หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 38
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 38
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 38
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 13 เมษายน 2562
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็วันขึ้นปีใหม่ของไทยเรา มาไหว้พระ สมาทานศีลขอพรปีใหม่ให้ทุกคนได้มีความสุข พรุ่งนี้ก็จะได้ทำพิธีสรงน้ำพระคุณเจ้า แม่ชี สามเณร แล้วก็ผู้เฒ่าผู้แก่ ก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วมกันเหมือนทุกปี จะได้มีความเป็นสิริมงคลกับชีวิต จะได้มีความสุขแล้วก็รู้จักแก้ไขชีวิตของเรา
พรุ่งนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่จะต้องได้เห็นดำเนินกัน เข้าเทศกาลสงกรานต์ วันอาทิตย์ที่ 14 ได้มีผู้ใจบุญได้มาไถ่ชีวิตโคแม่ลูกกับชีวิตลูกกำพร้า เขาก็ฆ่าแม่แล้วแหละเหลือแต่ลูก ซึ่งเอามาจากโรงฆ่าสัตว์ 3 ชีวิตที่จะได้ทำพิธีไถ่ชีวิต ในวันพรุ่งนี้ ญาติโยมจะได้ทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมสมทบทุนสร้างวิหารครอบองค์หลวงปู่ใหญ่ปางลีลา พวกเราก็มีโอกาสจะได้มาร่วมทอดถวายผ้าป่ากัน แล้วก็ได้มีผู้มีจิตศรัทธาได้มาบริการ เปิดบริการนวดแผนไทย แผนโบราณ จากคนพิเศษที่จะมาบริการนวดให้คือคนพิการทางสายตา มานวดบริการให้ใครเจ็บปวดตรงไหนก็มานวดได้ ก็มาตั้งแต่เมื่อวานนี้ล่ะวันนี้ก็มาอีกไหม มาจนสงกรานต์เสร็จที่ศาลาของเรา แล้วก็มีการรับบริจาคโลหิตจากสภากาชาดไทยที่จะมารับถึงวัดของเรา ที่ในศาลานี้ก็เหมือนกันมารับบริจาคโลหิต ญาติโยมท่านใดปรารถนาอยากจะบริจาคโลหิต ก็บริจาคโลหิตช่วยเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน แล้วก็สุดท้ายญาติโยมท่านใดปรารถนาที่จะมาตั้งโรงทาน ก็มา มาทำโรงทานบริการพี่น้องที่มาทำบุญให้ทาน เห็นว่าปรารถนาบอกกล่าวมาหลายท่านที่จะมาทำโรงทานวันพรุ่งนี้ สำหรับส่วนทางวัดก็ทำประจำทุกวันมาหลายปี 2-3 ปี ทำประจำ ถ้าญาติโยมท่านใดปรารถนาอยากจะมาตั้งโรงทานก็มาได้ตลอดเวลา อยากจะนำข้าวปลาอาหารมาไว้ที่โรงทานให้ทางครัวจัดทำให้ ก็อนุโมทนาสาธุด้วย
มีโอกาส..โอกาสเปิด การเวลาเปิด สถานที่เปิด ไม่ว่าบุญมากบุญน้อย มีโอกาสเราให้รีบทำอย่าปล่อยโอกาสทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนเรายังมีลมหายใจพยายามรีบสร้าง บุญกุศลคุณงามความดีเอาไว้ หมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป ก็ต้องพยายามละบาปสร้างบุญ สูงขึ้นไปก็ทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ตามแนวทางของพระพุทธองค์
เราก็จะได้ไม่ลำบาก วันนี้ก็ไม่ได้ลำบาก วันพรุ่งนี้ เดือนนี้ เดือนหน้า จนกว่าใจของเราจะดับความเกิดได้ไปต่อเอาภพหน้า ถ้าดับความเกิดไม่ได้หมดจดก็ไปต่อเอาภพหน้า เพราะว่าภพนี้มีภพหน้ามี วิญญาณในกายของเรานี่แหละความเกิดความดับ ซึ่งมีอยู่ทุกวัน ซึ่งอาจจะภายในนาที 2 นาที ไม่รู้ว่าเกิดสักกี่เที่ยว แต่เวลานี้เขายังอาศัยอยู่ในภพมนุษย์ คือร่างกายของเราอยู่ ก็ต้องพยายามกัน
ต่อไปก็จะได้ให้คุณหมอได้พาไหว้พระ สมาทานศีล กันเสียก่อน
มีความสุขกันทุกคน ตื่นเช้าขึ้นมาก็รีบมาทำบุญถวายทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ในวันสำคัญต่างๆ วันขึ้นปีใหม่ของประเทศไทย ทั่วประเทศ ญาติโยมก็พากันไปทำบุญ โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิด บุญมากบุญน้อย บุญเล็กบุญใหญ่มีโอกาสก็ให้รีบทำ กายไม่ได้ทำก็น้อมใจเราเข้าไปอนุโมทนาสาธุ ในสวนแห่งบุญเราก็จะได้ไม่เสียทีเสียเที่ยว สูงขึ้นไปเราก็เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา
รู้กายรู้ใจ รู้สมมติรู้วิมุตติ รู้รับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ จัดการกับวิญญาณหรือว่าใจของเรา ให้อยู่ในความเป็นระบบระเบียบ ใจของเรามีความแข็งกร้าวแข็งกระด้าง เราก็พยายามละความแข็งกระด้าง สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน ใจของเราไม่มีพรหมวิหาร เราก็พยายามสร้างพรหมวิหาร สร้างความเมตตาให้มีให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามขัดเกลา ละกิเลสออกจากใจของเราให้เบาบาง ทำในสิ่งตรงกันข้ามกับกิเลส เพื่อที่จะเข้าหาความบริสุทธิ์ความหลุดพ้นของใจให้ได้
ในขณะที่เรายังมีกำลัง มีลมหายใจอยู่ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง อย่าปล่อยใจของเราให้เป็นทาสของกิเลส จงเป็นนายเหนือกิเลส ทุกคนก็มีกิเลส กายของเรานี่แหละก้อนกิเลส กายของเรานี้แหละก้อนกรรม เรามาทำความเข้าใจ กายทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร ตามแนวทางของพระพุทธองค์ซึ่งท่านก็ได้ค้นพบเอามาจำแนกแจกแจงมาหลายร้อยหลายพันปีก็ยังเป็นอยู่เหมือนเดิม ใจก็ยังบริสุทธิ์อยู่เหมือนเดิม แต่ความไม่รู้ความหลง ใจถึงเป็นทาสของกิเลส ใจจึงเป็นทาสของความเกิด
ความเกิดนั่นแหละ คือกิเลสอันละเอียดที่สุด ถ้าไม่เกิดถ้าไม่หลง ก็ไม่เกิด ความเกิดก็ปิดบังอำพรางตัวใจเอาไว้ความเกิดยังไม่พอ แล้วก็มายึดในอัตภาพร่างกายหรือว่าขันธ์ห้า ซึ่งมีซึ่งนั่งอยู่นี่แหละ ร่างกายของเรานี่แหละ ก็ว่าเป็นตัวเป็นตนจริงๆ ในทางตาเนื้อ ในทางสมมติก็มองเห็นเป็นตัวเป็นตนอยู่ ถ้ากลับคืนสู่สภาพเดิมหมดลมหายใจก็ไม่มีอะไร ก็เหลือตั้งแต่วิญญาณซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม
ถ้ายังละกิเลสไม่หมด ดับความเกิดไม่หมดก็ยังต้องไปเกิดต่อ อันนี้ต้องอาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ถึงจะเข้าใจ ถ้าไม่ได้ศึกษาค้นคว้า เราก็รู้อยู่ในระดับของสมมติ คิดก็รู้ ทำก็รู้ ใจก็รู้อยู่ แต่ควบคุมไม่ได้ แต่ใจไม่รู้ความเป็นจริง ก็เลยวิ่ง เลยเกิดอยู่ตลอดเวลา บางทีก็เป็นอกุศลบ้าง บางทีก็เป็นอกุศลบ้าง บางทีก็เป็นกลางๆ
ถ้ากำลังสติของเราเร็วไวขึ้น มีเหตุมีผล ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล เหตุทางด้านนามธรรม คือการแยกการคลาย เหตุทางด้านรูปธรรม เหตุทางสมมติ ทุกอย่างล้วนเกิดแต่เหตุ เราต้องเจาะให้ได้ถึงต้นเหตุ รู้ไม่ถึงต้นเหตุเราก็รู้จักหยุด จักดับ จักควบคุม ไม่เหลือวิสัย
เราก็พยายามค่อยสร้างสะสม สร้างตบะ สร้างบารมีไปทีละเล็กละน้อย สักวันก็คงจะได้ถึงจุดหมายปลายทางกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 13 เมษายน 2562
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็วันขึ้นปีใหม่ของไทยเรา มาไหว้พระ สมาทานศีลขอพรปีใหม่ให้ทุกคนได้มีความสุข พรุ่งนี้ก็จะได้ทำพิธีสรงน้ำพระคุณเจ้า แม่ชี สามเณร แล้วก็ผู้เฒ่าผู้แก่ ก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วมกันเหมือนทุกปี จะได้มีความเป็นสิริมงคลกับชีวิต จะได้มีความสุขแล้วก็รู้จักแก้ไขชีวิตของเรา
พรุ่งนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่จะต้องได้เห็นดำเนินกัน เข้าเทศกาลสงกรานต์ วันอาทิตย์ที่ 14 ได้มีผู้ใจบุญได้มาไถ่ชีวิตโคแม่ลูกกับชีวิตลูกกำพร้า เขาก็ฆ่าแม่แล้วแหละเหลือแต่ลูก ซึ่งเอามาจากโรงฆ่าสัตว์ 3 ชีวิตที่จะได้ทำพิธีไถ่ชีวิต ในวันพรุ่งนี้ ญาติโยมจะได้ทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมสมทบทุนสร้างวิหารครอบองค์หลวงปู่ใหญ่ปางลีลา พวกเราก็มีโอกาสจะได้มาร่วมทอดถวายผ้าป่ากัน แล้วก็ได้มีผู้มีจิตศรัทธาได้มาบริการ เปิดบริการนวดแผนไทย แผนโบราณ จากคนพิเศษที่จะมาบริการนวดให้คือคนพิการทางสายตา มานวดบริการให้ใครเจ็บปวดตรงไหนก็มานวดได้ ก็มาตั้งแต่เมื่อวานนี้ล่ะวันนี้ก็มาอีกไหม มาจนสงกรานต์เสร็จที่ศาลาของเรา แล้วก็มีการรับบริจาคโลหิตจากสภากาชาดไทยที่จะมารับถึงวัดของเรา ที่ในศาลานี้ก็เหมือนกันมารับบริจาคโลหิต ญาติโยมท่านใดปรารถนาอยากจะบริจาคโลหิต ก็บริจาคโลหิตช่วยเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน แล้วก็สุดท้ายญาติโยมท่านใดปรารถนาที่จะมาตั้งโรงทาน ก็มา มาทำโรงทานบริการพี่น้องที่มาทำบุญให้ทาน เห็นว่าปรารถนาบอกกล่าวมาหลายท่านที่จะมาทำโรงทานวันพรุ่งนี้ สำหรับส่วนทางวัดก็ทำประจำทุกวันมาหลายปี 2-3 ปี ทำประจำ ถ้าญาติโยมท่านใดปรารถนาอยากจะมาตั้งโรงทานก็มาได้ตลอดเวลา อยากจะนำข้าวปลาอาหารมาไว้ที่โรงทานให้ทางครัวจัดทำให้ ก็อนุโมทนาสาธุด้วย
มีโอกาส..โอกาสเปิด การเวลาเปิด สถานที่เปิด ไม่ว่าบุญมากบุญน้อย มีโอกาสเราให้รีบทำอย่าปล่อยโอกาสทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนเรายังมีลมหายใจพยายามรีบสร้าง บุญกุศลคุณงามความดีเอาไว้ หมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป ก็ต้องพยายามละบาปสร้างบุญ สูงขึ้นไปก็ทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ตามแนวทางของพระพุทธองค์
เราก็จะได้ไม่ลำบาก วันนี้ก็ไม่ได้ลำบาก วันพรุ่งนี้ เดือนนี้ เดือนหน้า จนกว่าใจของเราจะดับความเกิดได้ไปต่อเอาภพหน้า ถ้าดับความเกิดไม่ได้หมดจดก็ไปต่อเอาภพหน้า เพราะว่าภพนี้มีภพหน้ามี วิญญาณในกายของเรานี่แหละความเกิดความดับ ซึ่งมีอยู่ทุกวัน ซึ่งอาจจะภายในนาที 2 นาที ไม่รู้ว่าเกิดสักกี่เที่ยว แต่เวลานี้เขายังอาศัยอยู่ในภพมนุษย์ คือร่างกายของเราอยู่ ก็ต้องพยายามกัน
ต่อไปก็จะได้ให้คุณหมอได้พาไหว้พระ สมาทานศีล กันเสียก่อน
มีความสุขกันทุกคน ตื่นเช้าขึ้นมาก็รีบมาทำบุญถวายทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ในวันสำคัญต่างๆ วันขึ้นปีใหม่ของประเทศไทย ทั่วประเทศ ญาติโยมก็พากันไปทำบุญ โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิด บุญมากบุญน้อย บุญเล็กบุญใหญ่มีโอกาสก็ให้รีบทำ กายไม่ได้ทำก็น้อมใจเราเข้าไปอนุโมทนาสาธุ ในสวนแห่งบุญเราก็จะได้ไม่เสียทีเสียเที่ยว สูงขึ้นไปเราก็เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา
รู้กายรู้ใจ รู้สมมติรู้วิมุตติ รู้รับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ จัดการกับวิญญาณหรือว่าใจของเรา ให้อยู่ในความเป็นระบบระเบียบ ใจของเรามีความแข็งกร้าวแข็งกระด้าง เราก็พยายามละความแข็งกระด้าง สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน ใจของเราไม่มีพรหมวิหาร เราก็พยายามสร้างพรหมวิหาร สร้างความเมตตาให้มีให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามขัดเกลา ละกิเลสออกจากใจของเราให้เบาบาง ทำในสิ่งตรงกันข้ามกับกิเลส เพื่อที่จะเข้าหาความบริสุทธิ์ความหลุดพ้นของใจให้ได้
ในขณะที่เรายังมีกำลัง มีลมหายใจอยู่ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง อย่าปล่อยใจของเราให้เป็นทาสของกิเลส จงเป็นนายเหนือกิเลส ทุกคนก็มีกิเลส กายของเรานี่แหละก้อนกิเลส กายของเรานี้แหละก้อนกรรม เรามาทำความเข้าใจ กายทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร ตามแนวทางของพระพุทธองค์ซึ่งท่านก็ได้ค้นพบเอามาจำแนกแจกแจงมาหลายร้อยหลายพันปีก็ยังเป็นอยู่เหมือนเดิม ใจก็ยังบริสุทธิ์อยู่เหมือนเดิม แต่ความไม่รู้ความหลง ใจถึงเป็นทาสของกิเลส ใจจึงเป็นทาสของความเกิด
ความเกิดนั่นแหละ คือกิเลสอันละเอียดที่สุด ถ้าไม่เกิดถ้าไม่หลง ก็ไม่เกิด ความเกิดก็ปิดบังอำพรางตัวใจเอาไว้ความเกิดยังไม่พอ แล้วก็มายึดในอัตภาพร่างกายหรือว่าขันธ์ห้า ซึ่งมีซึ่งนั่งอยู่นี่แหละ ร่างกายของเรานี่แหละ ก็ว่าเป็นตัวเป็นตนจริงๆ ในทางตาเนื้อ ในทางสมมติก็มองเห็นเป็นตัวเป็นตนอยู่ ถ้ากลับคืนสู่สภาพเดิมหมดลมหายใจก็ไม่มีอะไร ก็เหลือตั้งแต่วิญญาณซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม
ถ้ายังละกิเลสไม่หมด ดับความเกิดไม่หมดก็ยังต้องไปเกิดต่อ อันนี้ต้องอาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ถึงจะเข้าใจ ถ้าไม่ได้ศึกษาค้นคว้า เราก็รู้อยู่ในระดับของสมมติ คิดก็รู้ ทำก็รู้ ใจก็รู้อยู่ แต่ควบคุมไม่ได้ แต่ใจไม่รู้ความเป็นจริง ก็เลยวิ่ง เลยเกิดอยู่ตลอดเวลา บางทีก็เป็นอกุศลบ้าง บางทีก็เป็นอกุศลบ้าง บางทีก็เป็นกลางๆ
ถ้ากำลังสติของเราเร็วไวขึ้น มีเหตุมีผล ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล เหตุทางด้านนามธรรม คือการแยกการคลาย เหตุทางด้านรูปธรรม เหตุทางสมมติ ทุกอย่างล้วนเกิดแต่เหตุ เราต้องเจาะให้ได้ถึงต้นเหตุ รู้ไม่ถึงต้นเหตุเราก็รู้จักหยุด จักดับ จักควบคุม ไม่เหลือวิสัย
เราก็พยายามค่อยสร้างสะสม สร้างตบะ สร้างบารมีไปทีละเล็กละน้อย สักวันก็คงจะได้ถึงจุดหมายปลายทางกัน