หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 58
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 58
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 58
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2558
มีความสุขกันทุกคน วันนี้อากาศก็แจ่มดีนะ ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา สามเณร พิจารณาปฏิสังขาโย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล หมั่นชําระใจของเรา หมั่นสร้างประโยชน์ สร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้นตลอดเวลา อย่าไปคิดอคติ อย่าไปคิดเพ่งโทษ แล้วจะเป็นบาปกรรมติดตามตัวตามใจของเรา เราพยายามน้อมใจของเราเข้ามาอนุโมทนาสาธุในสิ่งคุณงามความดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เห็นใครทำแล้วก็พลอยมีความสุข เราก็มาแก้ไขเราด้วย เราขาดตกบกพร่องอะไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ภาระหน้าที่สมมติของเรา เราทำหน้าที่ได้ดีแล้วหรือยัง พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไรในชีวิต เราก็ต้องดู รู้ให้เห็นแจ้งปรากฏขึ้นที่ใจของเรา หมดความสงสัย หมดความลังเล มีแต่สร้างคุณงามความดีเท่าที่เราจะทำได้นั่นแหละ
บุคคลที่มีอานิสงส์มีบุญ ละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียร ขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจของตัวเราเอง แล้วก็ยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า เอาโลกปัจจุบันให้ได้เสียก่อน แล้วก็ลึกลงไปชําระใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์อีกด้วยกิเลสของเรา เราก็ต้องพยายามรู้เท่าทัน เราก็รู้จักละ จากละ รู้จักทำความเข้าใจบริหารอยู่ด้วยปัญญาล้วนๆ ก็ต้องพยายามกัน อย่าไปโทษคนโน้น อย่าไปโทษคนนี้ จงโทษตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง ปรับปรุงตัวเราเอง เราชนะตัวเราแล้วเราก็จะชนะหมด
การฝึกหัดปฏิบัติธรรม ก็ปฏิบัติกาย วาจา ใจ ของเรานี่แหละให้ดี แล้วก็ยังสมมติของเราให้สมบูรณ์ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ไม่ทำด้วยความทะเยอทะยานอยาก ไม่ทำด้วยกิเลส ทำด้วยสติ ทำด้วยปัญญา รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา รับผิดชอบด้วยพรหมวิหารความเมตตา ถ้าคนไม่มีความเสียสละ ไม่มีพรหมวิหาร ไม่มีความเมตตา ก็ยากที่จะเสียสละๆ ให้กับส่วนรวมได้ เราก็ต้องพยายามมาแก้ไขใจของเรา ปรับปรุงตัวของเรา อานิสงส์ผลบุญผลทานก็จะย้อนก็อยากให้เรา
เราต้องดูรู้ให้ถึงต้นเหตุ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนมาจากเหตุ เหตุฝ่ายรูปธรรมก็มี ฝ่ายนามธรรมก็มี ศาสนาของพระพุทธองค์เป็นศาสนาที่มีเหตุมีผล เหตุผล แต่ต้องวิธีการแนวทางที่จะเข้าถึง ทำความเข้าใจ ส่วนมากเราไปนึกไปคิดเอา เหตุผลอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็ถูกอยู่ระดับของสมมติเท่านั้นเอง ถ้าเราไม่ได้รู้จักลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่องเชื่อมโยง รู้เท่าทัน ทำความเข้าใจ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทนทุกเรื่องทุกอย่าง
ใจเกิดความอยากก็พยายามละความอยาก ด้วยการให้ ด้วยการเอาออก ให้อภัยทานอโหสิกรรม ให้ทั้งทางวัตถุทาน ธรรมทาน ก็จะปรับสภาพใจของเราให้อยู่ในความสะอาดบริสุทธิ์ได้ ก็ต้องอาศัยความเพียรอย่างยิ่งยวด ความเพียรต้องเป็นเลิศ เพราะว่ากิเลสมารต่างๆ เขาคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จิตมาร ขันธมาร คําว่ามารของพุทธองค์ อย่าไปคิดว่าเป็นมารที่มารบราฆ่าฟันกับเรา มารในใจของเรานี่แหละ เขาเรียกว่า ตัวมาร ตัวใจของเรานี้ ทิฏฐิความเห็นผิดนี่แหละตัวมาร ต้องทำความเข้าใจให้กระจ่าง ให้รู้แจ้งเห็นจริง จิตใจของตัวเราเอง นี่แหละเขาเรียกว่า เป็นการปฏิบัติธรรม ใจเป็นธรรม กายเป็นธรรม วาจาเป็นธรรม มีความสุข
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีก็ต้องพยายาม ค่อยเป็นค่อยไป ถึงเวลาก็ถึงจุดหมาย ปฏิบัติปุ๊บมันไม่ใช่ว่าจะได้ปั๊บ เหมือนกับการปลูกผลไม้สักต้น ปลูกวันแรกวันเดียวจะให้ออกดอกออกผลก็เป็นไปไม่ได้ ก็ค่อยพัฒนาค่อยแก้ไข ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ไม่ต้องไปเป็นทาสของกิเลส ทุกคนก็มีกิเลสกันหมดนะ มีมากมีน้อย ก็ขึ้นอยู่กับวิบากกรรมของแต่ละบุคคล แล้วค่อยมาสะสางออกเอา ด้วยการทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่ง ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง เราได้ทำความเข้าใจกับใจของเรากับกายของเราแล้วหรือยัง ส่วนมากก็มีตั้งแต่ความคิดปัญญาที่เกิดจากตัวใจ หรือว่าเกิดจากอาการของใจ อันนี้มีกันทุกคน แต่เขายังหลงอยู่ เพราะเขาหลงเกิดอยู่ในภพมนุษย์ กายเนื้อของเรานี่แหละ วิญญาณของเรานี่แหละ มาสร้างกายเนื้อขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง ในปัญญาของพระพุทธองค์ท่านให้ค้น ให้แยกแยะให้ได้ว่าวิญญาณในกายเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม
ทำไมใจถึงเกิด ถ้าใจไม่เกิด ปัญญาไปเกิดแทนได้หรือไม่ แต่เวลานี้เราต้องคลายความหลงในขันธ์ห้าก้อนนี้ให้ได้เสียก่อน แล้วทำความเข้าใจ อะไรควรละอะไรควรเจริญ แต่กําลังสติของพวกเรามีไม่เพียงพอมันก็เลยคลายได้ยาก ก็ได้แต่ทำบุญ ได้แต่การสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีกันอยู่ระดับหนึ่ง ไม่ค้นคว้าเข้าหาเหตุหาผลที่แท้จริง ถ้าเราเห็นเหตุเห็นผลต้นเหตุจริงๆ แล้วตามดูรู้ทุกเรื่อง ใจจะยกธงขาวเอง ใจจะยอมเอง ถ้าเขารู้ความเป็นจริง ช่วงที่เขายังแยกแยะไม่ได้ยังคลายไม่ได้ เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง ขันธ์ห้า อาการของขันธ์ห้าก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง แม้ตั้งแต่สติปัญญาก็ยังเข้าข้างตัวเอง เพราะว่าหาความเป็นกลางแยกภายในไม่ได้ เราก็ต้องพยายามกัน ไม่เหลือวิสัย
หมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสํารวจ หมั่นทำความเข้าใจ หมั่นสร้างตบะบารมี เดินทำความเข้าใจบ่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงจุดหมาย ไม่มีอะไรมากหรอก อยู่ในกายเนื้อของเราก้อนนี้ก้อนเดียว ส่วนมากก็มีตั้งแต่เหตุมาทับใจของตัวเองเอาไว้ ให้เหมือนกับเป็นดินพอกหางหมูก็เลยเอาออกยาก เราก็ต้องพยายามนะ
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2558
มีความสุขกันทุกคน วันนี้อากาศก็แจ่มดีนะ ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา สามเณร พิจารณาปฏิสังขาโย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล หมั่นชําระใจของเรา หมั่นสร้างประโยชน์ สร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้นตลอดเวลา อย่าไปคิดอคติ อย่าไปคิดเพ่งโทษ แล้วจะเป็นบาปกรรมติดตามตัวตามใจของเรา เราพยายามน้อมใจของเราเข้ามาอนุโมทนาสาธุในสิ่งคุณงามความดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เห็นใครทำแล้วก็พลอยมีความสุข เราก็มาแก้ไขเราด้วย เราขาดตกบกพร่องอะไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ภาระหน้าที่สมมติของเรา เราทำหน้าที่ได้ดีแล้วหรือยัง พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไรในชีวิต เราก็ต้องดู รู้ให้เห็นแจ้งปรากฏขึ้นที่ใจของเรา หมดความสงสัย หมดความลังเล มีแต่สร้างคุณงามความดีเท่าที่เราจะทำได้นั่นแหละ
บุคคลที่มีอานิสงส์มีบุญ ละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียร ขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจของตัวเราเอง แล้วก็ยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า เอาโลกปัจจุบันให้ได้เสียก่อน แล้วก็ลึกลงไปชําระใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์อีกด้วยกิเลสของเรา เราก็ต้องพยายามรู้เท่าทัน เราก็รู้จักละ จากละ รู้จักทำความเข้าใจบริหารอยู่ด้วยปัญญาล้วนๆ ก็ต้องพยายามกัน อย่าไปโทษคนโน้น อย่าไปโทษคนนี้ จงโทษตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง ปรับปรุงตัวเราเอง เราชนะตัวเราแล้วเราก็จะชนะหมด
การฝึกหัดปฏิบัติธรรม ก็ปฏิบัติกาย วาจา ใจ ของเรานี่แหละให้ดี แล้วก็ยังสมมติของเราให้สมบูรณ์ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ไม่ทำด้วยความทะเยอทะยานอยาก ไม่ทำด้วยกิเลส ทำด้วยสติ ทำด้วยปัญญา รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา รับผิดชอบด้วยพรหมวิหารความเมตตา ถ้าคนไม่มีความเสียสละ ไม่มีพรหมวิหาร ไม่มีความเมตตา ก็ยากที่จะเสียสละๆ ให้กับส่วนรวมได้ เราก็ต้องพยายามมาแก้ไขใจของเรา ปรับปรุงตัวของเรา อานิสงส์ผลบุญผลทานก็จะย้อนก็อยากให้เรา
เราต้องดูรู้ให้ถึงต้นเหตุ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนมาจากเหตุ เหตุฝ่ายรูปธรรมก็มี ฝ่ายนามธรรมก็มี ศาสนาของพระพุทธองค์เป็นศาสนาที่มีเหตุมีผล เหตุผล แต่ต้องวิธีการแนวทางที่จะเข้าถึง ทำความเข้าใจ ส่วนมากเราไปนึกไปคิดเอา เหตุผลอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็ถูกอยู่ระดับของสมมติเท่านั้นเอง ถ้าเราไม่ได้รู้จักลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่องเชื่อมโยง รู้เท่าทัน ทำความเข้าใจ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทนทุกเรื่องทุกอย่าง
ใจเกิดความอยากก็พยายามละความอยาก ด้วยการให้ ด้วยการเอาออก ให้อภัยทานอโหสิกรรม ให้ทั้งทางวัตถุทาน ธรรมทาน ก็จะปรับสภาพใจของเราให้อยู่ในความสะอาดบริสุทธิ์ได้ ก็ต้องอาศัยความเพียรอย่างยิ่งยวด ความเพียรต้องเป็นเลิศ เพราะว่ากิเลสมารต่างๆ เขาคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จิตมาร ขันธมาร คําว่ามารของพุทธองค์ อย่าไปคิดว่าเป็นมารที่มารบราฆ่าฟันกับเรา มารในใจของเรานี่แหละ เขาเรียกว่า ตัวมาร ตัวใจของเรานี้ ทิฏฐิความเห็นผิดนี่แหละตัวมาร ต้องทำความเข้าใจให้กระจ่าง ให้รู้แจ้งเห็นจริง จิตใจของตัวเราเอง นี่แหละเขาเรียกว่า เป็นการปฏิบัติธรรม ใจเป็นธรรม กายเป็นธรรม วาจาเป็นธรรม มีความสุข
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีก็ต้องพยายาม ค่อยเป็นค่อยไป ถึงเวลาก็ถึงจุดหมาย ปฏิบัติปุ๊บมันไม่ใช่ว่าจะได้ปั๊บ เหมือนกับการปลูกผลไม้สักต้น ปลูกวันแรกวันเดียวจะให้ออกดอกออกผลก็เป็นไปไม่ได้ ก็ค่อยพัฒนาค่อยแก้ไข ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ไม่ต้องไปเป็นทาสของกิเลส ทุกคนก็มีกิเลสกันหมดนะ มีมากมีน้อย ก็ขึ้นอยู่กับวิบากกรรมของแต่ละบุคคล แล้วค่อยมาสะสางออกเอา ด้วยการทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่ง ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง เราได้ทำความเข้าใจกับใจของเรากับกายของเราแล้วหรือยัง ส่วนมากก็มีตั้งแต่ความคิดปัญญาที่เกิดจากตัวใจ หรือว่าเกิดจากอาการของใจ อันนี้มีกันทุกคน แต่เขายังหลงอยู่ เพราะเขาหลงเกิดอยู่ในภพมนุษย์ กายเนื้อของเรานี่แหละ วิญญาณของเรานี่แหละ มาสร้างกายเนื้อขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง ในปัญญาของพระพุทธองค์ท่านให้ค้น ให้แยกแยะให้ได้ว่าวิญญาณในกายเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม
ทำไมใจถึงเกิด ถ้าใจไม่เกิด ปัญญาไปเกิดแทนได้หรือไม่ แต่เวลานี้เราต้องคลายความหลงในขันธ์ห้าก้อนนี้ให้ได้เสียก่อน แล้วทำความเข้าใจ อะไรควรละอะไรควรเจริญ แต่กําลังสติของพวกเรามีไม่เพียงพอมันก็เลยคลายได้ยาก ก็ได้แต่ทำบุญ ได้แต่การสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีกันอยู่ระดับหนึ่ง ไม่ค้นคว้าเข้าหาเหตุหาผลที่แท้จริง ถ้าเราเห็นเหตุเห็นผลต้นเหตุจริงๆ แล้วตามดูรู้ทุกเรื่อง ใจจะยกธงขาวเอง ใจจะยอมเอง ถ้าเขารู้ความเป็นจริง ช่วงที่เขายังแยกแยะไม่ได้ยังคลายไม่ได้ เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง ขันธ์ห้า อาการของขันธ์ห้าก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง แม้ตั้งแต่สติปัญญาก็ยังเข้าข้างตัวเอง เพราะว่าหาความเป็นกลางแยกภายในไม่ได้ เราก็ต้องพยายามกัน ไม่เหลือวิสัย
หมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสํารวจ หมั่นทำความเข้าใจ หมั่นสร้างตบะบารมี เดินทำความเข้าใจบ่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงจุดหมาย ไม่มีอะไรมากหรอก อยู่ในกายเนื้อของเราก้อนนี้ก้อนเดียว ส่วนมากก็มีตั้งแต่เหตุมาทับใจของตัวเองเอาไว้ ให้เหมือนกับเป็นดินพอกหางหมูก็เลยเอาออกยาก เราก็ต้องพยายามนะ
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ