หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 21

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 21
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 21
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 21
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 มีนาคม 2562

ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราวถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาด เราก็หยุดขณะที่เรากำลังนั่งอยู่นี่แหละ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง

หลวงพ่อก็ได้เพียงแค่บอก แค่กล่าว แค่ตักเตือน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกท่านได้เจริญสติแล้วหรือยังเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งแล้วหรือยัง สัก 5 นาที 10 นาที แล้วหรือยัง เพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ ก็พากันปล่อยปละละเลย เราพยายามหัดสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้น

การเจริญสติ คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ทุกขณะลมหายใจเข้าหายใจออก เพียงแค่ดูรู้เรื่องลมหายใจนี้ก็ยังลำบากอยู่ เวลาจะดูทีนี้ก็อึดอัด หายใจอึดอัดสารพัดอย่าง เพราะว่ากิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมให้เราดู รู้ ได้ง่ายๆ เหมือนกัน เราก็ต้องพยายามฝึก พยายามฝืน

ตั้งแต่ตื่นขึ้น หัดวิเคราะห์ อันนี้สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้ใจ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่เกิดส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ ทำอย่างไรเราถึงเจริญสติไปอบรมใจเป็นเพื่อนใจของเราได้ ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักละกิเลส เราพยายามสร้างระบบระเบียบให้มี ให้เกิดขึ้นที่กายที่ใจของเรา ใจของเรามีความอ่อนน้อมหรือว่ามีความแข็งกระด้าง ใจของเรามีทิฏฐิมานะความคิดเห็นแบบโลกๆ เราก็พยายามเจริญสติ เจริญปัญญาไปอบรม จนเห็นเหตุ เห็นผล เห็นการเกิดการดับ เห็นการแยกการคลาย กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก ทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร

ทุกคนมีกันหมด ทุกคนมีบุญ มีอานิสงส์ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มีโอกาสได้มาศึกษาค้นคว้าพยายามดำเนินคำสอนครูบาอาจารย์ พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมานาน ท่านสอนเรื่องชีวิตของเรานั่นแหละ สอนเรื่องชีวิตของเรา การดำเนินชีวิตของเรา ชีวิตของเรามีอะไรบ้าง คำว่า ‘อัตตา อนัตตา’ เป็นอย่างไร ‘สมมติวิมุตติ’ เป็นอย่างไร ธาตุสี่ ขันธ์ห้า วิญญาณในกายของเราที่ว่าเป็นกองเป็นขันธ์เป็นลักษณะอย่างไร


ถ้าเราไม่ได้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ดูเราก็จะไม่เข้าใจ เราอาจจะรู้เข้าใจอยู่ในระดับของสมมติแต่ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ สิ่งที่จะดับทุกข์ได้เราต้องเห็นต้นเหตุจริงๆ เห็นต้นเหตุได้ แยกได้คลายได้ตามดูได้ รู้ลักษณะของใจ รู้ลักษณะของอาการของขันธ์ห้า ให้ชัดเจน

คำว่า ‘ใจที่ปราศจากกิเลส’ ‘ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้า’ หรือว่าแยกรูปแยกนาม ภาษาธรรมท่านเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ ความรู้แจ้งเห็นจริง อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ภาษาธรรมภาษาโลกสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟัง ทุกเรื่องในชีวิตของเราจนกระทั่งถึงวันตาย ตายแล้วยังไม่พอยังไปต่อเอาภพหน้าอีก ตราบใดที่ยังไม่จบก็ไปตามวิบากของกรรม

เราต้องทำความเข้าใจรู้เรื่องกรรม กรรมสมมติ กรรมวิมุตติ กรรมสมมติ คืออัตภาพร่างกายของเรานี่แหละเรียกว่า ‘ก้อนกรรม’ ทีนี้ไอ้ส่วนที่เป็นนามธรรม ความคิด อาการของขันธ์ห้าผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราอยู่ตลอดเวลา ใจของเรารวมกันไปเป็นก้อน ถ้าเราแยกแยะได้ ตามดูได้ เราก็ละขันธ์ห้าได้ ละอัตตาตัวตนได้ ทำความเข้าใจได้ กรรมเก่าก็ตามไม่ทันก็เป็นอโหสิกรรม กรรมใหม่ที่เกิดจากใจ ก็บริหารด้วยสติด้วยปัญญา ก็เป็นแค่เพียงกิริยาของสติปัญญา เข้าไปทำหน้าที่แทน ให้อยู่เหนือกรรมเหนือบุญเหนือบาป

ใจของเราปล่อยวาง ถ้าไม่รู้จักจุดปล่อย จุดวาง มันก็ยากที่จะปล่อยวางได้ เราก็ต้องพยายามฝึกฝนจนเราแก้ไขตัวเรา อบรมใจเราอยู่ตลอดเวลา เจริญสติเป็นเพื่อนใจ แก้ไขใจเราอยู่ตลอดเวลา ใจเกิดกิเลสละกิเลส กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือเกิดขึ้นที่ใจ ทุกเรื่องกิเลสหยาบ กิเลสละเอียด นิวรณธรรม มลทินต่างๆ มีหมด อยู่ในกายของเรา ยิ่งฝึกไปเท่าไหร่ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำความเข้าใจ แล้วก็ค่อยละ กิเลสต่างๆ ก็จะเหือดแห้งไป

ส่วนมากก็มีตั้งแต่พากันปล่อยปละละเลย แต่การทำบุญให้ทานนั้นมีอยู่ แต่การขัดเกลากิเลสอาจจะละได้เป็นบางเรื่อง บางครั้ง บางคราว ทำไมเราถึงจะละได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งนอนหลับ ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง อันนี้สมมตินะ อันนี้วิมุตตินะ กิเลสตัวไหนเหตุจากภายนอกทำให้เกิด เกิดขึ้นจากภายใน เราก็ต้องรีบแก้ไข ถ้าเราไม่แก้ไขเราแล้ว ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย

ส่วนการทำบุญให้ทานต่างๆ พวกเรามีโอกาส ได้มีโอกาส ได้สร้างบุญสร้างอานิสงส์ร่วมกันอยู่ในระดับของสมมติ แต่ระดับวิมุตติก็ของแต่ละบุคคล ต้องทำเอาแก้ไขเอา ครูบาอาจารย์ตำราเป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ ถ้าเราไม่เดินก็ไม่ถึงจุดหมายปลายทางกัน เพียงแค่การเจริญสติก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ เพียงแค่การหายใจเข้าหายใจออก ก็ขาดการสังเกตที่ต่อเนื่อง ก็ต้องพยายามกัน ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็พยายามทำนะ

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน อยู่คนเดียว อยู่หลายคน ก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาค้นคว้าให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง