หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 51
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 51
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 51
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 เมษายน 2558
วันนี้ญาติโยมมากันเยอะ แต่เช้าอากาศก็เย็นสบาย ฝนฟ้าก็โปรยลงมา ในวันนี้ได้มีผู้ใจบุญได้มาทำบุญถวายทาน ให้กับคุณแม่รัญจวนที่ได้ฌาปนกิจศพไปเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ได้มาทำบุญทั้งคุณหมอ ทั้งญาติมิตรของเรา มาถวายทำพิธี ทำบุญให้ทาน นึกถึงผู้ไปจากพวกเรา ความตายนี่ไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา 2-3 วันนี้ก็มารับเอาโลงศพกันไปแทบทุกวัน ญาติโยมท่านใดปรารถนา อยากจะร่วม มารวมร่วมถวายโลงศพก็มานะ เพราะว่าหลวงพ่อจะได้สั่งโลงศพจากกรุงเทพฯ มา 50 โลง เพราะว่าโลงศพที่สำรองเอาไว้เหลืออยู่ 5-6 โลงเอง เดี๋ยวไม่ทัน
ส่วนการชําระสะสางกิเลส เราต้องเจริญสติตามแนวทางของพระพุทธองค์ ว่าท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องชีวิต ชีวิตของเราประกอบด้วยอะไร วิญญาณในกายเป็นอย่างไร ขันธ์ห้าเป็นอย่างไร กายทำหน้าที่อย่างไร การที่จะเข้าไปทำความเข้าใจ ละกิเลสได้ด้วยวิธีไหน ท่านชี้เหตุชี้ผลไว้หมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะดำเนินให้รู้ให้เห็นต้นเหตุของการเกิดความทุกข์ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง
อันนี้ก็เป็นการสร้างบุญสร้างบารมี ชําระสะสางกิเลส การทำบุญให้ทานก็เพื่อที่จะละกิเลส ละความยึดมั่นถือมั่นออกจากใจของเรา การเจริญสติเข้าไปรู้เข้าไปเห็นเราต้องดำเนินอีก แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความบริสุทธิ์ใจ เรามีสัจจะ มีความบริสุทธิ์ใจต่อตัวเองหรือไม่ เรามีความขยัน เรามีความรับผิดชอบ การขวนขวาย การฝักใฝ่ การสนใจ การวิเคราะห์ อะไรคือธรรม อะไรคือโลก โลกกับธรรมก็อยู่ด้วยกัน สมมติกับวิมุตติก็อยู่ด้วยกัน เราต้องศึกษาให้ละเอียด ไม่ปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไรวิธีการไหน การสร้างตบะบารมีอย่างไร อย่างใจของเราเกิดความโลภ เราก็ละความโลภด้วยการเอาออก ด้วยการให้ ใจเกิดความโกรธ เราก็ดับความโกรธด้วยการให้อภัยทานอโหสิกรรม รู้จักแก้ปัญหา ปัญหาภายนอกเราก็แก้ทั้งข้างนอกด้วย ละทั้งข้างในด้วย ทั้งธรรมทั้งโลกก็อยู่ด้วยกัน วิญญาณกับกายก็อาศัยกันอยู่ จิตหรือว่าวิญญาณนี้แหละ เขาหลงมานาน เขาถึงได้เกิด เราต้องมาเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผลอยู่ที่กายของเรา ให้รู้ให้เห็น ทำความเข้าใจให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น หรือว่าพร่ำสอนตัวเรานั่นแหละ ท่านถึงเรียกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน มีโอกาสเราก็มา
ทุกคนเกิดมาเท่าไรตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว เพราะว่าเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ช่วงที่ยังไม่ถึงเวลานี่แหละให้เราพยายามสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น มองเห็นหนทางเดิน อะไรอกุศลก็ละ เจริญกุศล ดำเนินในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์ก็ให้ละ จัดระบบระเบียบของความคิดอารมณ์ของใจให้ได้ ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ช่วยกันหมด ช่วยตัวเราให้ได้เสียก่อน แล้วก็ล้นออกไปสู่หมู่ สู่คณะ สู่สังคม ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านนี่ ปัญหาก็เยอะ เยอะก็รู้จักแก้ แก้ทั้งข้างนอก ดับทั้งข้างใน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้ไข อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไข จากภายในก็ล้นสู่ภายนอก ความรับผิดชอบ ความเสียสละ การฝักใฝ่การสนใจ การดำเนิน มองเห็นหนทางเดิน
คําสอนนั้นมีมานาน แนวทางนั้นมีมานาน การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกัน ผ่านกันมาหมด แต่การลงมือชําระสะสางกิเลส ต้นเหตุของกิเลส การเกิดการดับ อันนี้ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ไม่ใช่ว่าวิ่งมาวัดให้เจ้าคุณละกิเลสให้ ใช้การไม่ได้ ต้องบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น สมมติภายนอกเราก็ขยันหมั่นเพียร รู้จักแก้ไข แก้ไขปัญหาตัวเรา แล้วมันก็จะล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไข ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราต้องดูแล ไม่ใช่ว่าทิ้งมันระเกะระกะ ถ้าคนเราไม่ฝึกฝนตัวเองเราก็ยากลําบาก หนักตัวเอง แล้วก็หนักคนอื่น หนักสถานที่ เสียเวลาเปล่า อะไรที่จะเป็นบุญ เราก็ร่วมกันช่วยกัน
ปีหน้าเราไม่ต้องสงสัย ปีหน้าเริ่มสร้างมหาเจดีย์ก็เริ่มแล้วแหละ เริ่มแล้ว อานิสงส์บุญใหญ่ได้เกิดขึ้นในแผ่นดิน ในตำบลสำราญ ในหมู่บ้านสำราญ ในจังหวัดขอนแก่น อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากส่วนที่ท่านเสด็จมามากมายมาให้มนุษย์เทวดาทั้งหลายได้กราบไหว้กัน ไม่เสร็จช้าก็ต้องเสร็จเร็ว ตราบใดที่มีการลงมือ การกระทำ อาศัยอานิสงส์บุญของทุกคน อาศัยแรงบุญแรงศรัทธาของทุกคนมาร่วมกัน จากกองน้อยกลายเป็นกองใหญ่ ฝากเอาไว้ในโลกในโลกานี้ หลวงพ่อก็จะเป็นแค่เพียงสะพาน เป็นทางผ่านพาดำเนิน
อีกสักหน่อยก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง คําว่า ‘ไตรลักษณ์’ ของพระพุทธองค์นั้นเป็นอย่างไรเราต้องรู้ ความเกิด ความดับ หรือว่ารอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณ เกิดๆ ดับๆ นั่นแหละ เห็นความไม่เที่ยง ท่านเรียกว่าเห็นไตรลักษณ์ในขันธ์ห้า ต้องรู้ตรงนี้ให้ได้
แต่บางคนบางท่านก็ควบคุมใจได้ แต่ยังสังเกตไม่เห็น เขาก็เรียกว่าสมถะ ปัญญาไม่รอบในกองสังขาร ปัญญาไม่รอบในดวงวิญญาณ มันมีตั้งแต่กิเลส หรือว่าวิญญาณต่างๆ ใจของเรานี่แหละ มันก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้เหมือนกัน เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน ถ้ากําลังสติปัญญาชี้เหตุชี้ผลจนใจจนปัญญาจริงๆ เขาถึงจะยอมปล่อยยอมวาง หนุนกําลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้ทุกเรื่อง อยู่ด้วยปัญญาล้วนๆ ถึงจะมีความสุข ก็สุขอยู่ได้ในระดับหนึ่ง แต่กายเนื้อมันก็เป็นก้อนทุกข์ เราก็ต้องทำความเข้าใจ ยอมรับความเป็นจริงตรงนี้ จนกว่าเขาจะแตกจะดับ
เหมือนกับคุณยายรัญจวน ท่านแสดงธรรมให้เห็น ตั้งแต่เกิด ความเสื่อมตั้งแต่เกิด เกิดมาจนกระทั่งเป็นเด็ก เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ช่วงระยะเวลาที่จะหมดลมหายใจ จากเด็กมามีครอบครัว มาสร้างฐานะ สร้างบารมี มาสร้างบุญมามากมาย หมดลมหายใจก็ยังได้สร้างบุญต่อ นี่แหละบุคคลที่น่าจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง พาลูกพาหลานดำเนินชีวิตทุกคน บางคนก็สร้างสมมติมาดี บางคนสมมติก็ลําบาก แต่จิตใจเราต้องแก้ไข เหมือนกับคุณหมอนี่แหละ ท่านสร้างสมมติมาดี ไม่ได้ลําบาก พอมีข่าวยินข่าวที่ไหนท่านก็ได้ทำบุญใหญ่ทันที แม้กระทั่งซื้อที่ดินสร้างวัด ก็เป็นอานิสงส์ของคุณหมอ พระพุทธรูปหยกใหญ่ ทั้งแม่กวนอิมหยก ก็เป็นอานิสงส์ของคุณหมอทั้งสองท่าน คุณหมอเดือน คุณหมอสถาพร กระทั่งได้กายก็ออกบวช ช่วยเหลืออนุเคราะห์ทุกอย่าง เป็นบุคคลที่น่าเอาเป็นตัวอย่างเป็นเยี่ยงอย่าง
พวกเราก็แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไข ทุกคนเกิดมามีบุญ บุญเก่าก็มีถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ บุญใหม่ก็ได้สร้างได้ทำ สมมติของเราอะไรขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไข ไม่เห็นแก่เกียจคร้าน ไม่เห็นแก่มัวเมาเล่นสนุกสนาน มองเห็นหนทางเดิน แล้วก็รีบเดินให้ถึงจุดหมาย ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ เพราะว่าทุกคนก็ฝักใฝ่ในบุญ ฝักใฝ่ในหนทางดับทุกข์ อย่าไปมัวเมาเล่นอยู่ก็ช้า ก็ต้องพยายามนะ
พระเราก็จะได้นิมนต์สวดมนต์สักหน่อย เป็นสิริมงคล
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 เมษายน 2558
วันนี้ญาติโยมมากันเยอะ แต่เช้าอากาศก็เย็นสบาย ฝนฟ้าก็โปรยลงมา ในวันนี้ได้มีผู้ใจบุญได้มาทำบุญถวายทาน ให้กับคุณแม่รัญจวนที่ได้ฌาปนกิจศพไปเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ได้มาทำบุญทั้งคุณหมอ ทั้งญาติมิตรของเรา มาถวายทำพิธี ทำบุญให้ทาน นึกถึงผู้ไปจากพวกเรา ความตายนี่ไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา 2-3 วันนี้ก็มารับเอาโลงศพกันไปแทบทุกวัน ญาติโยมท่านใดปรารถนา อยากจะร่วม มารวมร่วมถวายโลงศพก็มานะ เพราะว่าหลวงพ่อจะได้สั่งโลงศพจากกรุงเทพฯ มา 50 โลง เพราะว่าโลงศพที่สำรองเอาไว้เหลืออยู่ 5-6 โลงเอง เดี๋ยวไม่ทัน
ส่วนการชําระสะสางกิเลส เราต้องเจริญสติตามแนวทางของพระพุทธองค์ ว่าท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องชีวิต ชีวิตของเราประกอบด้วยอะไร วิญญาณในกายเป็นอย่างไร ขันธ์ห้าเป็นอย่างไร กายทำหน้าที่อย่างไร การที่จะเข้าไปทำความเข้าใจ ละกิเลสได้ด้วยวิธีไหน ท่านชี้เหตุชี้ผลไว้หมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะดำเนินให้รู้ให้เห็นต้นเหตุของการเกิดความทุกข์ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง
อันนี้ก็เป็นการสร้างบุญสร้างบารมี ชําระสะสางกิเลส การทำบุญให้ทานก็เพื่อที่จะละกิเลส ละความยึดมั่นถือมั่นออกจากใจของเรา การเจริญสติเข้าไปรู้เข้าไปเห็นเราต้องดำเนินอีก แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความบริสุทธิ์ใจ เรามีสัจจะ มีความบริสุทธิ์ใจต่อตัวเองหรือไม่ เรามีความขยัน เรามีความรับผิดชอบ การขวนขวาย การฝักใฝ่ การสนใจ การวิเคราะห์ อะไรคือธรรม อะไรคือโลก โลกกับธรรมก็อยู่ด้วยกัน สมมติกับวิมุตติก็อยู่ด้วยกัน เราต้องศึกษาให้ละเอียด ไม่ปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไรวิธีการไหน การสร้างตบะบารมีอย่างไร อย่างใจของเราเกิดความโลภ เราก็ละความโลภด้วยการเอาออก ด้วยการให้ ใจเกิดความโกรธ เราก็ดับความโกรธด้วยการให้อภัยทานอโหสิกรรม รู้จักแก้ปัญหา ปัญหาภายนอกเราก็แก้ทั้งข้างนอกด้วย ละทั้งข้างในด้วย ทั้งธรรมทั้งโลกก็อยู่ด้วยกัน วิญญาณกับกายก็อาศัยกันอยู่ จิตหรือว่าวิญญาณนี้แหละ เขาหลงมานาน เขาถึงได้เกิด เราต้องมาเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผลอยู่ที่กายของเรา ให้รู้ให้เห็น ทำความเข้าใจให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น หรือว่าพร่ำสอนตัวเรานั่นแหละ ท่านถึงเรียกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน มีโอกาสเราก็มา
ทุกคนเกิดมาเท่าไรตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว เพราะว่าเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ช่วงที่ยังไม่ถึงเวลานี่แหละให้เราพยายามสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น มองเห็นหนทางเดิน อะไรอกุศลก็ละ เจริญกุศล ดำเนินในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์ก็ให้ละ จัดระบบระเบียบของความคิดอารมณ์ของใจให้ได้ ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ช่วยกันหมด ช่วยตัวเราให้ได้เสียก่อน แล้วก็ล้นออกไปสู่หมู่ สู่คณะ สู่สังคม ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านนี่ ปัญหาก็เยอะ เยอะก็รู้จักแก้ แก้ทั้งข้างนอก ดับทั้งข้างใน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้ไข อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไข จากภายในก็ล้นสู่ภายนอก ความรับผิดชอบ ความเสียสละ การฝักใฝ่การสนใจ การดำเนิน มองเห็นหนทางเดิน
คําสอนนั้นมีมานาน แนวทางนั้นมีมานาน การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกัน ผ่านกันมาหมด แต่การลงมือชําระสะสางกิเลส ต้นเหตุของกิเลส การเกิดการดับ อันนี้ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ไม่ใช่ว่าวิ่งมาวัดให้เจ้าคุณละกิเลสให้ ใช้การไม่ได้ ต้องบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น สมมติภายนอกเราก็ขยันหมั่นเพียร รู้จักแก้ไข แก้ไขปัญหาตัวเรา แล้วมันก็จะล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไข ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราต้องดูแล ไม่ใช่ว่าทิ้งมันระเกะระกะ ถ้าคนเราไม่ฝึกฝนตัวเองเราก็ยากลําบาก หนักตัวเอง แล้วก็หนักคนอื่น หนักสถานที่ เสียเวลาเปล่า อะไรที่จะเป็นบุญ เราก็ร่วมกันช่วยกัน
ปีหน้าเราไม่ต้องสงสัย ปีหน้าเริ่มสร้างมหาเจดีย์ก็เริ่มแล้วแหละ เริ่มแล้ว อานิสงส์บุญใหญ่ได้เกิดขึ้นในแผ่นดิน ในตำบลสำราญ ในหมู่บ้านสำราญ ในจังหวัดขอนแก่น อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากส่วนที่ท่านเสด็จมามากมายมาให้มนุษย์เทวดาทั้งหลายได้กราบไหว้กัน ไม่เสร็จช้าก็ต้องเสร็จเร็ว ตราบใดที่มีการลงมือ การกระทำ อาศัยอานิสงส์บุญของทุกคน อาศัยแรงบุญแรงศรัทธาของทุกคนมาร่วมกัน จากกองน้อยกลายเป็นกองใหญ่ ฝากเอาไว้ในโลกในโลกานี้ หลวงพ่อก็จะเป็นแค่เพียงสะพาน เป็นทางผ่านพาดำเนิน
อีกสักหน่อยก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง คําว่า ‘ไตรลักษณ์’ ของพระพุทธองค์นั้นเป็นอย่างไรเราต้องรู้ ความเกิด ความดับ หรือว่ารอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณ เกิดๆ ดับๆ นั่นแหละ เห็นความไม่เที่ยง ท่านเรียกว่าเห็นไตรลักษณ์ในขันธ์ห้า ต้องรู้ตรงนี้ให้ได้
แต่บางคนบางท่านก็ควบคุมใจได้ แต่ยังสังเกตไม่เห็น เขาก็เรียกว่าสมถะ ปัญญาไม่รอบในกองสังขาร ปัญญาไม่รอบในดวงวิญญาณ มันมีตั้งแต่กิเลส หรือว่าวิญญาณต่างๆ ใจของเรานี่แหละ มันก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้เหมือนกัน เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน ถ้ากําลังสติปัญญาชี้เหตุชี้ผลจนใจจนปัญญาจริงๆ เขาถึงจะยอมปล่อยยอมวาง หนุนกําลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้ทุกเรื่อง อยู่ด้วยปัญญาล้วนๆ ถึงจะมีความสุข ก็สุขอยู่ได้ในระดับหนึ่ง แต่กายเนื้อมันก็เป็นก้อนทุกข์ เราก็ต้องทำความเข้าใจ ยอมรับความเป็นจริงตรงนี้ จนกว่าเขาจะแตกจะดับ
เหมือนกับคุณยายรัญจวน ท่านแสดงธรรมให้เห็น ตั้งแต่เกิด ความเสื่อมตั้งแต่เกิด เกิดมาจนกระทั่งเป็นเด็ก เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ช่วงระยะเวลาที่จะหมดลมหายใจ จากเด็กมามีครอบครัว มาสร้างฐานะ สร้างบารมี มาสร้างบุญมามากมาย หมดลมหายใจก็ยังได้สร้างบุญต่อ นี่แหละบุคคลที่น่าจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง พาลูกพาหลานดำเนินชีวิตทุกคน บางคนก็สร้างสมมติมาดี บางคนสมมติก็ลําบาก แต่จิตใจเราต้องแก้ไข เหมือนกับคุณหมอนี่แหละ ท่านสร้างสมมติมาดี ไม่ได้ลําบาก พอมีข่าวยินข่าวที่ไหนท่านก็ได้ทำบุญใหญ่ทันที แม้กระทั่งซื้อที่ดินสร้างวัด ก็เป็นอานิสงส์ของคุณหมอ พระพุทธรูปหยกใหญ่ ทั้งแม่กวนอิมหยก ก็เป็นอานิสงส์ของคุณหมอทั้งสองท่าน คุณหมอเดือน คุณหมอสถาพร กระทั่งได้กายก็ออกบวช ช่วยเหลืออนุเคราะห์ทุกอย่าง เป็นบุคคลที่น่าเอาเป็นตัวอย่างเป็นเยี่ยงอย่าง
พวกเราก็แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไข ทุกคนเกิดมามีบุญ บุญเก่าก็มีถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ บุญใหม่ก็ได้สร้างได้ทำ สมมติของเราอะไรขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไข ไม่เห็นแก่เกียจคร้าน ไม่เห็นแก่มัวเมาเล่นสนุกสนาน มองเห็นหนทางเดิน แล้วก็รีบเดินให้ถึงจุดหมาย ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ เพราะว่าทุกคนก็ฝักใฝ่ในบุญ ฝักใฝ่ในหนทางดับทุกข์ อย่าไปมัวเมาเล่นอยู่ก็ช้า ก็ต้องพยายามนะ
พระเราก็จะได้นิมนต์สวดมนต์สักหน่อย เป็นสิริมงคล