หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 100

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 100
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 100
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 100
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 14 กันยายน 2562

มีความสุขกันทุกคน พระเราชีเราพิจารณาดูดีนะ อย่าปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าปล่อยเวลาทิ้ง จะขบจะฉันกะประมาณในการขบฉันของตัวเรา กายของเราเกิดความหิว ใจของเราเกิดความอยากเราก็รู้จักหยุด รู้จักดับ ทุกเรื่อง ทุกเรื่องในชีวิต ทุกอย่างในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราต้องวิเคราะห์ใจของเรา วิเคราะห์ความเป็นอยู่ของเราแล้วก็วิเคราะห์ปัจจัยในสิ่งต่างๆ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย รักษาใจของตัวเรา รักษาใจของคนรอบข้าง รักษาความเป็นอยู่ของเราให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์

เมื่อวานก็ได้ทำบุญให้กับผู้เฒ่า ก็ได้มีความสุขกันทั้งพระทั้งชีทั้งญาติโยม ทำบุญให้กับผู้เฒ่าผู้แก่ ก็เหมือนกับพ่อกับแม่ของเรานั่นแหละ เรามีความรัก ความเคารพซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันก็มีความสุข ไม่ใช่ว่าจะไปตำหนิ ไประแวงระวัง มีอะไรเราก็ช่วยกัน ได้ผู้เฒ่าผู้แก่มาอยู่วัดเหมือนกับมีพ่อมีแม่มามาดูแลวัดให้ อันนี้เป็นสิ่งที่ดี จะไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ลำบาก เราก็ช่วยกันดูแลขณะที่ท่านยังมีลมหายใจ ขาดตกบกพร่องอะไรเราก็ช่วยกันดูแล ดูแลพ่อแม่เรานั่นแหละ ระลึกนึกถึงคุณของท่านแล้วก็ปฏิบัติตาม

พ่อแม่ของเรา ตั้งแต่พระพุทธเจ้าโน่นแหละลงมา ท่านได้วางรากฐานคำสอน สติ ปัญญา วิธีการเอาไว้หลายร้อยหลายพันปี จนกระทั่งมาถึงพวกเรา พวกเราอย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งว่าท่านสอนเรื่องอะไร ความเป็นอยู่ในระดับของสมมติ พรหมวิหาร ความเสียสละ จนกระทั่งปัญญาที่จะขัดเกลากิเลสให้เข้าสู่ความสะอาดความบริสุทธิ์ได้ หลายสิ่งหลายอย่าง หลายร้อยหลายพันปีบางคนบางท่านก็เข้าถึง บางคนบางท่านก็เดินทางอยู่

ที่เรามาทำบุญให้ทานอันนี้ก็เป็นการเดินทาง เป็นการเดินทางในชีวิตของเรา มีความเสียสละในเมื่อมาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็เป็นบ้านใหญ่เป็นครอบครัวใหญ่ มีหลายชีวิตหลายต่างครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน มีอะไรที่จะแก้ไขเยอะแยะ แก้ไขเยอะแยะให้ถูกที่ให้ถูกทาง ทุกคนก็ปรารถนากัน ปรารถนาในทางที่ดีกันหมด บางคนก็ไม่เข้าใจ ก็เลยระหวาดระแวงซึ่งกันและกัน

เรามาช่วยกันแก้ไข แก้ไขให้ได้อยู่ดีมีความสุขกันทุกคน จะได้คนอยู่ก็มีความสุขคนมาก็มีความสุข จะไปไหนมาไหนก็มีความสุข เราอยู่เราก็มีความสุขคนอื่นมา พวกเราจากไปคนอื่นก็มาสานต่อมาเริ่มใหม่ก็มีความสุขด้วยกันมีหลายเรื่อง มีหลายเรื่องจริงๆ อยู่ในวัดของเรา มีแต่เรื่องดีๆ เราก็เลือกเอาเรื่องดีๆ เรื่องไหนที่ไม่ดีเราก็อย่าเอามาใส่ใจ มีหลายเรื่องที่จะต้องพูดต้องคุย พูดคุยกันในภาพรวม ทั้งฆราวาสญาติโยม ทั้งพระ ทั้งชี มีกิจกรรมหลายอย่างที่เราจะต้องทำช่วยกัน

สร้างมหาเจดีย์ก็ทำไปเรื่อยๆ ทั้งทางโรงทานมหาเจดีย์ ทั้งทางโรงทานข้างบน โรงครัวข้างบนเราก็ต้องมาช่วยกันวิเคราะห์ ช่วยกันพิจารณา ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย ทุกคนก็ปรารถนาอยากได้บุญกันหมดนั่นแหละถึงได้เข้ามาวัด ถึงได้เข้ามาบวช เสียสละเวลาทางบ้านทางช่องเข้ามา มาบวชทั้งพระ ทั้งชี จิตใจก็อยากจะหาทางดับทุกข์ อยากจะหาทางหลุดพ้น มาแล้วก็มาเจอจากบ้านน้อยก็มาเจอบ้านใหญ่ แทนที่จะแก้ปัญหาให้ได้ บางครั้งบางคราวก็เพิ่มปัญหา มีปัญหามาให้แก้ไข เราก็ช่วยกันแก้ แก้ไขให้ได้ ใช้ตัวเราให้เป็น

ยิ่งพระ ยิ่งชี ยิ่งทางโรงทาน หรือว่าทางโรงครัวนี่เป็นปัญหาหลักเลยทีเดียว ถ้าไม่มีโรงครัวปากท้องก็หิว คนเราถ้าไม่รับประทานข้าวปลาอาหารสักวันสองวัน ถ้าควบคุมใจไม่ได้ ใจเกิดความหิวมากทีเดียว เกิดความอยาก เกิดความอยาก ถ้าเกิดความอยากและไม่ได้สมดังใจอยาก มองเห็นช้างตัวเท่าแมวทันทีเลยนะ เรามาแก้ไขให้ได้ มาแก้ไขให้ได้

นี่ยิ่งทางโรงครัวของเราก็มีผู้หลักผู้ใหญ่มาอยู่ประจำ คนสูงอายุมีกี่คน มีกี่ท่าน ทางโรงครัวที่เลย 60 ขึ้นไปมีประมาณ 4 5 6 ท่าน หรือเลย 50 ขึ้นไป อันนี้ก็เหมือนกับมีแม่คนหนึ่ง มีแม่มาอยู่ มาดูแลให้ มาดูแลทางครัว ความรักความห่วงใยของผู้หลักผู้ใหญ่กลัวลูกหลานจะไม่ได้อยู่ได้กินได้ทาน ได้อิ่มหนำสำราญ ก็คอยดูแลเรื่องครัวคอยบริการเรื่องครัว

เรื่องครัวนี้หนักนะไม่ใช่ว่าไม่หนัก หนักทุกอย่าง หนักทุกอย่าง ตั้งแต่การหากับข้าวกับปลา การทำแล้วก็ตั้งแต่ไม้เผาถ่านเผาอะไร มาทำกับข้าวกับปลา ไม่ใช่ว่าเราจะมองเห็นเฉพาะอาหารอยู่ในจาน กว่าจะได้อาหารมาแต่ละชิ้น กว่าจะได้อาหารมาหล่อเลี้ยงแต่ละคน ทั้งเหนื่อย ทั้งลำบากทั้งช่วยกันดูแล


พวกเราก็นับว่าโชคดีโชคดีที่ได้แม่ครัวมาอยู่ด้วยหลายคนหลายท่าน ได้ผู้สูงอายุมาอยู่ด้วยมาช่วยดูแล มาทำกับข้าวกับปลาให้ ถ้าไม่มีความเสียสละก็คงจะออกมาบวชไม่ได้ ออกมาอยู่วัดไม่ได้

แต่บางครั้งบางคราว ความยากความลำบากมันก็มีเกิดขึ้น เพราะว่าหลายคนหลายท่านมาดูแลจากบ้านที่มีคนน้อยๆ แล้วก็มาเจอคนเยอะๆ ก็เหมือนกับมีลูกเยอะนั่นแหละ มีลูกเยอะนั่นแหละลูกบางคนก็ไปอย่างโน้น เอาอย่างโน้น ทำอย่างนี้ คนเป็นแม่ก็คอยดูแล คอยกำกับให้อยู่ในระบบระเบียบ

คนเป็นลูกก็บางทีก็ไม่เข้าใจก็ว่าแม่หวง ว่าแม่ยึด ว่าแม่ติด ตามความเป็นจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ตามความเป็นจริงคนเป็นแม่รักลูกทุกคนอยากจะให้ลูกได้ดีทุกคน แต่วาจาก็อาจจะกระทบกระทั่งกันบ้าง ดูแลในหลักของภาพรวมดูแลในภาพรวม กลัวคนหมู่มากจะลำบากไม่มีอะไรได้อยู่ ได้ทาน ได้กิน อยากจะให้ได้อยู่ได้ทานได้กิน ได้อยู่ร่วมกัน ให้พร้อมหน้าพร้อมตา

ลูกบางคนก็อยากจะเอาอันโน้น อยากจะทำอันนี้ บางทีก็โดนแม่ดุ ไม่เข้าใจก็ว่าแม่ยึด แม่หวงแม่ติต ในภาพความเป็นจริงก็อยากจะให้มีความเป็นระเบียบ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะว่าคนหมู่มาก อาหารส่วนนี้ อาหารอย่างนี้ ทำอย่างนี้คนหมู่มากจะได้รับประทานพร้อมกันลูกเยอะ ทุกคนก็จะได้มีส่วนร่วมด้วยกัน

ส่วนคนเป็นแม่นั้นก็บางทีก็อาจจะใช้วาจาดุด่าบ้าง ดุด่าบ้าง อันนี้ก็เป็นธรรมดา เพราะว่าแม่ทุกคนนั้นรักลูก อาจจะใช้คำพูดคำจาหนักไปบ้างก็มี คนเป็นลูกก็ไม่เข้าใจก็ว่าแม่ดุ แม่หวง ไม่อยากจะให้ ตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าหลวงพ่อเป็นแม่หรือว่าเป็นคนดูแล หลวงพ่อจะพยายามให้ทุกคนได้เข้ามาร่วมกัน ให้ลูกๆ ทุกคนเข้ามาร่วมกัน เข้ามาช่วยกัน ใครมีฝีมืออย่างไร ใครทำอาหารอร่อยอย่างไร เก่งอย่างไร ถ่ายทอดให้ ถ่ายทอดให้ ให้ทำ ทำผิดแล้วก็แก้ไขใหม่ ไม่ต้องไปกังวลว่าอันโน้นจะขาด อันนี้จะขาด ทุ่มเทให้

ขณะที่ยังมีลมหายใจ พวกเราจากไป วิธีการ ฝีมือ ก็จะยังอยู่เหมือนเดิม ถ่ายทอดให้กับพวกลูกหลาน เราก็มีหน้าที่นั่งดู ชี้แนะให้ ไม่ต้องกังวลว่าอันโน้นจะขาด อันนี้จะขาด เรียกมาเรียกมาช่วยกัน เปลี่ยนทัศนนิสัยใหม่ แก้ไขใหม่

แม้แต่การพูดการจาก็รักษาน้ำใจเรา รักษาน้ำใจทุกคน ให้มาอยู่ด้วยกัน ช่วยกัน งานหนักก็จะเป็นงานเบา ไม่ใช่ว่าจะไปแบกรับเอาคนเดียว แบบรับคนเดียวนี่หนัก อะไรๆ ก็แม่คนเดียวอะไรๆ ก็แม่คนเดียว ให้ทำ ทำก็เลยหนัก คำว่า ‘แม่’ นี่ใหญ่ หนัก หนักมากทีเดียวอยากจะให้ลูกหลาน ได้อยู่ได้กิน ได้อยู่ดีมีความสุข อยากจะให้ทุกคนอยู่ในความพร้อมเพรียงกัน บางทีลูกก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้จักรักษาน้ำใจแม่ก็ทำให้แม่เป็นทุกข์

ความยึดความติดความหวงอันนั้นไม่ใช่ เป็นการรักษาระเบียบ เป็นการรักษาระเบียบ แต่พวกเราอาจจะไม่เข้าใจ เราต้องมาแก้ไข ไม่ต้องกลัวอด ไม่ต้องกลัวอยาก ถ้าเราให้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหลั่งไหลมาเรา ให้ทานไปเถอะ ให้ทานไป มีอะไรเอาทานออกมา ของดีๆ ทำให้ ทุกคน ได้อยู่ ได้ทานได้กิน ถ่ายทอดฝีมือให้ แล้วก็นั่งดู ส่งเสริม ใครไม่อยากจะทำก็ไปเรียกมาทำ จะได้มีวิชาชีพติดตัว ไปที่ไหนมาที่ไหนก็จะได้ไม่เก้อเขิน ไม่ใช่ว่าจะทำคนเดียว ทำคนเดียวแล้วก็หนักอยู่คนเดียว แล้วก็ทุกข์อยู่คนเดียว

เราอายุเยอะ อายุ คนที่มีอายุเยอะก็พยายามถ่ายทอดให้กับลูกกับหลานเขา ลูกหลานก็จะได้สานต่อ เราก็ถอยออกมานั่งดู ไม่ต้องไปกลัวอันโน้นจะลำบาก อันนี้จะลำบากกลัวอันโน้นจะหาย กลัวอันนี้จะไม่พอเพียง ให้ตัดสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ออกไป เปิดใจให้กว้าง เปิดใจให้กว้าง แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ทุกอย่างก็จะมีความสุข ทุกเรื่อง ทุกเรื่องเลยนะ

พวกชีน้อยๆ อายุน้อยๆ ก็พยายามฝักใฝ่ให้ความเคารพกับผู้ใหญ่ รู้จักแก้ไขตัวเรา ไม่ใช่คอยตั้งแต่จะอคติเพ่งโทษ อะไรก็ทำไม่ได้ อันโน้นก็ผิด อันนี้ก็ผิด เข้าไปเถอะเข้าไปทำ เข้าไปทำผู้ใหญ่ก็เปิดทางให้ ไม่ให้ไปตีกรอบมากเกินไป ก็ตีกรอบมากเกินไปมันก็ลำบาก เหมือนกับสมัยก่อนที่หลวงพ่อบวชใหม่ๆ หลวงพ่อก็จะตีกรอบมาก ต้องเป็นบุคลลที่อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกอย่าง ทั้งที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอนต้องเป็นระเบียบ พอคนเข้ามาหาก็ลำบาก คนเข้ามาหาก็เป็นทุกข์เพราะว่าโดนเราตีกรอบ เราก็คอยจ้ำจี้จ้ำไช เขาก็แทนที่จะได้บุญกลับได้บาป อคติ เพ่งโทษ

เราก็เอาหลักของการปฏิบัติ ปฏิบัติให้ดู มีความเสียสละ เป็นผู้ให้ ผู้คอยช่วยเหลือ อะไรผิดพลาดแก้ไขใหม่ เริ่มใหม่ ไม่คอยไปยึด ไปติด ไปควบคุม เราก็รู้จักดูแลรักษา ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรควรหรือไม่ควร ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบาก ปล่อยไปเถอะ ทำให้ดีที่สุด

ชีน้อยๆ หรือว่าอายุผู้น้อยก็มาช่วย แล้วก็มองใหม่ คิดใหม่ ทำใหม่ ทุกคนก็จะมีความสุข เพราะว่าอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน มาจากคนละหลายครอบครัว มาอยู่รวมกัน ทุกคนก็ปรารถนาดีกันทั้งนั้นแหละ ทั้งแม่ชีก็ปรารถนาดีถ้าไม่มีความเสียสละก็ออกมาบวชไม่ได้ ในเมื่อออกมาบวชแล้วก็เหมือนกับมาอยู่ครอบครัวใหญ่ มีลูกเยอะ เราก็ช่วยกัน ช่วยกันประคับประคอง ไม่ต้องไปตีกฎตีระเบียบอะไรมากมายหรอก ทุกคนก็มีกฎระเบียบอยู่ในตัวหมด ให้มีความเสียสละ หมดแล้วหาใหม่ ทำใหม่ กลัวลูกหลานจะไม่ได้อยู่ได้กิน ดิ้นรนแสวงหา หามาไว้

คนที่เป็นลูกเป็นหลานก็รู้จักวิเคราะห์ พิจารณา อะไรที่จะทำให้พ่อแม่สบายใจเราก็ทำ อะไรที่จะทำให้พ่อแม่ลำบากใจเราก็พยายามหยุดเสีย ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ปฏิบัติคล้ายๆ กันหมดนั่นแหละปฏิบัติคล้ายๆ กันหมด อย่าไปคิดว่ากูดี มึงดี กูทำ มึงทำ ให้ทำช่วยกัน ให้ทำช่วยกัน ให้ทำช่วยกัน เพราะว่าอีกซักหน่อยก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ทุกคนเกิดมาอย่างมากที่สุดก็ 100 ส่วนมากก็อยู่แค่ 60-70

หลวงพ่อนี่ก็คงจะอยู่ได้ไม่นานหรอก ก็ร่างกายโรคภัยไข้เจ็บก็เบียดเบียน ก็ประคับประคองรักษาเขาให้อยู่ในทำบุญ ให้ทาน สร้างประโยชน์ให้ได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรื่องหลายเรื่องเราต้องช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่ว่าไปครอบงำ ไปเก็บงำเอาไว้ เราอายุเยอะเราก็พยายามแบ่งปันความรู้ของเราที่มีอยู่ ใครมีความรู้อย่างไรก็เอามาแบ่งปัน มาช่วย มาชี้แนะให้กับบุคคลรุ่นหลังก็จะได้สานต่อไม่ได้ทิ้งช่วง อย่าไปหวง อย่าไปห่วงวิชา ถ่ายทอดให้หมด แล้วก็นั่งดู นั่งดูว่าใครทำเก่งหรือไม่เก่ง เราก็เป็นคนดูแล แล้วก็ตรงไหนไม่ดีเราก็ค่อยชี้แนะจะได้มีความสุข กายของเราก็จะได้พักผ่อน ปลด ปลง ภาระทางหน้าที่สมมติในระดับหนึ่ง เลื่อนระดับเป็นบุคคลที่มาดูแล จากคนที่เข้าไปควบคุมจัดการ แล้วก็มาเปลี่ยนเป็นคนดูแล ถ่ายทอดให้ ก็จะได้ไม่ได้ลำบาก

พวกที่หนุ่มๆ ก็มาช่วยกัน เราก็ระวังความคิด ระวังคำพูดระวังคำจา ไม่ให้กระทบกระทั่งกัน แต่ส่วนมากก็ที่ได้ยินข่าวได้ทราบข่าว ไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ด้วยกัน 2 คนก็ไม่ค่อยจะถูกกัน ไม่ค่อยจะถูกกันแค่วาจาเท่านั้นแหละ แต่จิตใจนี่ก็ความปรารถนาดีทั้งนั้น จิตใจดีทุกคน แต่การสื่อสารอาจจะ ความหมายอาจจะไม่ตรงกัน ทว่าคนสูงอายุ คนที่เคยผ่านโลก มีลูกมีหลาน รักลูกรักหลานทุกคน รักเหมือนมองเห็นเด็กๆ นี่เป็นลูกทุกคน

ความไม่เข้าใจของลูกก็ไปคิดว่าพ่อแม่นี้ไปหวง ไปยึด ไปติด ไม่อยากจะให้ทำอันโน้นทำอันนี้ ก็ความเป็นระเบียบในภาพรวมถึงคนหมู่มาก ถึงจะเป็นระเบียบได้ ถ้าไม่อย่างงั้นก็ไม่เป็นระเบียบก็เละเทะ เราจงมาทำสถานที่ของเราให้เป็นตัวอย่างของคนภายนอก เป็นตัวอย่างให้กับตัวเราเป็นตัวอย่างให้กับโลก ให้กับสมมติ

ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความอ่อนน้อมถ่อมตน คำพูดคำจา ใครเข้ามาก็ให้มีให้ได้ยินได้ฟังแล้วก็ให้มีความสุข ไม่ใช่ว่าเดินเข้าไปในครัวปุ๊บ อันโน้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้ เอาไว้ให้กับภาพรวม เอาไว้ให้กับคนหมู่มาก ให้ทำไปเถอะ คนไหนหิวๆ มา ก็บอกให้ไปหาทำ หาทานกิน มีอะไรก็ให้ทำทานกิน ไม่ต้องกลัวจะหมด หมดแล้วเอาใหม่

ยิ่งเราเปิดใจกว้างเท่าไหร่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหลั่งไหลมา หลั่งไหลมาให้ หลั่งไหลมาให้ เพราะว่าความเสียสละ พรหมวิหารของเรามี ไม่ต้องไปกลัวอด ไปกลัวอยาก ไปกลัวลำบาก ให้ไปหมดเท่าไหร่เราก็ยิ่งโล่ง ยิ่งโปร่ง ยิ่งเบายิ่งสบาย มีอะไรอย่าไปเก็บ ไปกักเอาไว้ ไม่ต้องไปยึด ไปติดกลัวมันจะหมด ยิ่งทำเยอะเท่าไหร่ยิ่งหลั่งไหลมา

อานิสงส์ตรงนี้นี่ปรากฏขึ้นกับหลวงพ่อมากมาย ยิ่งทานเท่าไหร่ยิ่งหลั่งไหลมา ผลทานนี่แหละทำให้เราเข้าถึงนิพพานได้ ทานจนใจไม่มีความอยาก จนใจไม่มีความยึดมั่นถือมั่น ไม่มีความอยากได้อะไร ใจไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น ใจก็เลย ‘ว่าง’ ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น นี่เพราะผลทาน เพราะการให้ เพราะการให้ให้จนหมด ใจให้ไม่หวัง ไม่ยึดไม่ติดอะไรให้เพื่อให้เกิดประโยชน์ อานิสงส์ตรงนี้ก็ย้อนกลับมาให้เรา ให้ได้ทรัพย์ภายในที่ยิ่งใหญ่ ทรัพย์ภายนอกก็ไม่อดไม่อยาก ถึงจะรู้คุณค่าของคำว่า ‘ให้’ ของคำว่า ผู้ใหญ่ อยู่ในพรหมวิหาร ในความเมตตา ยิ่งให้เท่าไหร่ยิ่งได้เยอะ

อันนี้ปรากฏกับหลวงพ่อมาตลอด จนเทวดานี่ร้อนมาช่วยคอยช่วยเหลือหลวงพ่อไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แม้แต่อยู่บนเครื่องบิน อยู่บนเครื่องบิน บินไปเมืองนอกไปอินเดียก็เกิดเหตุการณ์ คนอยู่บนเครื่องบินทั้งหน่วยบริการสาวแอร์โฮสเตส ทั้งโชเฟอร์ขับเครื่องบิน พากันรวบรวมเงินมาถวายให้หลวงพ่ออยู่บนเครื่องบิน ทั้งที่พระก็เยอะ หลวงพ่อก็เลยมาวิเคราะห์ พิจารณาว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ เพราะผลทานหลวงพ่อเคยให้ทานมาก่อน คนอื่นก็อยากจะให้ทานอยากจะให้ทาน ไม่สงสัยอะไรเลย ทานก็มาทานกันบนเครื่องบินนั่นแหละทั้งขาไปขากลับขนาดเครื่องบินคนละครั้ง คนละลำ เพราะผลทานเราเคยให้ทานมาก่อน ถึงมีคนอยากจะให้ทานด้วย จะทำอะไรก็เลยไม่ได้ลำบาก จะทำมากทำน้อยก็ไม่ได้ลำบาก

เรามาเปลี่ยนวิธีการแนวทางใหม่ ที่หลวงพ่อได้รับอานิสงส์ตรงนี้ก็เพราะพ่อแม่พาให้ทานมาตั้งแต่เป็นเด็ก ให้ทาน มีอะไรท่านก็อยากจะให้ ช่วยเหลือ มีทั้งแม้แต่คนเป็นบ้า ลำบาก เดินทางขอข้าวขอปลา ก็เรียกให้มาทานข้าวทานปลา หาเสื้อผ้าให้ใส่ พระสงฆ์องค์เจ้าไปรับบริจาคเงินต่างๆ ท่านก็ไปฉันข้าวที่บ้าน ไม่ไปฉันที่วัด คนสัญจรไปมาก็ได้ไปทานข้าวทานปลา

เหมือนกับเป็นของส่วนสมบัติของส่วนกลางส่วนรวม หลวงพ่อก็เลยติดเป็นนิสัย เป็นผู้ให้มาตั้งแต่เป็นเด็ก ใจว่างมาตั้งแต่เป็นเด็ก ไม่มีความโลภ ความโลภ ความโกรธ นี่ไม่มีถึง 20 ครั้งตั้งแต่เป็นเด็ก แล้วก็มี ก็มีขุ่นๆ นิดๆ หน่อยๆ อยู่ในใจก็รู้ ใจถึงได้ว่างได้เร็วได้ไว

ขณะที่ใจคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น เดินหนาวๆ สมัย 30 ปี หนาวๆ นี่เดินไปเล่น ไปเล่นบนทางรถไฟโน้น เดินตามทางรถไฟ อากาศหนาวๆ เดินดูใจ ดูความโล่ง ความโปร่ง ความเย็นเราได้รับความเย็น ความโล่ง เพราะอะไร เพราะผลทาน เพราะการให้ โดยที่ไม่ได้ฝึกอะไรเลย

เรามาเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ชี้เหตุที่ผลเล็กๆ น้อยๆ ใจก็มีตั้งแต่ความหนักแน่น มีความสุขอยากจะเป็นผู้ให้อยากเป็นผู้ให้ ทีนี้เราก็ให้ด้วยสติ ให้ด้วยปัญญา แต่ก่อนนี้ใจอยากให้อย่างเดียว เราก็มาดับความเกิดของใจ ดับความเกิดของใจ ทีนี้ให้ด้วยสติให้ ด้วยปัญญา ยิ่งให้เยอะกว่าเก่า มีความสุขมากกว่าเก่า สิ่งไหนที่เรารักมากสิ่งไหนที่เรายึดมาก เราให้ เราเอาออก ยิ่งมีอานิสงส์มากมาย อย่าไปเสียดายอาลัยอาวรณ์ในสิ่งที่เรารักมาก ให้ไปเท่าไหร่ยิ่งจะหลั่งไหลมา

ยิ่งมาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน หลวงพ่อก็บอกกล่าวพูดชี้แนะอยู่ทุกวัน สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ถ้าพวกท่านเก็บไปวิเคราะห์ พิจารณา จะเห็นคุณค่ามากมายทีเดียว ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่หลักของการปฏิบัติ ความเสียสละของเรามีหรือไม่ ความละอายของเรามีหรือเปล่า การกระทำ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความอ่อนน้อมถ่อมตน มันจะได้ส่งถึงผล อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า

ยิ่งมาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ถ้าต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ไม่ไปในรูปแบบเดียวกันก็ไม่มีความสุข เดินหน้าเข้าไปในครัว เดินหน้าเข้าไปโรงทาน หิวๆ มา ก็เกิดไม่อยากเลยทีเดียวไม่กิน เพราะว่าเห็นหน้าคนบริหาร คนบริการ มีแต่เข้าไป มีแต่ความบูดความบึ้ง มันจะไปกินได้ยังไง มันจะไปทานได้อย่างไรก็คงไม่มีหรอก อันนี้หลวงพ่อเล่าให้ฟัง


หลวงพ่อเพียงแค่เล่าให้ฟัง เราต้องมองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี ให้คนอื่น เราก็มองเรื่องเฉพาะส่วนที่ดีๆ มา มาดูแลเอา อันไหนที่ไม่ดีเราก็อย่าเก็บมาใส่ใจ ผู้ใหญ่ของเรามีอะไรดีๆ ก็ควักออกมาให้ลูกให้หลาน มาช่วยกันประคับประคอง มาช่วยให้ลูกให้หลานได้สานต่อ ไม่ใช่ว่าจะไปเก็บ ครอบงำเอาไว้คนเดียว ครอบงำเอาไว้คนเดียวมันก็หนักอยู่คนเดียว ก็หนักไม่มีใครมาช่วย อยากจะให้คนช่วย เราก็ต้องดูเราเสียก่อนว่าพรหมวิหารของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ก็มีกันทุกคนนั่นแหละ แต่เราอาจจะเอาไปใช้ไม่ถูก วิธีการอาจจะพูดจา ไม่ไพเราะบ้าง พูดจาบังคับบ้าง พูดจาในลักษณะที่ไม่เป็นมงคลบ้าง แต่ในส่วนลึกๆ ในส่วนลึกๆ ก็อยากจะให้ได้ดีอยากจะให้ทุกคนได้ดี

ความปรารถนาดี ถ้าไม่ปรารถนาดีแล้วออกบวชไม่ได้หรอก ออกจากบ้านจากช่องไม่ได้หรอกเรามาแก้ไขเรา มาปรับปรุงเรา เราก็จะได้สบายขึ้นได้ อายุมากขึ้นเราก็จะได้พักผ่อน ใช้ตั้งแต่วาจา อันโน้นทำ อันโน้นช่วย อันโน้นช่วยอันนี้ อะไรไม่ดี เราก็ช่วยชี้แนะแก้ไขให้ เราก็จะได้มีความสุข

เห็นไหม ยายชียายเฒ่าเป็นผู้ให้ตลอด สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ท่านเป็นผู้ให้ เป็นผู้ให้เสียสละ ลูกอายุแค่ 2 ขวบ ท่านเสียสละออกมาบวช ไปบำเพ็ญบุญ บำเพ็ญกุศลจนได้มาอยู่กับหลวงพ่อร่วม 20 กว่าปี ได้อาศัยท่านมากทีเดียว กับข้าวกับปลา อาหาร การอยู่การกิน อะไรขาดตกบกพร่องท่านจะทำให้ ให้ทุกคนได้อยู่ได้กิน ถ้ามองดูแค่เพียงเปลือกหรือว่าผิวเผินก็เหมือนกับท่านงกไม่ใช่งกนะ เป็นคนขยัน เป็นคนขยันเงินบาทเดียวก็ไม่เอา ได้เท่าไหร่ก็มาให้หลวงพ่อได้สร้างประโยชน์ ได้สร้างประโยชน์ให้กับทุกคน อาหาร การอยู่การกิน ท่านก็เก็บเอาไว้ใครไปใครมาท่านก็มาเรียกดื่ม เรียกทาน เรียกกิน อยากให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุขนั่นแหละ

น่าจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เอาเป็นข้อวัตรปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าอันโน้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้ กลัวจะหมด กลัวจะอดกลัวจะลำบาก กลัวในภาพรวมจะไม่ได้อยู่ได้กินได้ทาน ก็ความปรารถนาดีความปรารถนาดีตรงนี้เราก็มาเปลี่ยนเป็นพรหมวิหาร เปิดใจให้กว้าง ให้กว้างแล้วก็มาอยู่เบื้องหลัง ช่วยชี้แนะแนวทางให้ หมดแล้วหามาใหม่ ไม่ต้องกลัวอดกลัวลำบาก

หลวงพ่อจะตั้งโรงทานให้ ต่อไปในวันข้างหน้า ภาระหน้าที่สมมติต่างๆ คลี่คลายลง หลวงพ่อจะให้ตั้งโรงทานอย่างเดียว ใครไปใครมาก็จะให้อยู่ดีมีความสุข ให้กินอิ่มหนำสำราญ งานสมมติเราก็ทำ บุญสมมติเราก็ทำ ปากท้องเราก็ให้อิ่ม ไม่ให้ความยึด ความติด เข้ามาเกาะเข้ามาเกี่ยวให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากมาย

เรามาเปลี่ยนวิธีการ วิธีการเสียใหม่ แนวทางเสียใหม่ ทั้งที่ใจของเราก็มีพรหมวิหารนั่นแหละแต่เป็นพรหมวิหารที่ยังคับแคบอยู่ ยังเป็นพรหมวิหารที่ยังควบคุมตีกรอบอยู่ เรามาเปลี่ยนเป็นพรหมวิหารให้กว้าง ให้ทุกคนได้มีความสุข ผิดพลาดเราก็แก้ไขใหม่

ลูกชีทุกคนก็ช่วยกัน อย่าไปคิดอคติว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะมีจิตใจที่เกลียดชังลูก ทุกคนรักลูกกันหมด ท่านอาจจะไม่พูด แต่เอาการกระทำเป็นตัวอย่าง หรือบางครั้งบางทีท่านอาจจะพูด อาจจะไม่เข้าหูเราเราก็มาแก้ไข มาปรับปรุงตัวเรา อะไรไม่ดีเราก็ถาม ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ทำอยู่คนเดียว เราไปมีอะไรเราก็ทำ ช่วยกันทำ ช่วยกันจากหนักก็เป็นเบา จากเบาก็แทบจะไม่มี เป็นความปกตินั่นแหละหลักของการปฏิบัติ

ความเสียสละ ไม่จำเป็นต้องว่าต้องไปตีกรอบอย่างโน้นอย่างนี้ ถึงเป็นการปฏิบัติ นั่งสมาธิ เดินจงกรม อันนั้นเป็นเพียงแค่รูปแบบ เป็นแค่เพียงรูปแบบ เรามีจิตใจที่กว้างขวาง เป็นผู้ให้ ผู้ช่วยเหลือ ผู้อนุเคราะห์ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นหลักของการปฏิบัติ ความเสียสละ มีอะไรดีๆ เอาออกมา

คนที่เคยเป็นแม่ครัวใหญ่ทำกับข้าวกับปลาอร่อย เราก็ออกมาสอนลูกสอนหลาน สอนให้เป็นช่วงนี้เขาอาจจะรับยังไม่ได้ ต่อไปในวันข้างหน้าเขาจะคิดถึง เขาจะคิดถึง ไปที่ไหนก็ไม่ได้เก้อได้เขิน อย่าไปหวง อย่าไปห่วงวิชา เอาออกมาสอน มาชี้แนะ เราก็นั่งดูแล้ว ต่อไป มีตั้งแต่คนจะเอามาให้ ยิ่งสนุกทำ ความเสียสละของเรามี ไม่ให้ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เปลี่ยนวิธีการเสียใหม่ ทุกคนก็จะได้อยู่ดีมีความสุข

พระเราก็เหมือนกัน ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราแก้ไขอะไร งานส่วนตัว งานส่วนรวม นั่นแหละคือ หลักของข้อวัตรปฏิบัติ สมมติอะไรเราติดขัดบกพร่องเราก็รีบแก้ไข สมมติสมบูรณ์แบบก็ส่งผลถึงจิตใจ ไปไหนมาไหนก็มีความสุข ไปที่ไหนก็ไม่เก้อไม่เขิน ทุกคนก็มีความสุข อานิสงส์บุญก็ล้นกระจายไปทั่ว ไม่เสียดาย เสียเวลา เสียโอกาส ให้รีบแก้ไขเสียนะ อยู่ที่นี่ก็คงจะไม่มีหรอกมีก็อาจจะมีบ้างนิดๆ หน่อยๆ

ก็พรหมวิหาร ความเมตตา อยากให้ทุกคนอยู่ดี มีความสุข ตั้งใจรับพรกัน ขอให้ทุกคนไหว้พระพร้อมๆ กัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง