หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 7
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 7
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 7
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 14 มกราคม 2558
มีความสุขกันทุกคน ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความรู้ตัว สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง รู้ตัวรู้กายแล้วก็รู้ใจแล้วก็อบรมใจ แล้วก็ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล เห็นการเกิดการดับของใจ เห็นการเกิดการดับของอาการของขันธ์ห้า ว่าใจกับอาการของขันธ์หรืออาการของใจเขารวมกันได้อย่างไรจนเกิดอัตตาตัวตน ทำอย่างไรเราถึงจะรู้เท่าทัน เราต้องมาเจริญสติ
เพียงแค่การเจริญกับการสร้างให้ต่อเนื่องเชื่อมโยง ตรงนี้ก็ลําบาก ไม่ค่อยจะทำกันให้ต่อเนื่อง จะไปฝึกไปศึกษาเวลาเกิดความทุกข์ก็เลยไม่ทัน ต้องทุกอิริยาบถ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกเรื่องในชีวิตเพียงแค่ลมหายใจเข้าหายใจออกเราก็ขาดการสนใจในการสร้างความรู้ตัว ตากระทบรูปเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงเป็นอย่างไร กายของเราสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งเป็นอย่างไร เราต้องดู
พยายามศึกษาชีวิตของเราให้กระจ่าง แยกแยะให้ได้ คลายใจออกจากขันธ์ห้า ดับความเกิดของใจให้ได้ ละกิเลสออกจากใจให้หมดจด ถ้าเราไม่ทำไม่มีใครจะทำให้เรา การทำบุญให้ทานถวายทานทางด้านวัตถุทานมีกันมานานฝักใฝ่กันมานาน ความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ความเกรงกลัวจากบาป การทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เราก็ต้องพยายามไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ทางสมมติก็พยายามทำสมมติให้ดี มีความเสียสละ มีความอดทน รู้จักให้อภัยอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี อะไรที่ไม่ดีเราก็รีบแก้ไขเสีย ทำให้มันดี ให้รู้จักลักษณะของการเจริญสติเป็นอย่างนี้ คำว่าปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างนี้ ปัจจุบันธรรมคือทุกขณะลมหายใจเข้าออก ทุกขณะจิต ก่อนที่จะเป็นทุกขณะลมหายใจเข้าออกได้ทุกขณะจิตได้ เราก็ต้องเจริญสติเข้าไปรู้ว่าใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าตามดูขันธ์ห้า รู้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความเกิดๆ ดับๆ ในขันธ์ห้า ให้ชัดแจ้งว่า อนิจจัง ทุกขังในขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ใจเกิดกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ใจเกิดมลทินเป็นอย่างไร มีกันทุกคน เราจะแก้ไขตัวเราได้หรือไม่เท่านั้นเอง
ส่วนมากจะไปเอาตั้งแต่ตัวใหญ่ๆ ไอ้ตัวเล็กๆ ความเกิดของวิญญาณ ความเกิดของความคิดของอารมณ์ พอใจบ้างไม่พอใจบ้าง เพียงแค่การเกิดนั้นเขาก็หลง หลงเกิด ถ้าไม่เกิด ถ้าไม่หลงไม่เกิด แต่เขาหลงมาสร้างกายเนื้อ สร้างภพมนุษย์ สร้างขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวเองเอาไว้ อันนี้หลงในชั้นอยู่ในภพของมนุษย์ ทีนี้ความหลงของวิญญาณยังเกิดอีก ยังเป็นทาสของกิเลสอีก เราต้องอาศัยปัญญาของผู้รู้ อาศัยปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละที่จะดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางได้
ทำความเข้าใจทั้งสมมติทั้งวิมุตติ เพียงแค่สมมติพวกเราก็ยังไม่ค่อยจะทำความเข้าใจให้เต็มรอบ ก็เลยวิ่งหาตั้งแต่สมมติ วิ่งหาด้วยอำนาจของกิเลส วิ่งหาด้วยอำนาจของความอยาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำ ยิ่งขยันหมั่นเพียรในทางสมมติด้วยสติด้วยปัญญา ยังสมมติให้เกิดประโยชน์จนกว่าจะหมดลมหายใจ ถ้าสมมติไม่บริบูรณ์ สมมติไม่เพียบพร้อม การฝึกหัดปฏิบัติใจก็ลําบาก เพราะว่ากายของเรายังอาศัยสมมติอยู่ แถมกายของเราก็ยังเป็นก้อนสมมติอีก ถ้าเราแยกแยะได้เราถึงจะเข้าใจว่าอะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติก็ต้องพยายามกันนะ
อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา กายของเรานี่แหละสนามรบ อยากจะรู้ธรรมก็ต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจของตัวเรา แก้ไขใจของเรา ไม่ใช่ว่าธรรมจะอยู่ที่โน่นธรรมจะอยู่ที่นี่ ตัวใจนั่นแหละตัวธรรม แต่เขายังเกิดอยู่แต่เขายังหลงอยู่ เราต้องมาคลายความหลง มาละกิเลส มาขัดเกลาใจของเราจนชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริง จนละกิเลสได้หมดจด ดับความเกิดได้หมดจด ขณะยังมีลมหายใจอยู่นั่นแหละ จนวางกายให้เป็นอิสระ ใจให้เป็นอิสระได้นั่นแหละ ถึงจะมีความสุขในระดับของการดำเนินชีวิต ก็ต้องพยายาม
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันให้ต่อเนื่อง ถึงเราจะเอาสติปัญญาไปใช้ไม่ทันใจ ก็ขอทำให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 14 มกราคม 2558
มีความสุขกันทุกคน ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความรู้ตัว สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง รู้ตัวรู้กายแล้วก็รู้ใจแล้วก็อบรมใจ แล้วก็ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล เห็นการเกิดการดับของใจ เห็นการเกิดการดับของอาการของขันธ์ห้า ว่าใจกับอาการของขันธ์หรืออาการของใจเขารวมกันได้อย่างไรจนเกิดอัตตาตัวตน ทำอย่างไรเราถึงจะรู้เท่าทัน เราต้องมาเจริญสติ
เพียงแค่การเจริญกับการสร้างให้ต่อเนื่องเชื่อมโยง ตรงนี้ก็ลําบาก ไม่ค่อยจะทำกันให้ต่อเนื่อง จะไปฝึกไปศึกษาเวลาเกิดความทุกข์ก็เลยไม่ทัน ต้องทุกอิริยาบถ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกเรื่องในชีวิตเพียงแค่ลมหายใจเข้าหายใจออกเราก็ขาดการสนใจในการสร้างความรู้ตัว ตากระทบรูปเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงเป็นอย่างไร กายของเราสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งเป็นอย่างไร เราต้องดู
พยายามศึกษาชีวิตของเราให้กระจ่าง แยกแยะให้ได้ คลายใจออกจากขันธ์ห้า ดับความเกิดของใจให้ได้ ละกิเลสออกจากใจให้หมดจด ถ้าเราไม่ทำไม่มีใครจะทำให้เรา การทำบุญให้ทานถวายทานทางด้านวัตถุทานมีกันมานานฝักใฝ่กันมานาน ความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ความเกรงกลัวจากบาป การทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เราก็ต้องพยายามไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ทางสมมติก็พยายามทำสมมติให้ดี มีความเสียสละ มีความอดทน รู้จักให้อภัยอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี อะไรที่ไม่ดีเราก็รีบแก้ไขเสีย ทำให้มันดี ให้รู้จักลักษณะของการเจริญสติเป็นอย่างนี้ คำว่าปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างนี้ ปัจจุบันธรรมคือทุกขณะลมหายใจเข้าออก ทุกขณะจิต ก่อนที่จะเป็นทุกขณะลมหายใจเข้าออกได้ทุกขณะจิตได้ เราก็ต้องเจริญสติเข้าไปรู้ว่าใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าตามดูขันธ์ห้า รู้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความเกิดๆ ดับๆ ในขันธ์ห้า ให้ชัดแจ้งว่า อนิจจัง ทุกขังในขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ใจเกิดกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ใจเกิดมลทินเป็นอย่างไร มีกันทุกคน เราจะแก้ไขตัวเราได้หรือไม่เท่านั้นเอง
ส่วนมากจะไปเอาตั้งแต่ตัวใหญ่ๆ ไอ้ตัวเล็กๆ ความเกิดของวิญญาณ ความเกิดของความคิดของอารมณ์ พอใจบ้างไม่พอใจบ้าง เพียงแค่การเกิดนั้นเขาก็หลง หลงเกิด ถ้าไม่เกิด ถ้าไม่หลงไม่เกิด แต่เขาหลงมาสร้างกายเนื้อ สร้างภพมนุษย์ สร้างขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวเองเอาไว้ อันนี้หลงในชั้นอยู่ในภพของมนุษย์ ทีนี้ความหลงของวิญญาณยังเกิดอีก ยังเป็นทาสของกิเลสอีก เราต้องอาศัยปัญญาของผู้รู้ อาศัยปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละที่จะดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางได้
ทำความเข้าใจทั้งสมมติทั้งวิมุตติ เพียงแค่สมมติพวกเราก็ยังไม่ค่อยจะทำความเข้าใจให้เต็มรอบ ก็เลยวิ่งหาตั้งแต่สมมติ วิ่งหาด้วยอำนาจของกิเลส วิ่งหาด้วยอำนาจของความอยาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำ ยิ่งขยันหมั่นเพียรในทางสมมติด้วยสติด้วยปัญญา ยังสมมติให้เกิดประโยชน์จนกว่าจะหมดลมหายใจ ถ้าสมมติไม่บริบูรณ์ สมมติไม่เพียบพร้อม การฝึกหัดปฏิบัติใจก็ลําบาก เพราะว่ากายของเรายังอาศัยสมมติอยู่ แถมกายของเราก็ยังเป็นก้อนสมมติอีก ถ้าเราแยกแยะได้เราถึงจะเข้าใจว่าอะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติก็ต้องพยายามกันนะ
อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา กายของเรานี่แหละสนามรบ อยากจะรู้ธรรมก็ต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจของตัวเรา แก้ไขใจของเรา ไม่ใช่ว่าธรรมจะอยู่ที่โน่นธรรมจะอยู่ที่นี่ ตัวใจนั่นแหละตัวธรรม แต่เขายังเกิดอยู่แต่เขายังหลงอยู่ เราต้องมาคลายความหลง มาละกิเลส มาขัดเกลาใจของเราจนชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริง จนละกิเลสได้หมดจด ดับความเกิดได้หมดจด ขณะยังมีลมหายใจอยู่นั่นแหละ จนวางกายให้เป็นอิสระ ใจให้เป็นอิสระได้นั่นแหละ ถึงจะมีความสุขในระดับของการดำเนินชีวิต ก็ต้องพยายาม
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันให้ต่อเนื่อง ถึงเราจะเอาสติปัญญาไปใช้ไม่ทันใจ ก็ขอทำให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อ