หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 13 วันที่ 11 มีนาคม 2563
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 13 วันที่ 11 มีนาคม 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 13
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 มีนาคม 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้น พวกเราได้สร้างความรู้ตัว หรือว่าเจริญสติเข้าไปให้มี ให้เกิดขึ้นที่ตัวของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่ม เริ่มทำ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สักสอง สามเที่ยว ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายยจมูกของเราก็จะชัดเจน ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น
ถ้าความรู้ตัว หรือว่าสติของเราต่อเนื่อง เราก็จะได้รู้เท่า รู้ทัน รู้ลักษณะการเกิดของใจ รู้ความปกติของใจ รู้การเกิด การดับ ของความคิด ของขันธ์ห้า ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม เขาเกิดอย่างไรเขาก่อตัวอย่างไร เขาเคลื่อนเข้าไปรวมกันได้อย่างไร รู้จักแก้ไขชีวิตของเรา
ทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นขึ้น ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความเสียสละ ความอดทนเราก็จะได้สำรวจใจของเรา แก้ไขใจของเรา ใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเสียสละมีพรหมวิหาร หรือว่ามีความเกียจคร้านเข้าครอบงำ หรือว่าใจของเรามีแต่กิเลส มีแต่มลทินมลทินมีตั้งแต่อคติ เพ่งโทษสารพัดอย่าง
ใจมีแต่ความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราบ่อยๆ แก้ไขใจของเราบ่อยๆ มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศรู้จักวิเคราะห์ พิจารณา อันนี้คือสมมติ วิมุตติ
เพียงแค่สมมติปัจจัยในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราก็ต้องพยายามทำให้ดี บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น เป็นที่พึ่งของเราให้ได้ เพียงแค่ระดับของสมมติ ถ้าเราไปเกียจคร้านก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พระเราเกียจคร้านก็ไม่ดี ชีเราเกียจคร้านก็ไม่ดี ฆราวาสญาติโยมเกียจคร้านก็ไม่ดี
รู้จักพิจารณา พิจารณาตัวเราว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ให้อยู่ในความสะดวกสบายทั้งสมมติทั้งวิมุตติ เพียงแค่สมมติเราก็ยังไม่มีความพร้อม ความขยัน ความเสียสละ การกระทำ ยังไม่มี ยังไม่ถึงพร้อม เราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ไม่ใช่ว่าจะแบกร่างกายของเราไปที่โน่นที่นี่ แบกร่างกายของเรา เราต้องพยายามแก้ไขปล่อยวาง ละวางภายใน แก้ไขข้างนอก ยังสมมติของเราให้อยู่ดีมีความสุข ไปที่ไหนก็มีความสุข
รู้สึกว่าฝนฟ้าจะเริ่มตกเริ่มโปรยๆ ลงมา เห็นว่าพายุจะเข้ามาภายในสองสามวัน พระเราชีเราช่วยกันปลูกต้นไม้ เหลืออยู่ไม่เยอะ เหลืออยู่ร้อยกว่าต้น เร่งปลูกต้นไม้ให้ทันก่อน ก่อนที่เทวดาจะลงมารดให้ ปลูกต้นไทรกวนอู ซึ่งเอามาเตรียมเอาไว้ตั้งแต่ปีกลาย สั่งเอามาไว้ แล้วก็จะได้เอามาไว้อีก เอาเข้ามาอีกประมาณรองร้อยกว่าต้น ที่จะมาปลูกให้เต็มป่า ทั้งปลูก ทั้งตัด ตรงส่วนไหนที่ไม่สวยไม่งาม เราก็ตัดออก ต้นตายเราก็ตัดออก ปลูกต้นใหม่เข้าไปเสริม ให้เป็นป่าดงดิบ มีโอกาสเราก็ได้ช่วยกัน
อย่าพากันเกียจคร้าน เจริญสติไปด้วย วิเคราะห์ไปด้วย อะไรที่จะยังประโยชน์ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมากระทั่งถึงเวลานี้ เดี๋ยวนี้ เวลาจะขบ จะฉัน เราก็ดู รู้ จำแนกแจกแจง ความหิวกับความอยากนี่ต้องให้รู้ชัดเจน กายของเราหิว หรือว่าใจของเราเกิดความอยาก เราควบคุมความอยากได้หรือไม่ เราดับความอยากได้ระดับไหน เราดับไม่ได้ เราปล่อย เราตามดู อย่าเพิ่งทำตามความอยากความเกิดของใจ ความเกิดของขันธ์ห้า
แต่เวลานี้กำลังสติ หรือว่าความรู้ตัวของเรา มีบ้าง ไม่มาก เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ไม่ใช่ว่าจะไปพึ่งคนโน้น พึ่งคนนี้ เราพึ่งกันได้ในระดับของสมมติ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กินตรงนี้เราพออาศัยพึ่งพากันได้ บุญสมมติเราก็ทำร่วมกันได้ ส่วนการขัดเกลากิเลส กิเลสสก็มีหลายอย่าง กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด
ใจของเราเบาบางจากความโลภแล้วหรือยัง ใจของเราเบาบางจากความโกรธแล้วหรือยัง เราเจริญพรหมวิหาร ใจเกิดความโลภ ละความโลภ ด้วยการคลาย ด้วยการให้ ใจเกิดความโกรธดับความโกรธ ด้วยการให้อภัย
มองโลกในทางที่ดี รู้จักควบคุมกาย และก็ควบคุมวาจา เวลาไหนควรพูด ไม่ควรพูด สิ่งไหนควรพูด ไม่ควรพูด ลึกลงไปก็รู้จักควบคุมใจ อะไรควรคิด อะไรไม่ควรคิด ลึกลงไปอีก ดับความเกิดของใจ ให้คิดด้วยสติ ด้วยปัญญาหลายชั้น
แม้สติปัญญาของเรา ถ้าเป็นอกุศลเราก็ให้หยุด ให้ดับ คิดเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่คิด กายก็ได้พักผ่อน ใจก็ได้พักผ่อน สมองก็ได้พักผ่อน พักผ่อนขณะที่เราทำงานนี้แหละ
เพียงแค่เรากลับความคิดจากฝ่ามือเป็นหลังมือ หงายฝ่ามือขึ้นมา หลังมือก็อยู่ข้างล่าง วิมุตติผุดขึ้นมาสมมติก็อยู่ข้างล่าง ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้ ถ้าเราละกิเลสได้
แต่เวลานี้กำลังสติที่จะเข้าไปอบรมใจมีบ้างนิดหน่อยหรือบางทีไม่มี ปล่อยเลยตามเลยทั้งที่ใจก็เป็นบุญ อยากได้บุญ เราก็ต้องพยายามกัน ไม่จำเป็นต้องไปพูดมากมายกอะไร
เพียงแค่รู้จักวิธีการแนวทาง การเจริญสติเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้เรามีสติต่อเนื่องรู้เท่าทันหรือไม่ เรามีการเร่งทำความเพียรหรือเปล่า เราเร่งด้วยความอยากความหวัง หรือเราสร้างสติขึ้นมา ให้รู้เท่า รู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักแก้เล็กๆ น้อยๆ ความอยากเล็กๆ น้อย เราก็พยามดับ
กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร หมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา คลายออกจากใจ อย่าไปเก็บ ไปกัก ไปกด ไปข่ม ให้คลายออกให้มันหมด คลายออกๆ จนใจไม่มีอะไรอยู่ สำรอกออกให้หมด จนเหลืออยู่ตั้งแต่ความว่าง ในความว่างนั้น มีใจอยู่ มีวิญญาณอยู่
ถ้าใจของเราละกิเลสได้หมด เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์ เราก็ได้ ใจของเราไม่เกิด ใจของเราก็นิ่ง สติปัญญาของเราก็หัดวิเคราะห์เอาไปใช้จนเต็มรอบ จนไม่มีอะไรเหลือที่จะให้เราค้นคว้า จนเอาสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ก็ต้องพยายามกัน
ทุกสิ่งทุกอย่าง หลวงพ่อก็พยายามทำให้ทุกคน เอื้ออำนวยให้อยู่ดีมีความสุขไม่ได้ลำบาก เราก็มาช่วยกันส่งเสริมให้มี
ความสุข ให้เจริญรุ่งเรื่องขึ้นไปเรื่อยๆ พวกพระเราก็ช่วยกัน ชีเราก็ช่วยกัน อีกไม่นานทางด้านหลังเราก็จะได้น้อมนำอัญเชิญพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์มาประดิษฐานเอาไว้ ซึ่งก็ทำสถานที่อยู่สูงประมาณสัก 20 เมตร ก็คงภายในเร็ววัน ก็คงจะได้เห็นแม่กวนอิมใหญ่เกิดขึ้น ก็จะได้ทำลานใหญ่ให้ญาติโยม ให้พระ ให้แม่ชี ได้มีสถานที่ ยืน เดิน นั่ง นอน ยืนเดินฝึกสติ เจริญปัญญากัน
ส่วนปลูกต้นไม้เราก็ค่อยปลูกไปเรื่อยๆ วันนี้ก็จะปลูกหลังจากเที่ยง ก็จะปลูกให้ได้มากที่สุดเพราะว่าฝนฟ้าก็จะเริ่มตก เหลืออีกประมาณร้อยกว่าต้น จะปลูกให้เสร็จก่อนที่ฝนจะตก ก็จะได้ไม่ได้ลำบาก เดี๋ยวก็มาใหม่
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 มีนาคม 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้น พวกเราได้สร้างความรู้ตัว หรือว่าเจริญสติเข้าไปให้มี ให้เกิดขึ้นที่ตัวของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่ม เริ่มทำ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สักสอง สามเที่ยว ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายยจมูกของเราก็จะชัดเจน ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น
ถ้าความรู้ตัว หรือว่าสติของเราต่อเนื่อง เราก็จะได้รู้เท่า รู้ทัน รู้ลักษณะการเกิดของใจ รู้ความปกติของใจ รู้การเกิด การดับ ของความคิด ของขันธ์ห้า ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม เขาเกิดอย่างไรเขาก่อตัวอย่างไร เขาเคลื่อนเข้าไปรวมกันได้อย่างไร รู้จักแก้ไขชีวิตของเรา
ทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นขึ้น ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความเสียสละ ความอดทนเราก็จะได้สำรวจใจของเรา แก้ไขใจของเรา ใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเสียสละมีพรหมวิหาร หรือว่ามีความเกียจคร้านเข้าครอบงำ หรือว่าใจของเรามีแต่กิเลส มีแต่มลทินมลทินมีตั้งแต่อคติ เพ่งโทษสารพัดอย่าง
ใจมีแต่ความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราบ่อยๆ แก้ไขใจของเราบ่อยๆ มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศรู้จักวิเคราะห์ พิจารณา อันนี้คือสมมติ วิมุตติ
เพียงแค่สมมติปัจจัยในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราก็ต้องพยายามทำให้ดี บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น เป็นที่พึ่งของเราให้ได้ เพียงแค่ระดับของสมมติ ถ้าเราไปเกียจคร้านก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พระเราเกียจคร้านก็ไม่ดี ชีเราเกียจคร้านก็ไม่ดี ฆราวาสญาติโยมเกียจคร้านก็ไม่ดี
รู้จักพิจารณา พิจารณาตัวเราว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ให้อยู่ในความสะดวกสบายทั้งสมมติทั้งวิมุตติ เพียงแค่สมมติเราก็ยังไม่มีความพร้อม ความขยัน ความเสียสละ การกระทำ ยังไม่มี ยังไม่ถึงพร้อม เราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ไม่ใช่ว่าจะแบกร่างกายของเราไปที่โน่นที่นี่ แบกร่างกายของเรา เราต้องพยายามแก้ไขปล่อยวาง ละวางภายใน แก้ไขข้างนอก ยังสมมติของเราให้อยู่ดีมีความสุข ไปที่ไหนก็มีความสุข
รู้สึกว่าฝนฟ้าจะเริ่มตกเริ่มโปรยๆ ลงมา เห็นว่าพายุจะเข้ามาภายในสองสามวัน พระเราชีเราช่วยกันปลูกต้นไม้ เหลืออยู่ไม่เยอะ เหลืออยู่ร้อยกว่าต้น เร่งปลูกต้นไม้ให้ทันก่อน ก่อนที่เทวดาจะลงมารดให้ ปลูกต้นไทรกวนอู ซึ่งเอามาเตรียมเอาไว้ตั้งแต่ปีกลาย สั่งเอามาไว้ แล้วก็จะได้เอามาไว้อีก เอาเข้ามาอีกประมาณรองร้อยกว่าต้น ที่จะมาปลูกให้เต็มป่า ทั้งปลูก ทั้งตัด ตรงส่วนไหนที่ไม่สวยไม่งาม เราก็ตัดออก ต้นตายเราก็ตัดออก ปลูกต้นใหม่เข้าไปเสริม ให้เป็นป่าดงดิบ มีโอกาสเราก็ได้ช่วยกัน
อย่าพากันเกียจคร้าน เจริญสติไปด้วย วิเคราะห์ไปด้วย อะไรที่จะยังประโยชน์ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมากระทั่งถึงเวลานี้ เดี๋ยวนี้ เวลาจะขบ จะฉัน เราก็ดู รู้ จำแนกแจกแจง ความหิวกับความอยากนี่ต้องให้รู้ชัดเจน กายของเราหิว หรือว่าใจของเราเกิดความอยาก เราควบคุมความอยากได้หรือไม่ เราดับความอยากได้ระดับไหน เราดับไม่ได้ เราปล่อย เราตามดู อย่าเพิ่งทำตามความอยากความเกิดของใจ ความเกิดของขันธ์ห้า
แต่เวลานี้กำลังสติ หรือว่าความรู้ตัวของเรา มีบ้าง ไม่มาก เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ไม่ใช่ว่าจะไปพึ่งคนโน้น พึ่งคนนี้ เราพึ่งกันได้ในระดับของสมมติ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กินตรงนี้เราพออาศัยพึ่งพากันได้ บุญสมมติเราก็ทำร่วมกันได้ ส่วนการขัดเกลากิเลส กิเลสสก็มีหลายอย่าง กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด
ใจของเราเบาบางจากความโลภแล้วหรือยัง ใจของเราเบาบางจากความโกรธแล้วหรือยัง เราเจริญพรหมวิหาร ใจเกิดความโลภ ละความโลภ ด้วยการคลาย ด้วยการให้ ใจเกิดความโกรธดับความโกรธ ด้วยการให้อภัย
มองโลกในทางที่ดี รู้จักควบคุมกาย และก็ควบคุมวาจา เวลาไหนควรพูด ไม่ควรพูด สิ่งไหนควรพูด ไม่ควรพูด ลึกลงไปก็รู้จักควบคุมใจ อะไรควรคิด อะไรไม่ควรคิด ลึกลงไปอีก ดับความเกิดของใจ ให้คิดด้วยสติ ด้วยปัญญาหลายชั้น
แม้สติปัญญาของเรา ถ้าเป็นอกุศลเราก็ให้หยุด ให้ดับ คิดเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่คิด กายก็ได้พักผ่อน ใจก็ได้พักผ่อน สมองก็ได้พักผ่อน พักผ่อนขณะที่เราทำงานนี้แหละ
เพียงแค่เรากลับความคิดจากฝ่ามือเป็นหลังมือ หงายฝ่ามือขึ้นมา หลังมือก็อยู่ข้างล่าง วิมุตติผุดขึ้นมาสมมติก็อยู่ข้างล่าง ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้ ถ้าเราละกิเลสได้
แต่เวลานี้กำลังสติที่จะเข้าไปอบรมใจมีบ้างนิดหน่อยหรือบางทีไม่มี ปล่อยเลยตามเลยทั้งที่ใจก็เป็นบุญ อยากได้บุญ เราก็ต้องพยายามกัน ไม่จำเป็นต้องไปพูดมากมายกอะไร
เพียงแค่รู้จักวิธีการแนวทาง การเจริญสติเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้เรามีสติต่อเนื่องรู้เท่าทันหรือไม่ เรามีการเร่งทำความเพียรหรือเปล่า เราเร่งด้วยความอยากความหวัง หรือเราสร้างสติขึ้นมา ให้รู้เท่า รู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักแก้เล็กๆ น้อยๆ ความอยากเล็กๆ น้อย เราก็พยามดับ
กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร หมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา คลายออกจากใจ อย่าไปเก็บ ไปกัก ไปกด ไปข่ม ให้คลายออกให้มันหมด คลายออกๆ จนใจไม่มีอะไรอยู่ สำรอกออกให้หมด จนเหลืออยู่ตั้งแต่ความว่าง ในความว่างนั้น มีใจอยู่ มีวิญญาณอยู่
ถ้าใจของเราละกิเลสได้หมด เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์ เราก็ได้ ใจของเราไม่เกิด ใจของเราก็นิ่ง สติปัญญาของเราก็หัดวิเคราะห์เอาไปใช้จนเต็มรอบ จนไม่มีอะไรเหลือที่จะให้เราค้นคว้า จนเอาสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ก็ต้องพยายามกัน
ทุกสิ่งทุกอย่าง หลวงพ่อก็พยายามทำให้ทุกคน เอื้ออำนวยให้อยู่ดีมีความสุขไม่ได้ลำบาก เราก็มาช่วยกันส่งเสริมให้มี
ความสุข ให้เจริญรุ่งเรื่องขึ้นไปเรื่อยๆ พวกพระเราก็ช่วยกัน ชีเราก็ช่วยกัน อีกไม่นานทางด้านหลังเราก็จะได้น้อมนำอัญเชิญพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์มาประดิษฐานเอาไว้ ซึ่งก็ทำสถานที่อยู่สูงประมาณสัก 20 เมตร ก็คงภายในเร็ววัน ก็คงจะได้เห็นแม่กวนอิมใหญ่เกิดขึ้น ก็จะได้ทำลานใหญ่ให้ญาติโยม ให้พระ ให้แม่ชี ได้มีสถานที่ ยืน เดิน นั่ง นอน ยืนเดินฝึกสติ เจริญปัญญากัน
ส่วนปลูกต้นไม้เราก็ค่อยปลูกไปเรื่อยๆ วันนี้ก็จะปลูกหลังจากเที่ยง ก็จะปลูกให้ได้มากที่สุดเพราะว่าฝนฟ้าก็จะเริ่มตก เหลืออีกประมาณร้อยกว่าต้น จะปลูกให้เสร็จก่อนที่ฝนจะตก ก็จะได้ไม่ได้ลำบาก เดี๋ยวก็มาใหม่
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ