หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 73 วันที่ 2 กันยายน 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 73 วันที่ 2 กันยายน 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 73 วันที่ 2 กันยายน 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 73
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 กันยายน 2560

ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ หายใจยาวก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา หายใจออกยาวก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง

ใจของเราจะเกิดปรุงแต่งส่งไปภายนอกเราก็หยุดเอาไว้เสียก่อน ภาระหน้าที่การงานทางสมมติเราก็วางเอาไว้เสียก่อน เรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา พยายามระลึกรู้ หัดสังเกต หัดวิเคราะห์ แล้วก็อบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา

ใจของเรามีความเป็นปกติดีหรือไม่ หรือว่าใจของเราเกิดกิเลสต่างๆ กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด เราละกิเลสได้หรือไม่ เราก็พยายามศึกษาอยู่ในกายของเรา สร้างผู้รู้ หรือว่าสร้างสติ สร้างความรู้ตัว แต่ส่วนมากใจของเราก็เป็นธาตุรู้อยู่ แต่เขาทั้งรู้ ทั้งเกิด ทั้งหลงอยู่ เราต้องมาสร้างผู้รู้เข้าไปอบรมใจของเรา หมั่นสังเกตใจของเรา หมั่นวิเคราะห์ใจของเรา อันนี้คือส่วนรูป อันนี้คือส่วนนาม ความเกิดความดับของความคิดของอารมณ์ซึ่งเป็นนามธรรมเป็นลักษณะหน้าตาอาการอย่างไร เราพยายามหัดสังเกตอยู่บ่อยๆ เป็นคนช่างสังเกต

มีความคิดเกิดขึ้นที่ตรงไหน เกิดขึ้นที่กลางใจของเรา คําว่า ใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ยังไม่ได้คลายจากความยึดมั่นถือมั่น หรือว่าแยกรูปแยกนาม ตรงนี้คงจะลําบากอยู่เพราะว่าถ้าไม่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ยากที่จะเข้าใจ

การฝักใฝ่ การสนใจ การทำบุญให้ทานทางสมมติตรงนี้มีอยู่ แต่ในหลักธรรมจริงๆ แล้ว เราต้องรอบรู้ในกองสังขารของเราให้ละเอียดทั้งภายนอกทั้งภายใน ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในวิญญาณในกายในขันธ์ห้าของเรา รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว พยายามยังสมมติของเราให้บริบูรณ์ รู้กายรู้ใจทุกขณะทุกเวลา จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ ในการทำความเข้าใจ

หมั่นพัฒนา หมั่นยกระดับใจของเราขึ้นมาให้อยู่ที่สูง ไม่ให้ใจของเราหลงใหลไปเป็นทาสของกิเลส เป็นทาสของอารมณ์ต่างๆ เป็นทาสของความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยาก เราพยายามหัดวิเคราะห์อยู่บ่อยๆ น้อมนําคําสอนของพระพุทธองค์มาประพฤติมาปฏิบัติ มาขัดเกลาตัวเรา

แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเรา ต่อส่วนรวมหรือเปล่า จิตใจของเรามีความแข็งกร้าว มีความแข็งกระด้าง เรารู้จักแก้ไขใจของเราหรือเปล่า เราพยายามหมั่นอบรมใจของเราอยู่บ่อยๆ เจริญสติ สร้างความรู้ สร้างผู้รู้เข้าไปอบรมใจ

ใจของเราเป็นธาตุรู้ แต่เวลานี้เขาทั้งรู้ เขาทั้งหลง ทั้งเกิด ทั้งยึด ทั้งเป็นทาสของกิเลสสารพัดอย่าง เราต้องมาเจริญสติลงที่กายของเราให้ต่อเนื่อง แล้วก็เอาไปอบรมใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

ขณะนี้ใจของเราเป็นบุญ ใจของเราเป็นกุศล ใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร ถ้าเราแยกแยะไม่ได้เราก็ไม่เข้าใจ ถ้าแยกแยะได้ สังเกตทันใจคลายออกมาได้เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องความจริงของชีวิต สอนเรื่องการจําแนกแจกแจง คําว่าอัตตาเป็นอย่างไร อนัตตาเป็นอย่างไร สมมติเป็นอย่างไร วิมุตติเป็นอย่างไร ในกายในขันธ์ของเรา

ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปอบรมบ่อยๆ เข้าไปสังเกตวิเคราะห์บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็จะเห็น ถ้าอานิสงส์บุญบารมีของเรามีเต็มเปี่ยมเพียงพอเราก็จะเห็น เห็นแล้วก็ทำความเข้าใจว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ว่าเวลานี้เรามีสถานการณ์เป็นอย่างไร

วันนี้ก็ลูกหลานญาติโยม เด็กๆ นักเรียน นักเรียนที่ไหนนะ ที่มหาวิทยาลัยบัณฑิตเอเชียเหรอ อาจารย์พามาวัด ไปที่โรงเรียนครูบาอาจารย์ก็ชี้แนะแนวทางให้ ทุกอย่างน้อมนําพามา มาศึกษา มาทำความเข้าใจ พาเข้าวัด เข้ามาวัดก็มาหาครูบาอาจารย์ เพื่อที่จะช่วยชี้แนะแนวทางให้รู้จักวิธีการแนวทางแล้วพวกเราก็พากันไปปฏิบัติ เรามีความขยันหมั่นเพียร หมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ หมั่นศึกษาค้นคว้าตําราเรียนของเราให้ดี ถึงเวลา ปีหน้าก็จะมาเป็นวันนี้ เดือนหน้าก็จะมาเป็นวันนี้

เราทำวันนี้ให้ดีว่าเรามีหน้าที่อะไร เรามีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบต่อตัวเรา มีความชอบรับผิดชอบต่อส่วนรวม เป็นคนมีความเป็นระเบียบ ไม่เอารัดเอาเปรียบหมู่คณะเพื่อนฝูง เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี อะไรที่ไม่ดีเราก็พยายามละทั้งภายนอกภายใน อะไรที่จะเป็นอกุศลเราก็พยายามละ อะไรที่จะเป็นกุศลเราก็พยายามเจริญ หมั่นสร้างคุณงามความดีฝากไว้ในใจของเรา

มีความกล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ มีความละอายในสิ่งที่ควรละอาย ในชีวิตของเราก็จะมีตั้งแต่ความเจริญก้าวหน้า รู้จักบอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น ฝึกหัดให้เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ มีความรับผิดชอบจากน้อยๆ ก็จะมากขึ้นๆ เดี๋ยวก็เต็มเปี่ยม ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ว่าฆราวาสญาติโยม ก็มีอาการขันธ์ห้าอัตตาเหมือนกันหมด เราพยายามศึกษาค้นคว้าขณะที่กําลังกายของเรายังแข็งแรงอยู่ อันนี้คือบุญสมมติ อันนี้คือบุญวิมุตติ สมมติกับวิมุตติเขาก็อาศัยกันอยู่ กายกับใจก็อาศัยกันอยู่ ถึงวาระถึงเวลานู่นแหละเขาถึงจะแตกดับ ถ้ายังไม่ถึงเวลาเราก็พยายามประคับประคอง หมั่นสร้างคุณงามความดีให้ใจของเราน้อมนําเข้าไปสู่กองบุญอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

มาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องสักนิดหนึ่งก็ยังดี สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ทำใจให้ว่าง สมองให้โล่ง ทำกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวเราก็พยายามให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้เชื่อมโยงกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง