หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 81 วันที่ 29 ตุลาคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 81 วันที่ 29 ตุลาคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 81 วันที่ 29 ตุลาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 81
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 29 ตุลาคม 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหายไป ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา เราพยายามหัดสร้างความรู้ตัว เขาเรียกว่า การเจริญสติรู้กาย เวลาลมหายใจเข้าสัมผัสกระทบปลายจมูกของเรา มีความรู้สึกรับรู้อยู่ นั่นแหละที่ท่านเรียกว่าสติ ถ้าเรารู้ทั้งเวลาลมกระทบเข้ากระทบออกให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่าสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม

เราพยายามฝึกหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ตั้งแต่ตื่นขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน บางครั้งบางคราว การหายใจถ้าเราสนใจดูก็อึดอัด เราพยายามหัดวิเคราะห์ หายใจธรรมชาติเป็นอย่างไร หายใจที่ยาวเป็นอย่างไร หายใจสั้นเป็นอย่างไร สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรา ถ้าไม่เด่นชัด เราก็พยายามสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ความสืบต่อความต่อเนื่อง ลึกลงไป ส่วนการเกิดของใจนั้นมีอยู่เดิม การเกิดของความคิดกับใจนั้นมีอยู่เดิม

ถ้าเรามาสร้างผู้รู้ มาเจริญสติตัวใหม่เพื่อที่จะเอาไปอบรมใจของเรา ให้ไปฝึกใจของเรา ให้ใจอยู่ในโอวาทของสติปัญญาของเรา ไม่ใช่ว่าฝึกเฉยๆ ฝึกแล้วก็รู้จักเอาไปใช้ จนเห็นใจคลายออกจากความคิด ซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม ภาษาธรรมท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก

ความเห็นถูกว่าใจคลายออกจากขันธ์ห้า ใจไม่หลงไม่ยึด เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ แล้วเราก็จะได้พิจารณาตามดู ตามรู้ ตามเห็น แล้วก็จะเข้าใจในเรื่องอัตตาอนัตตา เข้าใจในเรื่องสมมติวิมุตติ เข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องการดำเนินชีวิต ไม่ให้ใจของเราเขาไปหลงเข้าไปยึด ใจของเราได้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด มาหลงมาสร้างอัตภาพร่างกาย มาสร้างขันธ์ห้า แล้วก็มาอาศัยกายก้อนนี้อยู่ มีการเจริญขึ้น ในหลักธรรมท่านว่าเสื่อม มีความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา เราต้องมาเจริญสติลงที่กาย เข้าไปอบรมใจ จนเห็นเหตุเห็นผลชี้เหตุชี้ผลทุกเรื่อง จนใจมองเห็นความเป็นจริง ใจเขาก็จะปล่อยก็จะวาง

ส่วนการละขัดเกลากิเลส ใจเกิดกิเลสเมื่อไหร่ เราก็รีบดับรีบหยุด ทำในสิ่งตรงกันข้าม เพราะว่าอำนาจของกิเลสนี้มีมานาน ใจก็เลยอยู่ใต้อำนาจของกิเลส เราก็พยายามขัดเกลากิเลสหยาบกิเลสละเอียดออกจากจิตจากใจของเรา ทุกเรื่องในชีวิตตั้งแต่ตื่นขึ้นมา การลุก การก้าว การเดินเป็นอย่างไร เรามีสติทั่วพร้อมไหม การหายใจเข้าหายใจออก ใจของเรายังนิ่งอยู่หรือไม่ ตากระทบรูปใจเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงใจเป็นอย่างไร ภาษาธรรมะ สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟัง เป็นลักษณะอย่างไร

เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบ ต่อตัวเรา ต่อคนอื่น ต่อสิ่งแวดล้อมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่ เราต้องหัดวิเคราะห์ ถ้าเรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามสร้างความขยัน เราไม่มีความรับผิดชอบเราก็พยายามสร้างความรับผิดชอบ จิตใจของเราแข็งกร้าวแข็งกระด้าง เราก็พยายามปรับสภาพจิตใจของเรา อบรมจิตใจของเราให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ให้มีความเสียสละอยู่ตลอดเวลา มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี สักวันหนึ่งเราก็จะบรรลุถึงเป้าหมายในสิ่งที่เราปรารถนาคือการดับทุกข์

การดับทุกข์ ทำความดับทุกข์ หลุดพ้นจากอาสวะกิเลสต่างๆ จากความยึดมั่นถือมั่น ของดีอยู่ในกายของเรา อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา สร้างทรัพย์ภายใน พยายามแสวงหาทรัพย์ภายใน คือใจที่สะอาดที่บริสุทธิ์ แล้วก็หนุนกําลังสติปัญญาไปใช้กับสมมติ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ สมมติเราขาดตกบกพร่องอะไรที่ท่านว่าปัจจัยสี่ อะไรขาดตกบกพร่องเราก็พยายามแก้ไข ในเมื่อเราอยู่กับสมมติก็เคารพสมมติไม่ยึดติดสมมติ อยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข อยู่ที่ไหนก็สนุกสร้างบุญสร้างกุศลกัน คิดดีก็เป็นบุญ ทำดีก็เป็นบุญ การกระทำของเราก็ให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ ทำประโยชน์ได้ตลอดเวลา ก็ต้องพยายามกันนะ

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง