หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 98

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 98
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 98
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 98
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 กันยายน 2562

มีความสุขกันทุกคน พระเรา ชีเรา ดูดีๆ นะ อย่าลืม อย่าพลั้งเผลอ เวลาจะขบจะฉัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่เผลอสักกี่เที่ยว สติวิเคราะห์ใจวิเคราะห์กายของตัวเรา จนกระทั่งถึงเวลานี้ และก็เดี๋ยวนี้ เวลาจะขบจะฉันนี่แหละสำคัญ กายก็หิว ใจจะเกิดการปรุงแต่งความอยากได้เร็วได้ไว ก็รู้จักหยุดรู้จักดับ อันโน้นก็อร่อย อันนี้ก็อร่อยกิเลสมันบอกว่า เอาน้อยๆ กลัวไม่อิ่ม เอาเยอะๆ บางทียังมาไม่ถึง ‘จะถึงกูหรือเปล่าหนอ’ กิเลสมันบอก

มองซ้ายมองขวา มองบนมองล่าง มองกลางใจของเรา ถ้าเราเอาเยอะคนข้างหลังจะได้หรือเปล่า เราก็รู้จักวิเคราะห์ ถ้าเราเป็นคนเสียสละ มันอยากจะได้เราไม่เอา เราหยุดเราดับ ให้ผ่านเลยไป ผ่านเลยไปแล้วใจของเรายังอาลัยอาวรณ์หรือเปล่า เราก็ต้องดู ดูหลายชั้น ทีนี้จะเอาก็เป็นเรื่องของปัญญา กะประมาณในการขบฉัน ถ้าใจเกิดความอยาก มันก็อยากให้ตัวเองนั่นแหละ ‘ใจ’ มันก็บอกว่ากายต้องการสิ่งโน้น กายต้องการสิ่งนี้ ใจหลอกใจ ใจหลอกเอาอาหารมาให้กาย

สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เราขาดการดูขาดการพิจารณา จะไปเอาตั้งแต่ ไปละตั้งแต่กิเลสตัวใหญ่ๆ ตัวความโลภ ความโกรธตัวใหญ่ๆ ที่มันแสดงออกมาให้เห็น ตัวกิเลสหยาบๆ ไอ้ตัวละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ความเกิดของใจ นี่เราไม่ได้เข้าไปดับ เข้าไปหยุด ในความอยากแม้แต่นิด ความเกิดแม้แต่นิดหน่อยเราก็พยายามดับ พยายามอบรมใจของเรา ถ้าเราดับความอยากตัวน้อยๆ ได้ตัวใหญ่ๆ มันก็เกิดไม่ได้ มันก่อตัวอย่างไรเราดับ เราดับ เราละ เราเอาออก เราคลายทุกเรื่อง

ตากระทบรูป หูกระทบเสียงก็เหมือนกัน แยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากใจของตัวเรา ทุกวาระทุกเวลา เราก็จะได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา ตื่นขึ้นมาเดินไปตามถนนหนทาง หมามันเห่า มันจะวิ่งไล่กัด เราก็ได้ฟังธรรม เดินไปหมามันจะไล่กัดก็รีบดูใจ ใจนิ่งหรือเปล่า ใจหนักแน่นหรือไม่ เราจะแก้ไขอย่างไร ถ้าไม่รู้จักเข้าควบคุมใจ หมาไล่กัดก็เตรียมตัวตั้งแต่จะตกใจวิ่ง นั่นแหละเราแพ้ซะแล้ว เรานิ่งภายในแล้วก็แก้ไขเหตุการณ์ภายนอกทุกเรื่อง จะเห็นของสวยๆ ใจเกิดความยินดีหรือเปล่า อยากจะได้มั้ย เราก็พยายามดับ พยายามหยุด

ถ้าจำเป็นในสิ่งที่เราจะเข้าไปเอา เข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็เป็นเรื่องปัญญา เอาปัญญาเข้าไปเอา ใจรับรู้ทุกเรื่องทุกอย่างก็เป็นสิ่งทดสอบใจของเราได้ทั้งนั้น ตื่นขึ้นมาถ้าเราไม่รู้จักควบคุม ใจมันก็เกิดอยู่อย่างนั้นแหละ บางทีก็เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง ความคิดของเรานั่นแหละมันเกิด เกิดยังไม่พอก็ยังมีอาการของขันธ์ห้าอีก ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม

ความเกิดๆ ดับๆ มาหลอกใจเรา เราไม่รู้หรอก ถ้าเราไม่ได้เจริญสติเข้าไปแยกได้จริงๆ รู้เห็นจริงๆ เราก็รู้อยู่ในระดับของสมมติว่าคิดก็รู้ ทำก็รู้ มันรู้อยู่ในระดับปัญญาโลกีย์ ก็ยังเข้าไปดับทุกข์ไม่ได้ มันก็เล่นงานแล้วก็หลอกเราอยู่ตลอดเวลา เราวิเคราะห์ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล เราก็จะเห็นความเป็นจริงในกายของเราได้สักวันหนึ่ง

เดือนนี้ก็เดือนสิบ ข้างขึ้นเดือนสิบ วันใกล้จะออกพรรษา ก็เหลืออีกประมาณไม่ถึงเดือน ไม่ถึงเดือนหนึ่ง ยี่สิบกว่าวัน ยี่สิบกว่าวันนิดๆ ออกพรรษา ฝนฟ้าคงไปแล้วหนอ ตกมาครั้งเดียวสองครั้งน้ำท่วม แล้งก็แล้ง ฝนก็เยอะ ทั่วโลกบางทีก็ไฟป่า สารพัดอย่าง เราจงเป็นบุคคลที่เตรียมพร้อมในสถานที่ของเรา ในร่างกายของเรา ในใจของเรา เตรียมพร้อมจากภายในก็ล้นออกไปสู่ภายนอก ทุกเรื่อง ทุกอย่าง

ส่วนกิเลสนั้น ‘ละ’ เอา กิเลสของเราอย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาละให้ กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ใช้ปัญญาเข้าไปดับ เข้าไปละ เข้าไปวิเคราะห์ ไม่ใช่ว่าเที่ยวไปให้คนโน้นเขาละ ไปเที่ยวให้คนนี้เขาละให้ อย่างนั้นก็มันจะไม่หมดสักที เราต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจ วิเคราะห์ใจ พิจารณาใจใจเกิดกิเลสเมื่อไหร่เราก็ละ เราก็ดับ อย่างไรมเข้าไปดู ส่วนมากก็จะมองข้าม ส่วนมากก็จะแสวงหาอันโน้นอันนี้มาทับถมดวงใจ ไม่ได้ดั่งใจก็ทุกข์ ได้ดั่งใจก็ดีใจ ใจก็ฟู เดี๋ยวก็ฟูเดี๋ยวก็แฟบหาความเป็นกลางก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่รู้จักรักษา ใจนี้ต้องรักษา ชี้เหตุชี้ผล อดทนเอาสักหน่อย

พระเราชีเรา ทุกคนนั่นแหละ เป็นหน้าที่ของเราทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่น ดูแลทำความสะอาดมีความเสียสละ รู้จักขยันหมั่นเพียร อะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วย ความสะอาด ความเป็นระเบียบนี่แหละสำคัญ ความสะอาด เดินไปที่ไหนบางทีแก้วน้ำ น้ำชากาแฟก็วางมันทั่ว วางมันเกลื่อน สาดเสื่อหมอนก็เหมือนกัน เอาไปแล้วก็เอาไปใช้ ก็ไม่รู้จักเก็บ ถ้วยชามเอาไปใส่ข้าวปลาอาหาร ทานแล้วก็ทิ้งมันไปทั่ว ไอ้เพียงแค่ระดับสมมติยังช่วยกันดูแลไม่ได้ ไอ้ทางด้านจิตใจล่ะ มันจะเข้าถึงตรงนั้นได้อย่างไร

เราต้องเป็นบุคคลที่มีจากความระเบียบภายนอก ส่งถึงภายใน ออกจากภายในส่งถึงภายนอกจัดระเบียบตัวเรา ปฏิวัติตัวเราอยู่ตลอดเวลา จนไม่มีอะไรให้แก้ไข จนทำอะไรให้เห็นเป็นปกติถ้าเราไม่แก้ไขเรา ทำหน้าที่ของเรา ไปที่ไหนอยู่คนเดียวก็สกปรกรกรุงรัง อยู่หลายคนยิ่งเพิ่มความสกปรกหนักเข้าไปอีก

เพียงแค่การดูแลรักษาสมมติเราก็ช่วยกันทำ ดูแลห้องส้วมห้องน้ำ ตรงไหนมันไม่ดีเราก็ช่วยกันทำ ทำไม่ได้ก็มาบอก ตรงไหนเราทำไม่ได้ก็มาบอกจะได้ช่วยกันแก้ไข มันไม่สะอาดก็เดินเข้าไปทำความสะอาด มันไม่มีน้ำเราก็เปิดน้ำใส่ ตรงไหนไม่มีขันเราก็หาขันไปใส่ ดู ช่วยกันดูแล ถ้าไม่มีแล้วก็ลำบาก ถ้าปัจจัยสี่ สมมติไม่สมบูรณ์ก็ลำบาก เราพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อะไรก็จะไปพึ่งตั้งแต่ภายนอกมันก็จะเอาตัวเองไม่รอด ไปไหนมาไหน ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน เราเตรียมพร้อมหรือเปล่า ไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ เราเตรียมพร้อมหรือไม่สบู่ยาสีฟัน สาดเสื่อหมอนมุ้ง นี่แหละ มีแต่จะไปหาเอาข้างหน้า ไปนั่นเอาข้างหน้า

เพียงแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็พากันมองข้าม ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มัวตั้งแต่จะไปพึ่ง ถ้ามันเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ เราถึงค่อยพึ่งคนอื่น พึ่งภายนอก เราไปมัวตั้งแต่จะให้คนอื่นเขามาทำให้ มันก็จะไปไม่ถึงไหน เราพยายามพึ่งตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ มันก็จะมากขึ้นมากขึ้น มากขึ้น ความรับผิดชอบก็มากขึ้น จะเอาตั้งแต่ธรรม แต่ไม่รู้จักทำ ธรรม ธ กับ ทำ ท ยังไม่รู้จัก ไม่รู้จักแก้ไข

บางคนก็มีความพร้อม ไปไหนมาไหน เป็นบุคคลที่เตรียมพร้อม ไม่ได้ลำบาก เอาไปเผื่อแผ่คนอื่นด้วย นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘ความเสียสละ’ ความเสียสละไม่ได้ลำบาก เป็นบุคคลที่เตรียมพร้อมทั้งภายนอกทั้งภายใน บางทีไปโน้นไปนี้ มีกุฏิสวยๆ มั้ย มีบ้านสวยๆ มั้ย จะมาปฏิบัติธรรม มีที่อยู่ ถ้าไม่มีที่อยู่ก็ปฏิบัติไม่ได้ บางทีพระเราชีเรา พระเราจะออกปฏิบัติธรรม ออกเที่ยวธุดงค์ ก่อนจะออกเที่ยวธุดงค์ไปขอเงินตามหมู่บ้าน บ้านโน้นบ้านนี้ จะไปเที่ยวธุดงคบาตรไม่มีขอเงินไปซื้อบาตรหน่อย ผ้าไม่มีขอเงินไปซื้อผ้าหน่อย เขาจะซื้อผ้าถวายให้ ซื้อบาตรถวายให้ไม่เอา ขอเงิน จะไปซื้อเอาว่างั้น

นี่แหละธุดงค์ ถ้าเราเข้าใจคำว่า ‘ธุดงค์’ หมายถึงขัดเกลากิเลส ขัดเกลา นั่งอยู่ถ้าเรามีสติอบรมใจ ยืนอยู่ มีสติอบรมใจ นั่นแหละเขาเรียกว่าธุดงค์ ยืนเดินนั่งนอน ก็ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถไม่ใช่ว่าจะไปธุดงค์ต้องให้อะไรที่เห็นกันมา ต้องโปรยดอกไม้ตามถนนหนทาง เดินเหยียบดอกไม้เป็นการธุดงค์ พอเสร็จตรงนี้ก็เอารถขนไปตรงนู้น แล้วก็ไปเดินเหยียบต่อ มันเพิ่มกิเลสไม่รู้จัก เป็นการสร้างภาพ

เราต้องดูเรา แก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเราให้ทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติที่สุด เราเข้าให้ถึงธรรมชาติภายในธรรมชาติภายนอก ธรรมชาติภายนอกของโลกสมมติ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น จะเป็นหลักชัยให้หมู่ให้คณะให้เพื่อนได้อย่างไร ก็คงจะเป็นได้แค่ลูกมะพร้าวลูกมะกอกมะม่วงคอยหล่นใส่หัวคนโน้นใส่หัวคนนี้ แต่ก็ยังดี ยังมีประโยชน์ได้กินอยู่ เราต้องขัดเกลากิเลส กิเลสของเรานั่นแหละไม่ใช่กิเลสของคนอื่น ความเกิดความคิดเขาก่อตัวอย่างไร อาการเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ความเสียสละของเราเพียงแค่มีของอยู่สองชิ้น มีของอยู่สักห้าชิ้น จากเล็กไปหาใหญ่สุด จากหนึ่งกิโลไปหาสิบกิโล ถ้าไปด้วยกันสักสิบคน จะมีคนโตสุดจนไปหาเล็กสุด ถ้าคนโตมีความเสียสละเขาก็จะดูกำลังของตัวเองว่ากำลังของเรามีความสามารถยกอะไรไปได้บ้าง เราพอที่จะช่วยเหลือคนถัดไปได้ไหม เราจะเอาชิ้นใหญ่ที่มันหนัก บางทีกำลังมันยังเหลือยังเอื้อเฟื้อไปช่วยเหลือคนอื่น ถ้าบางทีคนไม่มีความเสียสละ ไอ้ตัวใหญ่ๆ ก็จะไปเอาไอ้ตัวน้อยๆ เอาชิ้นเล็กๆปล่อยให้ไอ้ตัวหนักๆ ให้ตัวเล็กๆ ไปเอาแทน ความเสียสละอย่างนั้น เพียงแค่ความเสียสละตรงนั้นมันไม่ปรากฏขึ้นที่ใจ มันก็เสียสละอะไรไม่ได้เลย การแบ่งปันก็เหมือนกัน

ทุกสิ่งทุกอย่าง ใจเกิดอัตตาเกิดกิเลสเกิด เราพออนุเคราะห์ พอช่วยกันได้ก็ช่วย เดินไปที่ไหนก็มีแต่งานทั้งนั้นแหละ เดินออกเดี๋ยวนี้ความสะอาดตรงนี้ความสกปรกตรงนี้ มันไม่ดีเราก็ทำเสียกิ่งไม่กิ่งหญ้า ใบไม้ใบหญ้า เศษเหล็กเศษแก้วเศษอะไรอยู่ถนนหนทางเราก็เก็บ อันนี้เปล่า ไปไหนมาไหนมันก็เลยแทนที่จะได้ทั้งทรัพย์ภายนอกทรัพย์ภายในก็เลยไม่ได้ ทรัพย์ภายนอกก็ทำไม่เป็น ทรัพย์ภายในก็ไม่รู้จักสร้าง มีตั้งแต่ความหลงเข้าครอบงำ มันก็ยาก

พูดไปก็ถ้าไม่เอาไปวิเคราะห์ ไปพิจารณา ก็ไม่เกิดประโยชน์ คนที่จะเอานั้นฟังนิดเดียว นี่เอาไปทำ ไปแก้ไข ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยังไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาบุคคลที่มีบุญได้ประโยชน์ตลอดเวลา ได้บุญตลอดเวลา มีอะไรเราก็ช่วยกัน อยู่ที่นี่เราก็ช่วยกันทำให้เป็นปกติ ให้ช่วยตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ล้นออกไปสู่หมู่คณะ ไม่คอยไปตั้งแต่จิกคนโน้น จิกคนนี้ ว่าคนโน้นว่าคนนี้ ว่าเรานั่นแหละไม่ได้ว่าใครหรอก

ถ้าหลวงพ่อไม่ได้มาดำเนิน ไม่ได้มาเริ่ม ก็คงจะไม่มีความเยอะขึ้นมาเหมือนทุกวัน ก็โทษตัวหลวงพ่อนั่นแหละ ถ้าหลวงพ่อไม่ทำพาทำมันก็ไม่มี ก็รับผิดชอบเท่าที่กำลังของเราจะมีได้ทำได้ก็รับผิดชอบให้หมู่ให้คณะ ให้กับทุกคน อะไรที่จะเป็นประโยชน์ เราเอาการกระทำเป็นตัวอย่างเป็นการสอนไปในตัว ความเสียสละ เราก็ช่วยกัน

ส่วนแนวทางคำสอนของพระพุทธองค์ก็ยังอยู่ ทำที่พักที่อาศัย กันแดด กันลม กันฝน ไม่ให้ลำบาก กว่าพวกเราจะได้นั่งแม้แต่ศาลานี้ กว่าพวกเราจะได้นั่ง ทั้งกลางวันกลางคืน หนาวก็หนาว ขนดินมาถมอยู่คนเดียว ทำให้ทุกคนได้ถนนหนทาง กว่าจะได้เป็นถนนลงมาได้ก็ กว่าจะได้ปลูกต้นไม้ได้นี่ก็เอารากเพ็กออกทั้งป่า สมัยก่อนยี่สิบสามสิบปีนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่รุ่นเก่าๆ มาวัดนี้ไม่ได้ฉันข้าวอย่างนี้หรอก เอาสาดเอาเสื่อไปปูหน้างาน ผู้เฒ่าก็พากันขุดรากเพ็กไว้ พระเราก็ฉันข้าวกันอยู่ตรงหน้างานนั่นแหละ กว่าจะได้ต้นไม้แต่ละต้นให้ทุกคนได้อาศัย ให้ความร่มรื่นร่มเย็น ตั้งแต่ก่อนมีตั้งแต่ป่าเล็บแมว ป่าหนาม ป่าหญ้าคา เดินเข้ามานี่ขาถลอกปอกเปิก เผาฝังนี่กระดูกนี้เติมเกลื่อนเลย ทั้งฝั่งตะวันตก ฝั่งตะวันออก แม้แต่ที่พวกท่านนั่งนี้ขุดลงไปก็เจอตั้งแต่ไหกระดูกแทบทุกที่ ก็จะได้ให้เป็นสวนน่าอยู่น่ารื่นรมย์ อาหารตา อาหารกาย อาหารใจ อาหารกายก็ตั้งโรงทานให้ไม่ให้ลำบาก

แค่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย แค่ช่วยกันดูแลรักษาก็ยังยาก ไอ้ทำตัวใหญ่ๆ คือการปล่อย การวาง การละ ความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ ไอ้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทำไม่ได้ มันจะไปปล่อยวางได้อย่างไรเราก็ต้องพยายาม

พระเรา ชีเรา อย่าปล่อยโอกาสทิ้ง เรามีโอกาสมาก สมมติหลวงพ่อก็ไม่ได้ให้ลำบากจนล้น จนเหลือ จากความไม่มี จากความไม่มีทำให้จนล้นจนเหลือ สมัยก่อนแม้แต่น้ำปานะนี่ต้องเก็บใบส้มป่อยมาต้ม เดิมถ้วยชามนี่ยังเอาขุดเอาตามหลุมศพมาใส่กับข้าวกับปลา มันลำบากถึงขนาดนั้น ทุกวันนี้เราก็พากันทิ้งไปเกลื่อนกลาดแทนที่จะเก็บ ช่วยกันดูแลช่วยกัน มันเยอะเราก็บริจาคล้นไปสู่พี่สู่น้อง อันนี้บางทีก็เดินไปที่นู่นก็เจอทิ้งมันระเกะระกะ บางทีกินแล้วก็ทิ้งไปทั่วต้องตามเก็บ ตามเก็บตามเช็ด

ไอ้สิ่งพวกนี้นะเราไม่ศึกษา ไม่ทำความเข้าใจแล้ว จะไปเอาตั้งแต่ธรรมมันจะได้อย่างไร เดินไปละก็ถ้าคนมีความรับผิดชอบ เดินไปสนุก มีแต่งานงานภายนอก งานภายใน ทำไปด้วย ดูใจไปด้วยห้องน้ำไม่สะอาดเราก็ช่วยกัน ที่พักที่อาศัยตรงไหนไม่สวยไม่งามเราก็ช่วยกันทำ

อะไรก็ทำไม่เป็น งอมืองอเท้า ให้ตั้งแต่กิเลสเข้าครอบงำ มันจะไปถึงจุดหมายได้อย่างไร ตั้งใจรับพรกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง