
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 81 วันที่ 7 ตุลาคม 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 81 วันที่ 7 ตุลาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 81
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 ตุลาคม 2560
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เห็นว่าทำบุญร้อยวันให้กับคุณยายติ่งที่ได้มรณะได้วายชนม์ไปครบ 100 วัน เห็นว่าจะพากันทำบุญระลึกนึกถึงคุณยายติ่ง คุณยายพิมพ์พรรณ บูรณะพิมพ์ นักแสดงอาวุโสที่ท่านได้มาอยู่ด้วย แล้วก็มาหมดลมหายใจที่วัดของเรา เห็นว่าญาติโยมจะพากันทำบุญส่งถึงท่าน คุณหมอก็จะพากล่าวสมาทานศีลกันเสียก่อน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ไม่ต้องพนมมือ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ และก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุด ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา เราก็จะมีความรู้สึกที่ชัดเจน หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่
เราพยายามฝึกฝนความรู้สึกตรงนี้ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บเราก็สร้างความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจของเรา ให้เป็นความเคยชิน หายใจเข้าหายใจออก หายใจยาวหายใจสั้น อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่มีความรู้สึกรับรู้เขาเรียกว่า รู้ตัว รู้กาย รู้อยู่ปัจจุบันธรรม คือทุกขณะลมหายใจเข้าออก
ส่วนการทำบุญให้ทานศรัทธาต่างๆ ทุกคนพากันสร้างกันมาดี ทำบุญให้ทานทางด้านวัตถุทาน การขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบๆ ก็รู้สึกว่าจะขัดเกลากันได้อยู่ แต่กิเลสละเอียดๆ ที่เกิดจากใจ ความยินดียินร้าย อคติเพ่งโทษ หรือว่าความเกิดของวิญญาณในกายของเรา หรือว่าใจเกิด เราไม่ได้ดับความเกิดตรงนั้น ตราบใดที่ยังเกิดอยู่ ใจก็ยังหลงอยู่ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด
พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็มาเปิดเผยเรื่องชีวิต การดำเนินชีวิตของเราให้ถูกที่ถูกทาง การเจริญสติ การเจริญปัญญา เพื่อที่จะรู้ลักษณะของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากความยึดมั่นถือมั่น หรือว่าแยกรูปแยกนาม เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ ถ้าใจของเราคลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์ หงายขึ้นมา ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา ความรู้ตัวก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้าว่าเป็นเรื่องอะไร เป็นกุศลหรือว่าอกุศล รู้ลักษณะของใจที่วางว่างจากความยึดมั่นถือมั่น ใจก็จะเบา กายก็จะเบา
ใจเกิดกิเลส เราก็รู้จักดับ รู้จักหยุด พยายามคลายกิเลส สํารอกกิเลสออกจากใจของเราทุกๆ วัน กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็พยายามดับ พยายามละ พยายามแก้ ทำในสิ่งตรงกันข้าม ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากใจของตัวเรา ใจของเรามีความโกรธ เราก็รู้จักดับความโกรธ แล้วก็รู้จักให้อภัยอโหสิกรรม พยายามฝึกฝนตัวเราบ่อยๆ ศึกษาทำความเข้าใจให้ถึงความหมายนั้นๆ เราก็จะรู้ความจริงในกายของเราลึกซึ้งเรียกว่า สัจธรรม ความจริงนั้นมีอยู่ ความเกิดความดับนั้นมีอยู่
ใจนี้ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เขาหลงมาเกิด เขาหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ อันนั้นอย่าเพิ่งไปกล่าวถึง ให้เราพยายามเจริญสติดูรู้อยู่ในกายของเรา ใจตัวที่อยู่ในกายของเรา รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักดับ ใจเกิดส่งไปภายนอกได้อย่างไร ใจรวมกับขันธ์ห้าได้อย่างไร ใจเป็นทาสกิเลสได้อย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดต่างๆ มีอยู่ในใจของเราหมด
กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือเกิดขึ้นที่ใจ เราต้องเจริญสติหรือว่าเจริญปัญญาตัวใหม่ลงเข้าไปที่กายของเรา แล้วก็รู้ลึกลงไปถึงใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล นี้แหละพระพุทธองค์ท่านถึงได้ชี้เหตุให้ดู เหตุเกิดจากใจภายในซึ่งเป็นส่วนนามธรรม แล้วก็เหตุเกิดจากสมมติต่างๆ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร มีอยู่ในกายของเราหมด อย่าไปท้อ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขตัวเราใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา ตั้งตื่นก็ขึ้นจนกระทั่งหมดลมหายใจนั้นแหละ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
คําสอนสัจธรรมนั้นยังอยู่ มีอยู่ ถ้าเราเดินไม่ถูกที่ถูกทางก็ห่างไกล ถ้าเราเดินให้ถูกที่ถูกทางตามคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร คําว่าอัตตาเป็นอย่างไร อนัตตาเป็นอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างไร อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ เราต้องพยายามเข้าถึง ทำความเข้าใจให้กระจ่าง มองเห็นหนทางเดิน กายของเรานี้ซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้ามีอะไรบ้าง ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณในขันธ์ห้า ให้รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็ต้องพยายาม
อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นกุศล ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า เราก็ต้องพยายามกัน หมั่นฝักใฝ่หมั่นสนใจด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล จนรู้แจ้งเห็นจริงแทงตลอดในกายของเรา ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักละ ความเป็นจริงนั้นใจทุกดวงแต่เดิมไม่มีกิเลส แต่เดิมนั้นบริสุทธิ์ แต่เขาหลง หลงมาเกิด หลงเป็นทาสกิเลส เราก็ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสออกจากใจของตัวเราให้ได้ขณะที่เรายังมีกําลัง ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจ ก็มีตั้งแต่เรื่องบุญกับบาป เราก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้าให้ละเอียด ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างมา อะไรคือใจ อะไรคือบุญ การฝึกหัดปฏิบัติจะคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหน ก็เพื่อที่จะละกิเลส ก็เพื่อที่จะคลายความหลงออกจากใจของเรา ให้เดินให้ถึงจุดหมายปลายทางคือความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ก็ต้องพยายามกัน
อันนี้ก็ออกพรรษาได้หนึ่งวันสองวัน ก็ใกล้กับงานกฐินของเรา งานกฐินของเราก็วันที่ 22 ก็เชิญพี่เชิญน้องบอกกล่าวเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาที่มีกายเนื้อ และไม่มีกายเนื้อมาร่วมอนุโมทนาสาธุ มาร่วมกองบุญ ฝากไว้กับแผ่นดิน ฝากเอาไว้กับใจของเรา ฝากเอาไว้ให้กับสมมติ ฝากเอาไว้ให้กับส่วนรวมส่วนกลาง เมื่อพวกเรามีโอกาสก็ให้รีบทำ โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด เราก็ต้องพยายามสร้างทั้งทรัพย์ภายนอก สร้างทั้งทรัพย์ภายในให้เต็มเปี่ยมจนกว่าจะหมดลมหายใจ ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 ตุลาคม 2560
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เห็นว่าทำบุญร้อยวันให้กับคุณยายติ่งที่ได้มรณะได้วายชนม์ไปครบ 100 วัน เห็นว่าจะพากันทำบุญระลึกนึกถึงคุณยายติ่ง คุณยายพิมพ์พรรณ บูรณะพิมพ์ นักแสดงอาวุโสที่ท่านได้มาอยู่ด้วย แล้วก็มาหมดลมหายใจที่วัดของเรา เห็นว่าญาติโยมจะพากันทำบุญส่งถึงท่าน คุณหมอก็จะพากล่าวสมาทานศีลกันเสียก่อน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ไม่ต้องพนมมือ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ และก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุด ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา เราก็จะมีความรู้สึกที่ชัดเจน หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่
เราพยายามฝึกฝนความรู้สึกตรงนี้ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บเราก็สร้างความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจของเรา ให้เป็นความเคยชิน หายใจเข้าหายใจออก หายใจยาวหายใจสั้น อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่มีความรู้สึกรับรู้เขาเรียกว่า รู้ตัว รู้กาย รู้อยู่ปัจจุบันธรรม คือทุกขณะลมหายใจเข้าออก
ส่วนการทำบุญให้ทานศรัทธาต่างๆ ทุกคนพากันสร้างกันมาดี ทำบุญให้ทานทางด้านวัตถุทาน การขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบๆ ก็รู้สึกว่าจะขัดเกลากันได้อยู่ แต่กิเลสละเอียดๆ ที่เกิดจากใจ ความยินดียินร้าย อคติเพ่งโทษ หรือว่าความเกิดของวิญญาณในกายของเรา หรือว่าใจเกิด เราไม่ได้ดับความเกิดตรงนั้น ตราบใดที่ยังเกิดอยู่ ใจก็ยังหลงอยู่ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด
พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็มาเปิดเผยเรื่องชีวิต การดำเนินชีวิตของเราให้ถูกที่ถูกทาง การเจริญสติ การเจริญปัญญา เพื่อที่จะรู้ลักษณะของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากความยึดมั่นถือมั่น หรือว่าแยกรูปแยกนาม เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ ถ้าใจของเราคลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์ หงายขึ้นมา ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา ความรู้ตัวก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้าว่าเป็นเรื่องอะไร เป็นกุศลหรือว่าอกุศล รู้ลักษณะของใจที่วางว่างจากความยึดมั่นถือมั่น ใจก็จะเบา กายก็จะเบา
ใจเกิดกิเลส เราก็รู้จักดับ รู้จักหยุด พยายามคลายกิเลส สํารอกกิเลสออกจากใจของเราทุกๆ วัน กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็พยายามดับ พยายามละ พยายามแก้ ทำในสิ่งตรงกันข้าม ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากใจของตัวเรา ใจของเรามีความโกรธ เราก็รู้จักดับความโกรธ แล้วก็รู้จักให้อภัยอโหสิกรรม พยายามฝึกฝนตัวเราบ่อยๆ ศึกษาทำความเข้าใจให้ถึงความหมายนั้นๆ เราก็จะรู้ความจริงในกายของเราลึกซึ้งเรียกว่า สัจธรรม ความจริงนั้นมีอยู่ ความเกิดความดับนั้นมีอยู่
ใจนี้ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เขาหลงมาเกิด เขาหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ อันนั้นอย่าเพิ่งไปกล่าวถึง ให้เราพยายามเจริญสติดูรู้อยู่ในกายของเรา ใจตัวที่อยู่ในกายของเรา รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักดับ ใจเกิดส่งไปภายนอกได้อย่างไร ใจรวมกับขันธ์ห้าได้อย่างไร ใจเป็นทาสกิเลสได้อย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดต่างๆ มีอยู่ในใจของเราหมด
กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือเกิดขึ้นที่ใจ เราต้องเจริญสติหรือว่าเจริญปัญญาตัวใหม่ลงเข้าไปที่กายของเรา แล้วก็รู้ลึกลงไปถึงใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล นี้แหละพระพุทธองค์ท่านถึงได้ชี้เหตุให้ดู เหตุเกิดจากใจภายในซึ่งเป็นส่วนนามธรรม แล้วก็เหตุเกิดจากสมมติต่างๆ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร มีอยู่ในกายของเราหมด อย่าไปท้อ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขตัวเราใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา ตั้งตื่นก็ขึ้นจนกระทั่งหมดลมหายใจนั้นแหละ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
คําสอนสัจธรรมนั้นยังอยู่ มีอยู่ ถ้าเราเดินไม่ถูกที่ถูกทางก็ห่างไกล ถ้าเราเดินให้ถูกที่ถูกทางตามคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร คําว่าอัตตาเป็นอย่างไร อนัตตาเป็นอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างไร อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ เราต้องพยายามเข้าถึง ทำความเข้าใจให้กระจ่าง มองเห็นหนทางเดิน กายของเรานี้ซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้ามีอะไรบ้าง ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณในขันธ์ห้า ให้รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็ต้องพยายาม
อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นกุศล ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า เราก็ต้องพยายามกัน หมั่นฝักใฝ่หมั่นสนใจด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล จนรู้แจ้งเห็นจริงแทงตลอดในกายของเรา ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักละ ความเป็นจริงนั้นใจทุกดวงแต่เดิมไม่มีกิเลส แต่เดิมนั้นบริสุทธิ์ แต่เขาหลง หลงมาเกิด หลงเป็นทาสกิเลส เราก็ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสออกจากใจของตัวเราให้ได้ขณะที่เรายังมีกําลัง ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจ ก็มีตั้งแต่เรื่องบุญกับบาป เราก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้าให้ละเอียด ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างมา อะไรคือใจ อะไรคือบุญ การฝึกหัดปฏิบัติจะคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหน ก็เพื่อที่จะละกิเลส ก็เพื่อที่จะคลายความหลงออกจากใจของเรา ให้เดินให้ถึงจุดหมายปลายทางคือความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ก็ต้องพยายามกัน
อันนี้ก็ออกพรรษาได้หนึ่งวันสองวัน ก็ใกล้กับงานกฐินของเรา งานกฐินของเราก็วันที่ 22 ก็เชิญพี่เชิญน้องบอกกล่าวเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาที่มีกายเนื้อ และไม่มีกายเนื้อมาร่วมอนุโมทนาสาธุ มาร่วมกองบุญ ฝากไว้กับแผ่นดิน ฝากเอาไว้กับใจของเรา ฝากเอาไว้ให้กับสมมติ ฝากเอาไว้ให้กับส่วนรวมส่วนกลาง เมื่อพวกเรามีโอกาสก็ให้รีบทำ โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด เราก็ต้องพยายามสร้างทั้งทรัพย์ภายนอก สร้างทั้งทรัพย์ภายในให้เต็มเปี่ยมจนกว่าจะหมดลมหายใจ ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ