หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 41 วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 41 วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 41
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ตื่นมาแต่เช้าอากาศก็เริ่มเย็น เด็กหนุ่มๆ สาวๆ พากันมาจากที่ไหนกันนะนี่ วิทยาลัยพยาบาล มากันกี่คน ชั้นปีหนึ่งปีสองหรือปีสาม ปีหนึ่ง ดีจังวันนี้อาจารย์ให้ลูกศิษย์มาจิตอาสา มาทําจิตอาสามาสร้างประโยชน์เป็นสิ่งที่ดี อาจารย์มาด้วยหรือไม่ มากันกี่คน ดีจังอยู่หลายๆ คืนหน่อยเด้อ เลี้ยงให้อ้วนเสียก่อนค่อยปล่อยกลับก็ได้ไม่เป็นไร เอาแต่เช้าตื่นแต่เช้า ตื่นแต่เช้าเวลาจะรับประทานข้าวปลาอาหารก็ไปช่วยกันทําที่โรงทานข้างล่างนะ โรงทานลานเจดีย์ บอกทางแม่ครัวทางโน้นไปช่วยกันทํา อยากทานอะไรนี่ก็ให้ช่วยกันทํา แต่อย่าทานด้วยความอยาก ให้ทานด้วยสติ ทานด้วยปัญญา
มีโอกาสได้มาศึกษา ศึกษาใจของเรา มีโอกาสเราได้มาสร้างความเสียสละ มาสร้างประโยชน์ มายังประโยชน์นี่แหละ เรามาฝึกฝนตัวเราหัดเป็นคนมีระเบียบ หัดเป็นคนมีระเบียบมีวินัย มีระเบียบกับตัวเรา ตื่นเช้า นอน นอนดึกตื่นเช้า ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น พยายามฝึกฝนให้ติดเป็นนิสัยของตัวเรา อายุมากขึ้น เราก็จะได้ไม่ได้ลําบาก
โอกาสดี เป็นคนที่มีบุญถึงได้มีโอกาสมีวาสนาได้ศึกษาเล่าเรียน ผ่านกาลผ่านเวลา แต่เวลานี้เราเป็นนักศึกษา เรายังอาศัยบุญของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เราก็ต้องพยายามทําตัวของเราให้ดี แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา จะได้เกิดประโยชน์ ตั้งใจเรียนตั้งใจศึกษา แล้วก็มีความรับผิดชอบให้สูง โตขึ้นไปเรียนจบขึ้นไป เราก็จะได้อานิสงส์มากมาย
มาโรงเรียน ครูบาอาจารย์ก็แนะนําพร่ำสอน หาโอกาสพาลูกศิษย์ลูกหามาฝึก มาสร้างความรับผิดชอบ มาสร้างความเสียสละ มาช่วยเหลือภาระหน้าที่การงาน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนพยายามฝึกฝนตัวเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้น มีความรับผิดชอบในสถานที่ของเรา มีความรับผิดชอบที่พัก ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ต้องเป็นบุคคลมีความเป็นระเบียบ สมมติก็ให้เป็นระเบียบ สมมติภายใน สมมติโลกธรรมภายนอก วิมุตติภายในใจของเรา เราก็ต้องหมั่นขัดเกลากิเลสของเราด้วย ขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ก็จะเกิดประโยชน์
อยากจะมาพักวัด ก็มาได้ มาได้เลย อยากจะมาพักวัด อยากจะมาช่วยการช่วยงาน ช่วยโน่นช่วยนี่ เจ้าคุณจะพาสร้างบุญใหญ่ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน งานเยอะ งานทําความสะอาดทั้งภายนอกภายใน งานทําความสะอาดใจของตัวเรานี่ต้องเอาตั้งแต่ตื่นขึ้นยังไม่ลุกจากที่ งานสมมติโลกธรรมเราก็ยังประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทําการทํางาน หมั่นสังเกตวิเคราะห์ใจของเราตลอดเวลา ก็จะเกิดประโยชน์มากมาย
--------------------------------
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสําเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าบังคับลมหายใจ
เราก็หายใจมาตั้งแต่เกิด แต่เราขาดการสังเกตขาดการวิเคราะห์ ขาดการสร้างความรู้ตัว ก็เลยมองข้ามตัวเองไปเสีย เราพยายาม วางภาระหน้าที่การงานทางสมมติเราก็วางมาแล้ว ทีนี้เราก็มาหยุดความนึกคิดปรุงแต่งที่เกิดจากใจ เกิดจากอาการของใจ ด้วยการสร้างความรู้ตัว รู้สัมผัสทางลมหายใจเข้าหายใจออก เวลาหายใจเข้าความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา
รู้จักคําว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ คือทุกขณะลมหายใจเข้าออก พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้กายแล้วก็รู้ใจ รู้การเกิดการดับของขันธ์ห้า ใจเกิดกิเลสก็รู้จักละ ใจเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่านเราก็หาอุบายหาวิธีที่จะทําใจของเราให้สงบ
แนวทางนั้นมีมานานตั้งหลายร้อยหลายพันปี พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย เอามาจําแนกแจกแจง การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่หลงขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นลักษณะอย่างนี้ แต่เราขาดการทําความเข้าใจ เราก็พยายาม
แต่ละวันๆ เราหมั่นสํารวจตรวจตรารู้กายรู้ใจ เรามีความกังวลหรือว่ามีความฟุ้งซ่าน เรามีความโลภหรือว่ามีความโกรธความทะเยอทะยานอยากอะไร เราพยายามหัดอบรมใจของเรา มันพร่ำสอนใจของเราอยู่บ่อยๆ อยู่เนืองๆ จนใจของเราคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ นั่นแหละถึงจะเข้าสู่ ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้ ตามดูรู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า ถึงวาระเวลาก็ต้องเข้าใจ ตราบใดที่เรายังเจริญสติอยู่ แต่เวลานี้กําลังสติของเราไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร ดูความเพียรของเรา เรามีความเกียจคร้าน หรือว่ามีความขยันหมั่นเพียร เรามีความรับผิดชอบอยู่ในระดับไหน รับผิดชอบต่อตัวเรา ต่อคนอื่น ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รู้จักจําแนกแจกแจง อันนี้ส่วนปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้ส่วนใจ ทําไมใจถึงเกิด ทําไมใจถึงหลง
ทุกคนก็มีบุญ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มีโอกาสได้สร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีต่อ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ ไม่เข้าใจเท่าไรเราก็พยายามหมั่นมีความเพียร หัดสังเกต หัดวิเคราะห์ แต่เวลานี้กําลังสติความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันธรรม เราไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร มีตั้งแต่ปัญญาที่เกิดจากหัวใจ ปัญญาที่เกิดจากขันธ์ห้าซึ่งเป็นปัญญาโลกีย์ ปัญญาเก่า เรามาสร้างปัญญาใหม่เอาไปใช้ จนทําหน้าที่แทนใจของเราได้ทุกเรื่องทุกอย่าง จนกระทั่งหมดลมหายใจนั่นแหละ เราพยายามกัน ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ผู้หญิงผู้ชายเหมือนกันหมด
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่ง ทําใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน สักนิดหนึ่งก็ยังดีนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทําความเข้าใจต่อกันเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ตื่นมาแต่เช้าอากาศก็เริ่มเย็น เด็กหนุ่มๆ สาวๆ พากันมาจากที่ไหนกันนะนี่ วิทยาลัยพยาบาล มากันกี่คน ชั้นปีหนึ่งปีสองหรือปีสาม ปีหนึ่ง ดีจังวันนี้อาจารย์ให้ลูกศิษย์มาจิตอาสา มาทําจิตอาสามาสร้างประโยชน์เป็นสิ่งที่ดี อาจารย์มาด้วยหรือไม่ มากันกี่คน ดีจังอยู่หลายๆ คืนหน่อยเด้อ เลี้ยงให้อ้วนเสียก่อนค่อยปล่อยกลับก็ได้ไม่เป็นไร เอาแต่เช้าตื่นแต่เช้า ตื่นแต่เช้าเวลาจะรับประทานข้าวปลาอาหารก็ไปช่วยกันทําที่โรงทานข้างล่างนะ โรงทานลานเจดีย์ บอกทางแม่ครัวทางโน้นไปช่วยกันทํา อยากทานอะไรนี่ก็ให้ช่วยกันทํา แต่อย่าทานด้วยความอยาก ให้ทานด้วยสติ ทานด้วยปัญญา
มีโอกาสได้มาศึกษา ศึกษาใจของเรา มีโอกาสเราได้มาสร้างความเสียสละ มาสร้างประโยชน์ มายังประโยชน์นี่แหละ เรามาฝึกฝนตัวเราหัดเป็นคนมีระเบียบ หัดเป็นคนมีระเบียบมีวินัย มีระเบียบกับตัวเรา ตื่นเช้า นอน นอนดึกตื่นเช้า ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น พยายามฝึกฝนให้ติดเป็นนิสัยของตัวเรา อายุมากขึ้น เราก็จะได้ไม่ได้ลําบาก
โอกาสดี เป็นคนที่มีบุญถึงได้มีโอกาสมีวาสนาได้ศึกษาเล่าเรียน ผ่านกาลผ่านเวลา แต่เวลานี้เราเป็นนักศึกษา เรายังอาศัยบุญของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เราก็ต้องพยายามทําตัวของเราให้ดี แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา จะได้เกิดประโยชน์ ตั้งใจเรียนตั้งใจศึกษา แล้วก็มีความรับผิดชอบให้สูง โตขึ้นไปเรียนจบขึ้นไป เราก็จะได้อานิสงส์มากมาย
มาโรงเรียน ครูบาอาจารย์ก็แนะนําพร่ำสอน หาโอกาสพาลูกศิษย์ลูกหามาฝึก มาสร้างความรับผิดชอบ มาสร้างความเสียสละ มาช่วยเหลือภาระหน้าที่การงาน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนพยายามฝึกฝนตัวเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้น มีความรับผิดชอบในสถานที่ของเรา มีความรับผิดชอบที่พัก ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ต้องเป็นบุคคลมีความเป็นระเบียบ สมมติก็ให้เป็นระเบียบ สมมติภายใน สมมติโลกธรรมภายนอก วิมุตติภายในใจของเรา เราก็ต้องหมั่นขัดเกลากิเลสของเราด้วย ขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ก็จะเกิดประโยชน์
อยากจะมาพักวัด ก็มาได้ มาได้เลย อยากจะมาพักวัด อยากจะมาช่วยการช่วยงาน ช่วยโน่นช่วยนี่ เจ้าคุณจะพาสร้างบุญใหญ่ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน งานเยอะ งานทําความสะอาดทั้งภายนอกภายใน งานทําความสะอาดใจของตัวเรานี่ต้องเอาตั้งแต่ตื่นขึ้นยังไม่ลุกจากที่ งานสมมติโลกธรรมเราก็ยังประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทําการทํางาน หมั่นสังเกตวิเคราะห์ใจของเราตลอดเวลา ก็จะเกิดประโยชน์มากมาย
--------------------------------
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสําเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าบังคับลมหายใจ
เราก็หายใจมาตั้งแต่เกิด แต่เราขาดการสังเกตขาดการวิเคราะห์ ขาดการสร้างความรู้ตัว ก็เลยมองข้ามตัวเองไปเสีย เราพยายาม วางภาระหน้าที่การงานทางสมมติเราก็วางมาแล้ว ทีนี้เราก็มาหยุดความนึกคิดปรุงแต่งที่เกิดจากใจ เกิดจากอาการของใจ ด้วยการสร้างความรู้ตัว รู้สัมผัสทางลมหายใจเข้าหายใจออก เวลาหายใจเข้าความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา
รู้จักคําว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ คือทุกขณะลมหายใจเข้าออก พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้กายแล้วก็รู้ใจ รู้การเกิดการดับของขันธ์ห้า ใจเกิดกิเลสก็รู้จักละ ใจเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่านเราก็หาอุบายหาวิธีที่จะทําใจของเราให้สงบ
แนวทางนั้นมีมานานตั้งหลายร้อยหลายพันปี พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย เอามาจําแนกแจกแจง การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่หลงขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นลักษณะอย่างนี้ แต่เราขาดการทําความเข้าใจ เราก็พยายาม
แต่ละวันๆ เราหมั่นสํารวจตรวจตรารู้กายรู้ใจ เรามีความกังวลหรือว่ามีความฟุ้งซ่าน เรามีความโลภหรือว่ามีความโกรธความทะเยอทะยานอยากอะไร เราพยายามหัดอบรมใจของเรา มันพร่ำสอนใจของเราอยู่บ่อยๆ อยู่เนืองๆ จนใจของเราคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ นั่นแหละถึงจะเข้าสู่ ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้ ตามดูรู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า ถึงวาระเวลาก็ต้องเข้าใจ ตราบใดที่เรายังเจริญสติอยู่ แต่เวลานี้กําลังสติของเราไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร ดูความเพียรของเรา เรามีความเกียจคร้าน หรือว่ามีความขยันหมั่นเพียร เรามีความรับผิดชอบอยู่ในระดับไหน รับผิดชอบต่อตัวเรา ต่อคนอื่น ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รู้จักจําแนกแจกแจง อันนี้ส่วนปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้ส่วนใจ ทําไมใจถึงเกิด ทําไมใจถึงหลง
ทุกคนก็มีบุญ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มีโอกาสได้สร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีต่อ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ ไม่เข้าใจเท่าไรเราก็พยายามหมั่นมีความเพียร หัดสังเกต หัดวิเคราะห์ แต่เวลานี้กําลังสติความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันธรรม เราไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร มีตั้งแต่ปัญญาที่เกิดจากหัวใจ ปัญญาที่เกิดจากขันธ์ห้าซึ่งเป็นปัญญาโลกีย์ ปัญญาเก่า เรามาสร้างปัญญาใหม่เอาไปใช้ จนทําหน้าที่แทนใจของเราได้ทุกเรื่องทุกอย่าง จนกระทั่งหมดลมหายใจนั่นแหละ เราพยายามกัน ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ผู้หญิงผู้ชายเหมือนกันหมด
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่ง ทําใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน สักนิดหนึ่งก็ยังดีนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทําความเข้าใจต่อกันเอานะ