หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 003

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 003
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 003
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน วันปีใหม่ที่ผ่านมาปีเก่าปีใหม่ที่ผ่านมาญาติโยมก็พากันมาเยอะ แน่นลานกว้างๆ มาสวดมนต์ข้ามปีเพื่อเป็นสิริมงคลของชีวิต การสวดการท่องก็เพื่อที่จะหยั่งให้เข้าถึงความหมาย เราต้องเอาไปประพฤติ ประพฤติไปปฏิบัติไป ขัดเกลาใจของเราจึงจะเข้าถึงความหมายนั้นๆ ว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องอัตตา สอนเรื่องอนัตตา สอนเรื่องอริยสัจความจริงของชีวิต ในกายของเรานี้มีอะไรบ้างที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ท่านให้จําแนกแจกแจง ให้รู้ให้เห็นให้ถึง แล้วก็ทำความเข้าใจ รู้จักจุดละ จุดปล่อย จุดวาง

แนวทางมีมาตั้งนาน พวกเราจะมีโอกาสน้อมเข้าไปดูรู้ใจของเราได้ทุกอิริยาบถหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง ศรัทธามีกันทุกคนที่ฝักใฝ่ในบุญเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องกายเรื่องชีวิตของเรานี่แหละไม่ได้สอนเรื่องอะไร กายของเราก็สนามรบ ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง เพียงแค่การเกิดของใจ อันนี้ก็หลงนะ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิดอันนี้เขาเรียกว่าหลง ‘หลงเกิด’ ถึงไม่ยึดมั่นถือมั่นถึงปล่อยวางแต่การเกิดก็ยังมีอยู่ เราต้องละกิเลส ดับความเกิดให้หมดจด เราแยกแยะให้ได้ ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงให้ได้ทุกเรื่อง เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ ท่านได้ค้นพบมาตั้งสองสามพันปีแต่ก็ยังใหม่อยู่ตลอด ทำไมว่าใหม่อยู่ตลอดเพราะว่าปัจจุบันธรรม ทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออกนี่แหละถึงเรียกว่าใหม่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

เดินตามคําชี้แนะแนวทางของท่าน การเจริญสติเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างนี้ กําลังสติปัญญาของเราแหลมคมเร็วไวหรือไม่ รู้เท่าทัน รู้เห็นตามทำความเข้าใจได้หรือไม่ตรงนี้แหละสำคัญ กําลังสติของเรามีน้อยก็เลยสู้กําลังปัญญาเก่าความคิดเก่าๆ ไม่ได้ ความคิดเก่าที่เกิดจากตัวใจ เกิดจากอาการของใจอันนี้มีกันตลอดทุกคน บางคนก็เร็วบ้างบางคนก็ช้าบ้างมีกันหมดทุกคนเพราะว่าหลงมานานหลงเกิดมานาน

เราต้องมาเจริญสติประคับประคองความรู้ตัว รู้ไม่ทัน ก็รู้จักหยุด รู้จักดับ รู้จักสร้างอานิสงส์บารมีให้มีให้เกิด ใจเกิดความอยากก็พยายามดับความอยากแล้วก็ละความอยาก ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธแล้วก็ให้อภัยทานอโหสิกรรม ทำในสิ่งตรงกันข้าม จิตใจมีความแข็งกระด้าง เราก็พยายามสร้างความอ่อนน้อมถ่อมตนให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา พยายามทำในสิ่งตรงกันข้ามกับกิเลส

ถ้าเราเข้าใจแล้วเราก็อยู่กับสมมติ กายของเรานี่แหละก้อนสมมติแต่เราต้องแจงให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น เราก็จะเข้าใจในพิธีการดำเนินชีวิต ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น ศีล สมาธิ ปัญญาก็อยู่ที่กายที่ใจของเรา ไม่ได้อยู่ที่ไหน สนามรบก็อยู่ที่กายที่ใจของเรา พระพุทธเจ้าท่านก็สอนมนุษย์นี่แหละ ไม่ได้สอนใครหรอก ท่านก็สอนมนุษย์ของเรา

มีโอกาสได้สร้างบุญสร้างกุศลกันมากมาย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เรามีความเพียรที่เพียงพอหรือไม่ รู้จักลักษณะหน้าตาอาการของการเจริญสติ การเจริญปัญญา คําว่าสติของพระพุทธองค์เป็นลักษณะอย่างไร ไม่ใช่ไปนึกเอาไปคิดเอา การละกิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ท่านค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยให้พวกเราได้รับทราบหมด จนกระทั่งถึงเวลานี้เดี๋ยวนี้เวลาจะรับประทานข้าวปลาอาหาร กายของเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความอยาก เพียงแค่การเกิดของใจ ความเย็นดียินร้ายนี่ลึกลงไปทั้งความอยากทั้งความไม่อยาก เราก็ต้องละหมดตราบใดที่ใจยังเกิด

ใหม่ๆ ท่านก็อาจจะฝืน ถ้าเราเข้าใจแล้วก็ไม่ฝืนคลายออกให้หมด ใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ใจไม่เกิดเขาก็นิ่ง เขาก็สะอาด เขาก็บริสุทธิ์ ความไม่เกิดนั่นแหละ การปล่อย การวาง การละกิเลส หมดจากใจของเรานั่นแหละคือความว่าง ความว่างนั่นแหละนิพพาน ใจเที่ยง จิตเที่ยงนิพพานเที่ยง

ก่อนจะรู้ตรงนี้ได้เราก็ต้องสะสางกิเลสของเรา เหมือนกับเรามีเชือกอยู่เส้นหนึ่งมีกี่เกลียว เกลียวไหนเป็นเกลียวไหน แต่เขาก็ยังเป็นเชือกเส้นเดียว กายของเราก็เหมือนกันมีอยู่​ 5 ขันธ์​ 5 กอง ท่านว่ากองไหนๆ กองวิญญาณเป็นอย่างไร กองอาการของวิญญาณเป็นอย่างไร กองของรูปเป็นอย่างไร อาการ 32 เป็นอย่างไร มีหมดอยู่ในกายของเรา เราต้องพยายามศึกษาให้ละเอียด ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่รู้จะให้ใครสอนให้ เราต้องเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของตัวเรา แก้ไขใจของเรา ถ้าสอนตัวเราไม่ได้ อย่าให้คนอื่นเขาสอน ไม่เกิดประโยชน์

การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม การเจริญการปฏิบัติธรรม การแก้ไขใจแก้ไขกายของเรา พอเริ่มปุ๊บกิเลสมันก็เล่นงานทันที กําลังฝ่ายไหนมันจะเยอะกว่ากันก็ต้องพยายามเอานะ มีโอกาสเราได้สร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้พี่ให้น้องให้หมู่ให้คณะ เรามาอาศัยสมมติอยู่มาอาศัยโลกอยู่ ไม่มีใครเอาตรงนี้ไปได้เลยเพียงแค่เป็นผู้มาอาศัย

หลวงพ่อก็มีความพร้อม มีความพร้อมพอที่จะจัดสรรปันส่วนอานิสงส์บุญของญาติโยมให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีโอกาส โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิด ได้สร้างบุญอานิสงส์กันมากมาย มันไม่มีอะไรน่าเอาน่าเป็นเลย ไม่มีอะไรน่าเอาน่าเป็นเลย แต่พวกเรามาหลงมาหลง มายึด มาติด มาหาทุกข์อยู่กับสิ่งพวกนี้ เรามาทำความเข้าใจให้ถูกต้อง แล้วก็บริหารสมมติให้ดีให้มีความสุขกัน

ถึงเวลาเราก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตายอันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ไตรลักษณ์เราต้องรู้ ต้องเห็นการเกิดการดับของจิตของวิญญาณในกายของเรา ถึงจะเข้าใจคําว่าไตรลักษณ์ของพระพุทธองค์ แยกรูปแยกนามเดินปัญญาให้ได้ถึงจะเข้าใจคือคําสอนของท่าน ถ้าแยกรูปแยกนามเดินปัญญาไม่ได้ เราก็อยู่ในกองบุญเอาไว้เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูก แต่ยังไม่ถูกในภายใน ถูกอยู่ในระดับของสมมติ ถูกในระดับของบุญ การทำบุญให้ทานคนทั่วไปทำทั้งกายทั้งใจ แต่ไม่เดินปัญญาแยกแยะให้มันถูกต้อง

อย่าพากันประมาทเพราะว่าวิญญาณแต่ละดวงนี่วนเวียนว่ายตายเกิด เดี๋ยวก็เป็นมนุษย์เดี๋ยวก็ลงสวรรค์ แล้วก็ขึ้นสวรรค์ลงนรก กลับไปกลับมาอยู่ วิบากกรรม เรามาเปลี่ยนวิถีวิบากกรรม รู้ ความทำความเข้าใจ เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศล แล้วก็เจริญให้มากๆ จนไม่ต้องกลับมาเกิดกัน จนถึงนิพพานคือดับความเกิด เราดับความเกิดขณะเรายังมีลมหายใจอยู่นี่แหละคือดับไม่ให้ใจของเราปรุงแต่งเกิด คลายความหลงดับความเกิดให้มันหมดจดไม่ต้องเกิดขณะที่ยังมีลมหายใจ ขณะที่ยังยืนเดินนั่งนอนอยู่นี่แหละ เกิดภพนี้ให้เป็นภพสุดท้ายเหมือนกับว่าปางประสูติองค์เล็กชี้มือขึ้นฟ้า เราภพนี้ขอเป็นภพสุดท้าย

ตั้งใจรับพรกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง