หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 3 วันที่ 4 กันยายน 2559

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 3 วันที่ 4 กันยายน 2559
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 3 วันที่ 4 กันยายน 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 3
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 กันยายน 2559

มีความสุขกันทุกคน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เช้าวันอาทิตย์อากาศก็แจ่มใสดี ฝนฟ้าก็คงจะคลายลงไปได้สักหน่อยหนึ่ง ทุกคนก็มีความสุขมาทำบุญถวายทานกัน ตื่นเช้าขึ้นมารู้กาย สังเกตกายสังเกตใจของตัวเราแล้วหรือยังก่อนที่จะมากับวัด ตื่นขึ้นให้รีบรู้กายรู้ใจของตัวเรา อะไรควรทำก่อน อะไรควรทำหลัง ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร สติปัญญาพากายมาวัด ให้ใจรับรู้ ต้องแยกให้ได้ สติอยู่ส่วนบนส่วนสมอง ใจนั้นอยู่กลางใจ

หัดสังเกตหัดวิเคราะห์ ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บ รู้ลมหายใจ รู้ความปกติของใจ พอรู้ตัวปุ๊บ กิเลสมันจะสั่งมาขออีกหน่อยนะ บอกว่าอย่างนั้น มันยังไม่สว่าง มันเพียงแค่ตี​5 ตี​4 ตี​5 เอง มือคว้าผ้าห่มปุ๊บมาคลุมโปงต่อ ขออีกหน่อยกิเลสมันบอก พออีกหน่อยนี่สว่างโร่เลย ชั่วโมงเดียวแป๊บเดียว ติดอีกหน่อย ได้ยินเสียงระฆัง ได้ยินเสียงระฆังแล้วก็ยกผ้าห่มออกจากหัว ยกมือสาธุ พอหมดเสียงระฆังแล้วก็คลุมโปงต่อ บางทีก็ตั้งนาฬิกาเอาไว้ จะปลุกเวลาโน้นปลุกเวลานี้ พอนาฬิกาปลุกกริ๊งๆๆ ยังไม่พอนะ เอื้อมมือไปกดนาฬิกาปิด นอนต่อ นี่แหละความเกียจคร้านนะ

เราต้องพยายามกระตุ้นตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ความขยันหมั่นเพียร ด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล ความรับผิดชอบ จิตใจมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ฝักใฝ่ในบุญ เราหัดสังเกตวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ใจของทุกคนนั้นก็ปรารถนาอยากจะได้บุญ อยากจะถึงความดับทุกข์ อยากจะเข้าถึงความหลุดพ้นทุกข์กันทุกคน

แต่การสนใจ การฝักใฝ่ การทำความเข้าใจเพียงแค่ระดับสมมติเราก็ยังไม่ให้เต็มเปี่ยม สมมติคือความเป็นอยู่ในระดับของสมมติในปัจจัยสี่ไม่ให้ลําบาก ถ้าปัจจัยสี่ลําบากก็ส่งผลถึงแก่จิตใจด้วย เราก็ต้องพยายามมีความเพียร การกระทำของเราให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ ให้ได้ทั้งทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอก รู้จักหา รู้จักใช้​ ประหยัดมัธยัสถ์ รู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา จากน้อยๆ ไปหามากๆ เดี๋ยวก็เต็มเปี่ยม

จิตใจของทุกดวงนี่ก็ปรารถนาอยากจะได้บุญ อยากทำบุญอยากได้บุญ แต่ละวันๆ ค่อยสร้างสะสมบุญ ค่อยสร้างสะสมคุณงามความดี มีความละอายเกรงกลัวต่อปาก แล้วก็ทำในสิ่งที่ให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์อยู่ในโลกปัจจุบัน​ ทุกเรื่อง

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ก่อนจะเข้าห้องส้วมห้องน้ำ ก่อนจะทำกับข้าวกับปลา ใจปกติอยู่หรือไม่ ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจได้อย่างไร สติปัญญาดำเนินพากายไปใจรับรู้ มีความรับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล ส่วนมากก็จะปล่อยเลยตามเลยไม่ค่อยจะสนใจ คิดก็คิดไปเลย ทำก็ทำไปเลย รู้ คิดก็รู้ ทำก็รู้ ก็หลงอยู่ในความรู้ทั้งก้อนนั่นแหละเพราะขาดการจําแนกแจกแจง

อยู่กันคนละทิศละที่ก็มาอยู่ร่วมกัน บางคนก็ได้กําไรชีวิต เดินถึงจุดหมายปลายทางตั้งแต่ยังมีกําลัง บางคนก็เดินอยู่ เดินตุปัดตุเป๋ บางคนก็เดินตรง บางคนก็เดินเขวไปเขวมา

ตามแนวทางของพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอาไว้ตั้งนาน การเจริญพรหมวิหาร การสร้างบารมี การขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร กายของเราทำหน้าที่อย่างไร อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ส่วนนามนั้นมีอยู่​ 4 ส่วน ส่วนรูปนั้นมีอยู่​ 1 ส่วน

กายของเรานี่ก้อนรูป ส่วนจิตวิญญาณความคิดอารมณ์ต่างๆ นั้น​ ส่วนนาม ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าไปถึงตรงนั้น เข้าไปรู้ไปเห็นตรงนั้น เราก็ต้องหัดสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง จนเอาไปใช้การใช้งานได้ จนมีกําลังเอาไปอบรมใจของเราได้ จนใจของเราคลายออกจากขันธ์​ห้าได้ซึ่งเราเรียกแยกรูปแยกนาม เขามีอยู่ ‘สัจธรรม’ ความจริงอันประเสริฐมีอยู่ในกายทุกคน เว้นเสียแต่ว่ากําลังสติปัญญาบารมีของเราจะเข้าถึงตรงนั้นหรือไม่เท่านั้นเอง เขามีอยู่ ของเก่าของเดิมนั่นแหละ ใจเดิมนั้นสะอาด

ความไม่รู้ ความหลงทำให้เขาหลงเกิด หลงเกิดยังไม่พอก็ยังมาสร้างสะสมกิเลสเข้าไปหมักหมมอีก เขามาสร้างกายเนื้อ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แล้วเขาก็มาสร้างกิเลสปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แล้วก็มาเกิด​ ความเกิดนั้นก็ปิดกันตัวเขาเอาไว้หลายชั้นนะ หลายชั้นจริงๆ

ถ้าบุคคลมีกําลังสติปัญญาที่แหลมคมเร็วไว ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจคลายออก ตามดู รู้ เห็นตามความเป็นจริง จนใจยอมยกธงขาวยอมแพ้จริงๆ นั่นแหละเขาถึงจะยอมได้ ส่วนมากก็ตามอำเภอใจ มันอยากอะไรก็สนองให้มันเลย มันก็ค่อยสร้างสะสมกิเลส ใจหลอกใจ จิตหลอกจิต ขันธ์ห้าหลอกจิต สติปัญญาหลอกตัวเองหลายชั้นๆ เพราะว่าความเป็นกลาง ความว่าง ไม่เข้าข้างตัวเอง ตรงนั้นเรายังไม่เจอ

อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง จงเปิดโอกาส อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกก็มีคุณค่า อย่านั่งปล่อยลมหายใจทิ้ง หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ จะทำอะไรก็ให้ใจรับรู้ ผิดถูกชั่วดีปัญญาไปแก้ไข เราเกิดมา เรามาเพื่อที่จะมาสะสางจิตใจของเราให้เข้าสู่ความบริสุทธิ์แล้วก็กลับคืนสู่สถานะเดิมคือ การไม่กลับมาเกิด

เราหลงเกิดมานานหลายภพหลายชาติ หลายกัปหลายกัลป์ ดังนั้นพระพุทธองค์ท่านว่าอย่าเพิ่งไปตามถาม เอาอยู่ปัจจุบันขณะในภพมนุษย์นี่แหละให้มันได้ ขันธ์ห้ามีอะไรบ้าง มีอะไรบ้าง ตัววิญญาณเป็นลักษณะอย่างไร​ วิญญาณในขันธ์ห้า การแยกการคลายเป็นอย่างไร​ เราต้องดู การสร้างบุญสร้างบารมีเราต้องสร้าง

พวกเรามีโอกาสมากถึงได้ทำ เคยทำมาก่อน เคยสร้างร่วมกันมาก่อนถึงได้มาร่วมกันมาช่วยกัน ส่วนการขัดเกลากิเลสภายในเราก็พยายามแก้ไขตลอดเวลา อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง​ เสียดายเวลา ทรัพย์ภายในก็สร้าง ทรัพย์ข้างในก็ละ​ ขัดเกลา ทำใจให้สะอาด ทำใจให้บริสุทธิ์ ถึงเวลาก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

ตั้งใจรับพรกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง