขาเรียกว่า ความเห็นที่ถูก สัมมาทิฏฐิเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้าเรื่องอะไร นี่แหละเขาเรียกว่าเห็น ปฏิจจสมุปบาท ความเกิดความดับของขันธ์ห้า เห็นตัววิญญาณเกิดๆ ดับๆ แต่คนเราทั่วไปไปมองเห็นตั้งแต่ความเกิด ตั้งแต่ว่าเกิดมาเป็นมนุษย์แค่นั้น ในร่างกายของมนุษย์นี่มีอะไรที่ตัววิญญาณเกิดๆ ดับๆ ขันธ์ห้าเกิดๆ ดับๆ อีก ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ไม่ค่อยสังเกต ไม่ค่อยวิเคราะห์ ไม่ค่อยตามทำความเข้าใจ ก็เลยไม่รู้เรื่องชีวิต รู้เรื่องตั้งแต่ของคนอื่น คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ อันนี้เป็นวิสัยของคนพาลนะ คนพาลนะ

เราต้องจัดการตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ประกาศด้วยตัวเอง ใจของเราสะอาดไหม ขณะนี้บริสุทธิ์หรือไม่ ใจของเราสงบจากการเกิดสงบจากกิเลส ปราศจากกิเลส ใจของเราคลายความยึดมั่นถือมั่นด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผลหรือเปล่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเหตุหมด พระพุทธองค์ท่านชี้ลงที่เหตุ พยายามฝึก พยายามศึกษาตามแนวทางของท่าน การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ การเอาไปใช้ การใช้งานเป็นอย่างนี้ พรหมวิหารเป็นอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องไปพูด ไปคุย ไปโต้ ไปเถียงกันมากมาย

ธรรมะมีไว้ลด ไว้ละ มีไว้เป็นแบบอย่างแนวทางแก้ไขตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องไปพูดคุยกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน เสียเวลาเปล่า ไร้ประโยชน์ อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็ให้รู้ใจ แก้ไขใจ ทำหน้าที่ของเราให้ดี ทำความเข้าใจก็สมมติวิมุตติ ทำความเข้าใจกับโลกธรรม

อยากร่ำอยากรวยก็ขยันหมั่นเพียร แสวงหาด้วยสติด้วยปัญญา รู้จักหา รู้จักใช้ รู้จักเก็บ อยากทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์ก็ต้องขัดเกลา ละกิเลสออกจากใจของตัวเรา คนทั่วไปนั้น ทั้งอยากด้วย ทั้งหวังด้วย ทั้งทะเยอทะยานอยากสารพัดอยาก ปิดกั้นเอาไว้หมด เป็นของละเอียดอ่อนเรื่องจิตวิญญาณ ก็เป็นส่วนของนามธรรม แต่เขาก็รวมกันอยู่ ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา

ตั้งมาถึงเวลาขบเวลาฉัน เวลารับประทานข้าวปลาอาหาร กายของเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความยาก ทำโน่นทำนี่ทำไปเพื่ออะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ภายในของเราถึงจุดหมายปลายทางแล้วหรือยัง ถ้ายังก็พยายามขัดเกลา ยิ่งจิตวิญญาณยิ่งแสวงหาเท่าไรเขาก็ยิ่งห่างไกล เราต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ชี้เหตุชี้ผล จนกว่าจะเห็นเหตุเห็นผล เห็นการเกิดการดับของวิญญาณ เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ทำความเข้าใจให้ละเอียด

ความเกียจคร้านของเรามี เราพยายามละความเกียจคร้าน ความขยันหมั่นเพียรที่ถูกต้องของเรามีหรือไม่ ถ้าเรารู้จักความเป็นกลาง รู้จักตัววิญญาณ ความเป็นกลางไม่เข้าข้างตัวเองเข้าข้างคนอื่น แต่เวลานี้เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเขาเอง เพราะเขาเกิดมานานเขาหลงมานาน แนวทางนั้นมีมาตั้งนาน กายของเรานี่แหละสนามรบ เราดูรู้แก้ไขตัวเราเองแล้วหรือยัง แต่ละวันๆ เพียงแค่ภาระหน้าที่ของสมมติเราทำได้ดีแล้วหรือยัง มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ มีความขยันหมั่นเพียร ตั้งแต่ตื่นขึ้นมานะ อะไรคือปัญญา อะไรคือใจ ปัญญานี้คงก็คงจะยัง เราต้องมาเจริญสติสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงไป ให้เอาไปใช้การใช้งาน เอาไปควบคุมใจ อบรมใจ สังเกตใจจนกว่าใจจะคลายออก พลิกจากของที่คว่ำแยกรูปแยกนามให้ได้ ถึงจะเป็นปัญญาสัมมาทิฏฐิ

เพียงแค่เริ่มต้น แล้วก็ตามทำความเข้าใจ เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล เราก็ดับความเกิดของใจละกิเลสของใจ ถึงจะรู้จักหนทางเดินได้ ไม่ใช่ว่าสะเปะสะปะ เอาตั้งแต่โทษคนโน้นโทษคนนี้ คนโน้นไม่ดี คนนี้ไม่ดีนั่นนะบาปกรรม วิบากกรรม ไม่รู้จักการสร้างบุญสร้างบารมี สร้างความเพียร ทำใจของเราให้ดี ใจของเราดี ข้างนอกภายนอกไม่ดี ใจของเราก็ดีเหมือนเดิม กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร การละกิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร เราต้องพยายามทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ภาษาธรรม ภาษาโลก หาที่เรานั่นแหละไปหาที่อื่นไม่เจอหรอก แสวงหาธรรมไปหานอกกายหาไม่เจอหรอก

ครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทาง ถ้าเราไม่ขัดเกลาตัวเรา มันก็อยากที่จะเข้าถึง ขยันหมั่นเพียรรับผิดชอบ ถ้าเราเข้าใจทุกอย่างเป็นธรรมหมด ธรรมดำธรรมขาว อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทาง ขณะเรายังมีลมหายใจอยู่ ก็จะมีความสุข

ตั้งใจรับพรกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง