หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 6
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 6
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 6
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 มกราคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากใจเอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ตลอด ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจอย่าไปจดจ่อลมหายใจ อย่าไปเพ่งลมหายใจ ให้หายใจยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า ‘สติ’ เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้ แล้วก็รู้ เวลาหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ รู้ให้ต่อเนื่อง ซึ่งท่านเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม
ส่วนการเกิดของใจ ส่วนการเกิดของขันธ์ห้า หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด อันนี้มีมาตั้งนานเพราะว่าเขาหลงมานาน เขาจึงเกิดถึงหลงถึงยึด ท่านถึงให้เจริญสติลงที่กาย ให้รู้เท่ารู้ทัน รู้ลักษณะใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร ใจที่รวมกับขันธ์ห้า หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด ถ้าเรามีความรู้ตัวรู้ทัน ใจก็จะคลายออก ใจก็จะหงายขึ้น นั่นแหละซึ่งเรียกว่า ‘เห็นถูก-สัมมาทิฏฐิ’ ความเห็นถูกเปิดทางให้ ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา ความรู้ตัวของเราก็จะตามเห็นการเกิดการดับของความคิด ซึ่งเรียกว่า ‘เห็นอนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในกายของเรา ว่าเป็นเรื่องอะไร ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์
ส่วนศรัทธานั้นทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม การฝักใฝ่การสนใจในการทำบุญในการให้ทาน เราต้องพยายามศรัทธาด้วย แล้วก็ให้เกิดปัญญาด้วย ทำความเข้าใจให้ได้ด้วย ตามแนวทางคำสอนของพระพุทธองค์ ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้า ได้เมื่อไหร่ เราก็จะเข้าใจภาษาธรรมภาษาโลกเข้าใจคำว่า ‘อัตตา’ เป็นลักษณะอย่างนี้ ‘อนัตตา’ เป็นลักษณะอย่างนี้ ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในกายเป็นลักษณะอย่างนี้ ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์
ถ้าเรายังไม่เห็นตรงนั้น เราก็ได้ตั้งแต่การสร้างบุญสร้างบารมีอยู่ในระดับของสมมติ ก็พยายามสักวันหนึ่งเราก็คงจะเข้าถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปทิ้ง อย่าไปปล่อยปละละเลย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราสำรวจตัวเรา ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบของเรามีหรือไม่ ความเสียสละความอดทน การฝักใฝ่การสนใจ มีพรหมวิหาร มีความเมตตา มีความกตัญญู มีความสัจจะกับตัวเองหรือไม่ สิ่งพวกนี้เป็นตบะบารมี ที่จะทำให้พวกเราได้ก้าวถึงจุดหมายปลายทาง คือความสะอาดความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น ไม่ว่าอยู่ที่ไหนโอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด ก็พยายามตักตวงสร้างบุญสร้างกุศลสร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้น ที่กายก้อนนี้ ที่ใจก้อนนี้
เราแสวงหาแนวทางทำความเข้าใจให้ถูกต้องขณะที่ยังมีลมหายใจ ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 มกราคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากใจเอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ตลอด ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจอย่าไปจดจ่อลมหายใจ อย่าไปเพ่งลมหายใจ ให้หายใจยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า ‘สติ’ เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้ แล้วก็รู้ เวลาหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ รู้ให้ต่อเนื่อง ซึ่งท่านเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม
ส่วนการเกิดของใจ ส่วนการเกิดของขันธ์ห้า หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด อันนี้มีมาตั้งนานเพราะว่าเขาหลงมานาน เขาจึงเกิดถึงหลงถึงยึด ท่านถึงให้เจริญสติลงที่กาย ให้รู้เท่ารู้ทัน รู้ลักษณะใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร ใจที่รวมกับขันธ์ห้า หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด ถ้าเรามีความรู้ตัวรู้ทัน ใจก็จะคลายออก ใจก็จะหงายขึ้น นั่นแหละซึ่งเรียกว่า ‘เห็นถูก-สัมมาทิฏฐิ’ ความเห็นถูกเปิดทางให้ ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา ความรู้ตัวของเราก็จะตามเห็นการเกิดการดับของความคิด ซึ่งเรียกว่า ‘เห็นอนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในกายของเรา ว่าเป็นเรื่องอะไร ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์
ส่วนศรัทธานั้นทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม การฝักใฝ่การสนใจในการทำบุญในการให้ทาน เราต้องพยายามศรัทธาด้วย แล้วก็ให้เกิดปัญญาด้วย ทำความเข้าใจให้ได้ด้วย ตามแนวทางคำสอนของพระพุทธองค์ ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้า ได้เมื่อไหร่ เราก็จะเข้าใจภาษาธรรมภาษาโลกเข้าใจคำว่า ‘อัตตา’ เป็นลักษณะอย่างนี้ ‘อนัตตา’ เป็นลักษณะอย่างนี้ ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในกายเป็นลักษณะอย่างนี้ ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์
ถ้าเรายังไม่เห็นตรงนั้น เราก็ได้ตั้งแต่การสร้างบุญสร้างบารมีอยู่ในระดับของสมมติ ก็พยายามสักวันหนึ่งเราก็คงจะเข้าถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปทิ้ง อย่าไปปล่อยปละละเลย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราสำรวจตัวเรา ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบของเรามีหรือไม่ ความเสียสละความอดทน การฝักใฝ่การสนใจ มีพรหมวิหาร มีความเมตตา มีความกตัญญู มีความสัจจะกับตัวเองหรือไม่ สิ่งพวกนี้เป็นตบะบารมี ที่จะทำให้พวกเราได้ก้าวถึงจุดหมายปลายทาง คือความสะอาดความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น ไม่ว่าอยู่ที่ไหนโอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด ก็พยายามตักตวงสร้างบุญสร้างกุศลสร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้น ที่กายก้อนนี้ ที่ใจก้อนนี้
เราแสวงหาแนวทางทำความเข้าใจให้ถูกต้องขณะที่ยังมีลมหายใจ ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ