หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 21 วันที่ 18 ตุลาคม 2559

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 21 วันที่ 18 ตุลาคม 2559
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 21 วันที่ 18 ตุลาคม 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 21
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 18 ตุลาคม 2559

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ทําใจให้สงบ วางกายให้สบาย นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วย น้อมสําเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ของเราก็จะหยุด สงบระงับตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน

พยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ภาษาธรรมท่านเรียกว่า สติรู้กาย ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า สัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จะลุกจะก้าวจะเดิน ใจของเราก็สงบตั้งมั่น มีความรู้สึกรับรู้ หัดสังเกต หัดวิเคราะห์ หัดพิจารณา หัดทําความเข้าใจอยู่ตลอดเวลา จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ว่าชีวิตของเราเกิดมาแล้วจะดําเนินไปอย่างไร ไปอย่างไรมาอย่างไร

คําสอนแนวทางพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบออกมาเปิดเผยจําแนกแจกแจงตั้งนานหลายร้อยหลายพันปี ทุกคนก็มีบุญ ทุกคนก็มีศรัทธา ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ ปรารถนาที่จะหาทางหลุดพ้น แต่การทําความเข้าใจ รู้จักลักษณะการเกิดการดับของวิญญาณในกายของเราตรงนี้รู้ไม่ค่อยจะเท่าทันเท่าไร มีแต่นึกเอาคิดเอา ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ท่านให้เจริญสติสร้างความรู้ตัว ตรงที่กายของเรา แล้วแต่อุบายของแต่ละบุคคล จุดมุ่งหมายเพื่อที่จะอบรมใจของเรา คลายใจของเราออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่าแยกรูปแยกนาม

การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนพากันมีกันมาเต็มเปี่ยม แต่การสังเกตการวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยการสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล เห็นการเกิดการดับ เห็นการแยกการคลาย ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากขันธ์ห้าซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม เป็นลักษณะอย่างไร ตรงนี้ยังทําความเข้าใจกันไม่เต็มรอบ ก็ต้องพยายาม

ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพร่ำสอนใจเรา รู้จักละ อะไรคือกุศลอะไรคืออกุศล กายทําหน้าที่อย่างไร วิญญาณทําหน้าที่อย่างไร พระพุทธองค์สอนเรื่องอะไร สอนเรื่องอัตตาอนัตตา คําว่า อัตตาอนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร คําว่า อริยสัจสี่ความจริงอันประเสริฐเป็นลักษณะหน้าตาอาการเป็นอย่างไร การแยกรูปแยกนาม การละกิเลส กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด ซึ่งมีอยู่ในกายในใจของเราหมด

ตามความเป็นจริงนั้นใจบริสุทธิ์ ความไม่รู้ ความหลง ทําให้ใจถึงเกิด การเกิดนั่นแหละคือความทุกข์ คือความไม่เที่ยง จนกระทั่งมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง แล้วก็มาหลงมายึด แล้วก็เกิดต่อไปไม่จบไม่สิ้น นอกจากพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบวิธีการแนวทาง เราไม่อยากจะเกิด เราก็ต้องดับความเกิด แต่เวลาในใจของเราทั้งเกิด ทั้งหลง ทั้งยึด ทั้งเป็นทาสของกิเลส เราก็ต้องเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปขัดเข้าไปเกลา เข้าไปแก้ไขอยู่ตลอดเวลา จนใจของเรากลับคืนสู่สภาพเดิม คือความสะอาด ความบริสุทธิ์ มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

แต่เวลานี้เพียงแค่กําลังสติ ความรู้ตัว พวกเรายังสร้างไม่ได้ต่อเนื่อง ทุกคนก็อาจจะคิดว่าเรามีสติมีปัญญา แต่เป็นสติปัญญาของระดับสมมติของโลกีย์เท่านั้นเอง ปัญญาที่จะดับทุกข์ได้ก็ต้องเจริญ สร้างขึ้นมาให้มีให้เกิด เอาไปชี้เหตุชี้ผล ให้ใจยอมรับความเป็นจริง ใจก็จะปล่อย ใจก็จะวาง ใจก็จะคลาย

แต่เวลานี้กําลังสติมีน้อย เราพยายามทําความเข้าใจให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการทําความเข้าใจ กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไร แล้วก็ละเมื่อนั้น พยายามกันนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล ทุกลมหายใจเข้าออกทุกเวลา อย่าปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส ทุกคนก็มีโอกาส ทุกคนก็มีเวลา ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทําความเข้าใจต่อกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง