หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 88 วันที่ 6 ตุลาคม 2563
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 88 วันที่ 6 ตุลาคม 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 88
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 6 ตุลาคม 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้เชื่อมโยง ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัว เราได้สำรวจกาย สำรวจใจของเราแล้วหรือยัง แต่ละวันๆมีความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ละความเห็นแก่ตัว ละความเกียจคร้านสร้างความรับผิดชอบ รู้จักฝักใฝ่ สนใจ วิเคราะห์ วิเคราะห์กาย วิเคราะห์ใจของเราอยู่ตลอดเวลา
บุคคลที่มีบุญมีวาสนาจะไม่ปล่อยเวลาทิ้ง ไม่ให้กิเลสต่างๆ เข้าครอบงำ ก็จะแก้ไขตัวเรา ไม่ให้ไม่ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ตลอดเวลา ผิดพลาดแก้ไขใหม่ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ อะไรเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ ประโยชน์มาก ประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกลประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้พยายามรีบทำขณะที่ยังมีกำลัง ถ้าหมดกำลังก็หมดโอกาสหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป ให้เราทำความเข้าใจให้เรียบร้อยเสีย จะได้ไม่เสียเที่ยว เสียเวลา อย่างน้อยๆ ใจของเราก็อยู่ในกองบุญ กองกุศล เอาไว้ก็ยังดี
ยิ่งทั้งพระทั้งชีมาอยู่รวมกัน หลายคนหลายท่านหลายองค์ อยู่กันคนละทิศละที่ละทาง มีโอกาสมีบุญร่วมกันนั่นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ก็ให้รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าจะไปเพ่งโทษ แต่คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ ที่นั้นเป็นอย่างนั้น ที่นี้เป็นอย่างนี้ ก็กิเลสของเรานั่นแหละ เรามาแก้ไขตัวเรา มาทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา อยู่ร่วมกันให้มีความสมัครสมานสามัคคี แล้วก็ขยันหมั่นเพียร
ถ้าเราบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น ไปอยู่ที่ไหนก็ลำบาก ลำบากตัวเอง ลำบากคนอื่น หนักสถานที่ เป็นภาระให้กับคนอื่น เป็นภาระให้กับสถานที่ เรามาอยู่ร่วมกัน อะไรเราก็พยายามแก้ไข ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หนักก็จะเป็นเบา เบาก็แทบที่จะไม่มีอะไรให้ทำ
ทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งบุญ ให้เราช่วยกัน กว่าจะมาเป็นสถานที่ น่าอยู่ น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ ก็ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านความขยันหมั่นเพียรของรุ่นต่อรุ่น ช่วยกันทำมา เรามาอยู่ เราก็มาช่วยกัน อย่ามาสร้างความเสื่อมให้ เราต้องมาสร้างความเจริญให้ เราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้สานต่อ คนรุ่นหลังจากไปรุ่นหลังก็จะได้สานต่อ เป็นกองบุญอันใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆก็ต้องพยายามกัน
ให้บอกตัวเราให้ได้ สอนตัวเราให้ได้ หลวงพ่อก็เพียงแค่บอกแค่กล่าว ถ้าบอกไม่เชื่อฟัง ก็เป็นกรรมของพวกท่าน กรรมของใคร กรรมของมัน ในเมื่อพวกเราได้มาอยู่ร่วมกัน เราก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แก้ไขตัวเรา ยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สมมติ ประโยชน์วิมุตติ ให้มีให้เกิดขึ้น เป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง
อีกสักหน่อยพวกเราก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริงของชีวิตทุกคนทุกผู้ทุกนาม ที่จะต้องเจอกันในชีวิตของแต่ละคน ขณะที่ยังมีลมหายใจรีบตักตวง สร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดี ไม่ปล่อยผัดวันประกันพรุ่ง ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล
อันนี้ก็ออกพรรษาแล้ว อีกสักหน่อยก็จะเป็นงานกฐิน วันที่สิบแปดก็จะเป็นงานกฐิน ส่วนวันที่สิบเจ็ดก็จะได้วางศิลาฤกษ์ สร้างองค์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางสีหไสยาสน์ ยาวยี่สิบห้าเมตร สูงประมาณเก้าเมตร ก็จะได้ทำขึ้นหลายสิ่งหลายอย่างในวัดของเรา มีภาระ มีหน้าที่ มีอะไรเราก็ช่วยกันเพื่อยังประโยชน์ บุญของสมมติก็ทำให้เต็มเปี่ยม ส่วนการขัดเกลากิเลสอันนี้ ก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลที่จะแก้ไขตัวเอง ไม่ใช่ว่าไปอยู่ที่โน่นกิเลสฉันจะหมด ไปอยู่ที่นี่กิเลสฉันจะหมด นั่นไม่ใช่ มันอยู่ที่ใจของเรา
ใจเกิดกิเลส เราก็รู้จักละกิเลส ใจหลงอะไร หลงยึดมั่นในขันธ์ห้า ในร่างกายของเราเป็นอย่างไรการเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ จนใจคลายออกแยกแยะได้ ตามดู รู้ เห็น ตามความเป็นจริง ชี้เหตุชี้ผล เข้าใจในชีวิตของเรา ว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องสมมติ วิมุตติ คำว่าสมมติเป็นลักษณะอย่างไร วิมุตติเป็นลักษณะอย่างไร อัตตา อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร อริยสัจความจริงอันประเสริฐ วิธีการดำเนินให้เข้าถึงตรงนั้นได้อย่างไร การสร้างตบะ สร้างบารมี ให้จิตใจเบาบางจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างไร เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ ทำความเข้าใจกับชีวิตของเราเอง ไม่ใช่ว่าจะไปมองแต่ภายนอก สิ่งโน้นเป็นอย่างนั้น สิ่งนั้นเป็นอย่างนี้ โลกธรรมมันก็เป็นอยู่อย่างนั้นแหละ เราก็ต้องพยายาม
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็ยิ่งเพิ่มความเพียรเป็นทวีคูณ ถ้าเราให้ด้วยความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ครั้งหนึ่ง ครั้งสอง ครั้งสาม ก็มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น มันก็มีตั้งแต่ความเสื่อม ตัวเราก็เสื่อม คนอื่นก็เสื่อม สถานที่ก็เขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ ก็ต้องพยายามกัน ให้ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาดนี่สำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่รู้จักรักษาความสะอาดมันก็หมักหมม เพียงแค่สมมติก็หมักหมมไปเรื่อยๆ มันก็ไม่เกิดประโยชน์ ไม่เกิดประโยชน์ ดูแล้วก็ไม่สวยงามตา ให้เราพยายามช่วยกัน อย่าไปงอมืองอเท้า เป็นงานของทุกคน ‘เป็นภาระ’
เปลี่ยนจาก ‘ภาระ’ เป็น ‘หน้าที่’ จาก ‘หน้าที่’ เป็น ‘ความรับผิดชอบ’ หมั่นสอดส่อง หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่ถ่าย ที่เยี่ยว ถ้าสิ่งพวกนี้ไม่สมบูรณ์แบบการฝึกหัดปฏิบัติทางกายเนื้อก็ลำบาก สิ่งพวกนี้ถ้ามีสมบูรณ์แบบ การปฏิบัติทางด้านจิตใจก็จะไปได้เร็วได้ไวขึ้น ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจศึกษาต่อ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 6 ตุลาคม 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้เชื่อมโยง ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัว เราได้สำรวจกาย สำรวจใจของเราแล้วหรือยัง แต่ละวันๆมีความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ละความเห็นแก่ตัว ละความเกียจคร้านสร้างความรับผิดชอบ รู้จักฝักใฝ่ สนใจ วิเคราะห์ วิเคราะห์กาย วิเคราะห์ใจของเราอยู่ตลอดเวลา
บุคคลที่มีบุญมีวาสนาจะไม่ปล่อยเวลาทิ้ง ไม่ให้กิเลสต่างๆ เข้าครอบงำ ก็จะแก้ไขตัวเรา ไม่ให้ไม่ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ตลอดเวลา ผิดพลาดแก้ไขใหม่ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ อะไรเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ ประโยชน์มาก ประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกลประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้พยายามรีบทำขณะที่ยังมีกำลัง ถ้าหมดกำลังก็หมดโอกาสหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป ให้เราทำความเข้าใจให้เรียบร้อยเสีย จะได้ไม่เสียเที่ยว เสียเวลา อย่างน้อยๆ ใจของเราก็อยู่ในกองบุญ กองกุศล เอาไว้ก็ยังดี
ยิ่งทั้งพระทั้งชีมาอยู่รวมกัน หลายคนหลายท่านหลายองค์ อยู่กันคนละทิศละที่ละทาง มีโอกาสมีบุญร่วมกันนั่นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ก็ให้รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าจะไปเพ่งโทษ แต่คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ ที่นั้นเป็นอย่างนั้น ที่นี้เป็นอย่างนี้ ก็กิเลสของเรานั่นแหละ เรามาแก้ไขตัวเรา มาทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา อยู่ร่วมกันให้มีความสมัครสมานสามัคคี แล้วก็ขยันหมั่นเพียร
ถ้าเราบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น ไปอยู่ที่ไหนก็ลำบาก ลำบากตัวเอง ลำบากคนอื่น หนักสถานที่ เป็นภาระให้กับคนอื่น เป็นภาระให้กับสถานที่ เรามาอยู่ร่วมกัน อะไรเราก็พยายามแก้ไข ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หนักก็จะเป็นเบา เบาก็แทบที่จะไม่มีอะไรให้ทำ
ทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งบุญ ให้เราช่วยกัน กว่าจะมาเป็นสถานที่ น่าอยู่ น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ ก็ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านความขยันหมั่นเพียรของรุ่นต่อรุ่น ช่วยกันทำมา เรามาอยู่ เราก็มาช่วยกัน อย่ามาสร้างความเสื่อมให้ เราต้องมาสร้างความเจริญให้ เราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้สานต่อ คนรุ่นหลังจากไปรุ่นหลังก็จะได้สานต่อ เป็นกองบุญอันใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆก็ต้องพยายามกัน
ให้บอกตัวเราให้ได้ สอนตัวเราให้ได้ หลวงพ่อก็เพียงแค่บอกแค่กล่าว ถ้าบอกไม่เชื่อฟัง ก็เป็นกรรมของพวกท่าน กรรมของใคร กรรมของมัน ในเมื่อพวกเราได้มาอยู่ร่วมกัน เราก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แก้ไขตัวเรา ยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สมมติ ประโยชน์วิมุตติ ให้มีให้เกิดขึ้น เป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง
อีกสักหน่อยพวกเราก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริงของชีวิตทุกคนทุกผู้ทุกนาม ที่จะต้องเจอกันในชีวิตของแต่ละคน ขณะที่ยังมีลมหายใจรีบตักตวง สร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดี ไม่ปล่อยผัดวันประกันพรุ่ง ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล
อันนี้ก็ออกพรรษาแล้ว อีกสักหน่อยก็จะเป็นงานกฐิน วันที่สิบแปดก็จะเป็นงานกฐิน ส่วนวันที่สิบเจ็ดก็จะได้วางศิลาฤกษ์ สร้างองค์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางสีหไสยาสน์ ยาวยี่สิบห้าเมตร สูงประมาณเก้าเมตร ก็จะได้ทำขึ้นหลายสิ่งหลายอย่างในวัดของเรา มีภาระ มีหน้าที่ มีอะไรเราก็ช่วยกันเพื่อยังประโยชน์ บุญของสมมติก็ทำให้เต็มเปี่ยม ส่วนการขัดเกลากิเลสอันนี้ ก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลที่จะแก้ไขตัวเอง ไม่ใช่ว่าไปอยู่ที่โน่นกิเลสฉันจะหมด ไปอยู่ที่นี่กิเลสฉันจะหมด นั่นไม่ใช่ มันอยู่ที่ใจของเรา
ใจเกิดกิเลส เราก็รู้จักละกิเลส ใจหลงอะไร หลงยึดมั่นในขันธ์ห้า ในร่างกายของเราเป็นอย่างไรการเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ จนใจคลายออกแยกแยะได้ ตามดู รู้ เห็น ตามความเป็นจริง ชี้เหตุชี้ผล เข้าใจในชีวิตของเรา ว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องสมมติ วิมุตติ คำว่าสมมติเป็นลักษณะอย่างไร วิมุตติเป็นลักษณะอย่างไร อัตตา อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร อริยสัจความจริงอันประเสริฐ วิธีการดำเนินให้เข้าถึงตรงนั้นได้อย่างไร การสร้างตบะ สร้างบารมี ให้จิตใจเบาบางจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างไร เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ ทำความเข้าใจกับชีวิตของเราเอง ไม่ใช่ว่าจะไปมองแต่ภายนอก สิ่งโน้นเป็นอย่างนั้น สิ่งนั้นเป็นอย่างนี้ โลกธรรมมันก็เป็นอยู่อย่างนั้นแหละ เราก็ต้องพยายาม
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็ยิ่งเพิ่มความเพียรเป็นทวีคูณ ถ้าเราให้ด้วยความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ครั้งหนึ่ง ครั้งสอง ครั้งสาม ก็มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น มันก็มีตั้งแต่ความเสื่อม ตัวเราก็เสื่อม คนอื่นก็เสื่อม สถานที่ก็เขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ ก็ต้องพยายามกัน ให้ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาดนี่สำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่รู้จักรักษาความสะอาดมันก็หมักหมม เพียงแค่สมมติก็หมักหมมไปเรื่อยๆ มันก็ไม่เกิดประโยชน์ ไม่เกิดประโยชน์ ดูแล้วก็ไม่สวยงามตา ให้เราพยายามช่วยกัน อย่าไปงอมืองอเท้า เป็นงานของทุกคน ‘เป็นภาระ’
เปลี่ยนจาก ‘ภาระ’ เป็น ‘หน้าที่’ จาก ‘หน้าที่’ เป็น ‘ความรับผิดชอบ’ หมั่นสอดส่อง หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่ถ่าย ที่เยี่ยว ถ้าสิ่งพวกนี้ไม่สมบูรณ์แบบการฝึกหัดปฏิบัติทางกายเนื้อก็ลำบาก สิ่งพวกนี้ถ้ามีสมบูรณ์แบบ การปฏิบัติทางด้านจิตใจก็จะไปได้เร็วได้ไวขึ้น ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจศึกษาต่อ