
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 65
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 65
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 65
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 มิถุนายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย และก็วางใจให้สบายหยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่หมดเราก็หยุดขณะที่เรากำลังนั่งอยู่นี้แหละ พันธะภาระหน้าที่การงานต่างๆ ทางสมมติทางบ้านเราก็วางมาแล้ว ทีนี้เรามาวางมาหยุดความนึกคิด มาหยุดความนึกคิดด้วยการเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้ายาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุดไป อย่าไปบังคับลมหายใจนะ อย่าไปเพ่งลมหายใจ อย่าไปจดจ่อ ให้วางกายให้เป็นธรรมชาติ วางใจให้เป็นธรรมชาติ หายใจให้เป็นธรรมชาติ
สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ สัมผัสของลมหายใจ ที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจนหายใจเข้ามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่
ส่วนความคิดเก่า ปัญญาเก่า ปัญญาโลกีย์ การเกิดของใจ การปรุงแต่งของใจอันนี้มีอยู่เดิม ทุกคนเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม ผ่านวิบากกรรมต่างๆ บางคนก็ผ่านมามาก บางคนก็ผ่านมาน้อย บางคนก็ผ่านมาหนัก บางคนก็ผ่านมาไม่ลำบาก เพราะว่าแต่ละคนวิบากกรรมมาเกิดส่งมาไม่เหมือนกัน ทีนี้เราก็มาแก้ไข มาแก้ไขใจของตัวเรา มาแก้ไขสมมติให้เป็นไปในทางกุศลเสียทางอกุศลเราก็พยายามละ เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี
การเจริญสติเข้าไปอบรมมใจ เป็นเพื่อนใจ ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งนอนหลับ ใจเกิดความทุกข์เราก็รู้จักควบคุมรู้จักแก้ไข ใจเกิดความโลภความโกรธเราก็รู้จักละ รู้จักขัดเกลาเอาออก มองโลกในทางที่ดี แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เรามีความเสียสละ เรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน เรามีความเพียรในการสำรวจในการแก้ไขตัวเราแล้วหรือยัง ถ้ายัง..ก็หัดสังเกต
หัดทำความเข้าใจบ่อยๆ ทุกอย่างอะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ ถ้าใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามได้ เราก็จะเข้าใจคำว่า ‘วิมุตติกับสมมติ’ เข้าใจคำว่า ‘อัตตา อนัตตา’ เห็นการเกิด การดับ รู้เรื่องหลักของการดำเนินชีวิต
เจริญสติเข้าเป็นเพื่อนใจ แก้ไขใจ มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ มีการพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ซึ่งมีกันทุกคน ตราบใดที่ยังมีความเกิดก็มีความตาย คนเราเกิดมาก็เพื่อที่จะมาสร้างบารมีให้ถึงจุดหมายปลายทางกันคือ ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เราดำเนินได้เท่าไหร่แล้ว เราแก้ไขตัวเราได้เท่าไหร่แล้ว เราก็พยายาม พยายาม
ในโลกนี้เหมือนกับโรงละคร เล่นบทแต่ละบท สารพัดอย่าง บททุกข์บทโศก บทรักบทเศร้าคละเคล้ากันไป ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ทีนี้ใจของเราคลายจากความยึดมั่นถือมั่นแล้วหรือยัง ใจของเรายังเป็นทุกข์อยู่กับความโลภ ความโกรธ ความหลง หลงอะไรก็ทุกข์กับสิ่งนั้นแหละ แต่เวลานี้ใจของเรามันหลงทุกอย่าง หลงยึดติดในกายของตัวเราแล้วก็หลงอันโน้นหลงอันนี้ หลงทรัพย์สินเงินทอง หลงโลก หลงธรรม
ถ้าเรามาศึกษาให้ดีๆ เราก็จะมองเห็นความเป็นจริงว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรเลย มีตั้งแต่ความไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงก็มีทั้งภายนอกภายใน ทางด้านวัตถุ ทางด้านจิตวิญญาณ ทางด้านนามธรรม ความเกิดความดับ กว่าเราจะเห็น รู้ความไม่เที่ยงตรงนี้ เราต้องเจริญสติลงที่กาย หัดอบรมใจ สังเกตวิเคราะห์จนใจแยกออกได้ คลายออกได้ มองเห็นชัดเจนว่าตามทำความเข้าใจว่าอะไรควรละอะไรควรเจริญอะไรควรดำเนิน
คนเราปรารถนาหาความสุขแต่หาไม่เจอ ไปไขว่คว้าเอาความสุขทางวัตถุบ้างทางสมมติบ้าง อันนั้นก็เป็นความสุขอยู่ เป็นความสุขชั่วครั้งชั่วคราวจะเป็นความสุขที่ไม่ถาวร ในหลักธรรมแล้วก็ความว่างความบริสุทธิ์นั่นแหละ คือความสุขที่ถาวร สิ่งไหนที่เรารักมากเราก็ทุกข์มาก สิ่งไหนที่เราเกลียดมากเราก็ทุกข์มาก ทำอย่างไรล่ะถึงจะทำใจของเราให้อยู่ในความเป็นกลางให้อยู่ในความบริสุทธิ์ ให้อยู่ในความรับรู้เป็นกลางไม่เข้าข้างตัวเองไม่เข้าข้างคนอื่น เราก็ต้องมาฝึกมาอบรมใจของตัวเราแก้ไขใจของเรา ไม่มีใครที่จะมาแก้ไขให้เราได้ นอกจากตัวของเราเอง
คำสอนแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมานาน นำมาเปิดเผยจำแนกแจกแจง ยังมีอยู่เหมือนเดิม สัจธรรมก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ความจริงก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ขอให้เราดำเนินตามแนวทางของท่านให้ถึงจุดหมายปลายทาง เราก็จะเชื่อว่าพระพุทธองค์มีจริง พระพุทธเจ้ามีจริงถ้ายังแยกแยะไม่ได้ ตามดูไม่ได้ ละกิเลสไม่ได้ เราก็อาจจะเชื่ออยู่ในระดับศรัทธาของโลกีย์ ตั้งมั่น เชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรม แต่เรายังเข้าไม่ถึง เข้าไม่ถึงใจของเรา แสวงหาตัวตนของเรา
พยายามดำเนินกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี อยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราก็พยายามดู
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมกันเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 มิถุนายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย และก็วางใจให้สบายหยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่หมดเราก็หยุดขณะที่เรากำลังนั่งอยู่นี้แหละ พันธะภาระหน้าที่การงานต่างๆ ทางสมมติทางบ้านเราก็วางมาแล้ว ทีนี้เรามาวางมาหยุดความนึกคิด มาหยุดความนึกคิดด้วยการเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้ายาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุดไป อย่าไปบังคับลมหายใจนะ อย่าไปเพ่งลมหายใจ อย่าไปจดจ่อ ให้วางกายให้เป็นธรรมชาติ วางใจให้เป็นธรรมชาติ หายใจให้เป็นธรรมชาติ
สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ สัมผัสของลมหายใจ ที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจนหายใจเข้ามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่
ส่วนความคิดเก่า ปัญญาเก่า ปัญญาโลกีย์ การเกิดของใจ การปรุงแต่งของใจอันนี้มีอยู่เดิม ทุกคนเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม ผ่านวิบากกรรมต่างๆ บางคนก็ผ่านมามาก บางคนก็ผ่านมาน้อย บางคนก็ผ่านมาหนัก บางคนก็ผ่านมาไม่ลำบาก เพราะว่าแต่ละคนวิบากกรรมมาเกิดส่งมาไม่เหมือนกัน ทีนี้เราก็มาแก้ไข มาแก้ไขใจของตัวเรา มาแก้ไขสมมติให้เป็นไปในทางกุศลเสียทางอกุศลเราก็พยายามละ เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี
การเจริญสติเข้าไปอบรมมใจ เป็นเพื่อนใจ ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งนอนหลับ ใจเกิดความทุกข์เราก็รู้จักควบคุมรู้จักแก้ไข ใจเกิดความโลภความโกรธเราก็รู้จักละ รู้จักขัดเกลาเอาออก มองโลกในทางที่ดี แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เรามีความเสียสละ เรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน เรามีความเพียรในการสำรวจในการแก้ไขตัวเราแล้วหรือยัง ถ้ายัง..ก็หัดสังเกต
หัดทำความเข้าใจบ่อยๆ ทุกอย่างอะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ ถ้าใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามได้ เราก็จะเข้าใจคำว่า ‘วิมุตติกับสมมติ’ เข้าใจคำว่า ‘อัตตา อนัตตา’ เห็นการเกิด การดับ รู้เรื่องหลักของการดำเนินชีวิต
เจริญสติเข้าเป็นเพื่อนใจ แก้ไขใจ มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ มีการพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ซึ่งมีกันทุกคน ตราบใดที่ยังมีความเกิดก็มีความตาย คนเราเกิดมาก็เพื่อที่จะมาสร้างบารมีให้ถึงจุดหมายปลายทางกันคือ ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เราดำเนินได้เท่าไหร่แล้ว เราแก้ไขตัวเราได้เท่าไหร่แล้ว เราก็พยายาม พยายาม
ในโลกนี้เหมือนกับโรงละคร เล่นบทแต่ละบท สารพัดอย่าง บททุกข์บทโศก บทรักบทเศร้าคละเคล้ากันไป ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ทีนี้ใจของเราคลายจากความยึดมั่นถือมั่นแล้วหรือยัง ใจของเรายังเป็นทุกข์อยู่กับความโลภ ความโกรธ ความหลง หลงอะไรก็ทุกข์กับสิ่งนั้นแหละ แต่เวลานี้ใจของเรามันหลงทุกอย่าง หลงยึดติดในกายของตัวเราแล้วก็หลงอันโน้นหลงอันนี้ หลงทรัพย์สินเงินทอง หลงโลก หลงธรรม
ถ้าเรามาศึกษาให้ดีๆ เราก็จะมองเห็นความเป็นจริงว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรเลย มีตั้งแต่ความไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงก็มีทั้งภายนอกภายใน ทางด้านวัตถุ ทางด้านจิตวิญญาณ ทางด้านนามธรรม ความเกิดความดับ กว่าเราจะเห็น รู้ความไม่เที่ยงตรงนี้ เราต้องเจริญสติลงที่กาย หัดอบรมใจ สังเกตวิเคราะห์จนใจแยกออกได้ คลายออกได้ มองเห็นชัดเจนว่าตามทำความเข้าใจว่าอะไรควรละอะไรควรเจริญอะไรควรดำเนิน
คนเราปรารถนาหาความสุขแต่หาไม่เจอ ไปไขว่คว้าเอาความสุขทางวัตถุบ้างทางสมมติบ้าง อันนั้นก็เป็นความสุขอยู่ เป็นความสุขชั่วครั้งชั่วคราวจะเป็นความสุขที่ไม่ถาวร ในหลักธรรมแล้วก็ความว่างความบริสุทธิ์นั่นแหละ คือความสุขที่ถาวร สิ่งไหนที่เรารักมากเราก็ทุกข์มาก สิ่งไหนที่เราเกลียดมากเราก็ทุกข์มาก ทำอย่างไรล่ะถึงจะทำใจของเราให้อยู่ในความเป็นกลางให้อยู่ในความบริสุทธิ์ ให้อยู่ในความรับรู้เป็นกลางไม่เข้าข้างตัวเองไม่เข้าข้างคนอื่น เราก็ต้องมาฝึกมาอบรมใจของตัวเราแก้ไขใจของเรา ไม่มีใครที่จะมาแก้ไขให้เราได้ นอกจากตัวของเราเอง
คำสอนแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมานาน นำมาเปิดเผยจำแนกแจกแจง ยังมีอยู่เหมือนเดิม สัจธรรมก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ความจริงก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ขอให้เราดำเนินตามแนวทางของท่านให้ถึงจุดหมายปลายทาง เราก็จะเชื่อว่าพระพุทธองค์มีจริง พระพุทธเจ้ามีจริงถ้ายังแยกแยะไม่ได้ ตามดูไม่ได้ ละกิเลสไม่ได้ เราก็อาจจะเชื่ออยู่ในระดับศรัทธาของโลกีย์ ตั้งมั่น เชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรม แต่เรายังเข้าไม่ถึง เข้าไม่ถึงใจของเรา แสวงหาตัวตนของเรา
พยายามดำเนินกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี อยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราก็พยายามดู
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมกันเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ