หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 117

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 117
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 117
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ นั่งตามสบายวางกายให้สบายวางใจให้สบายไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก วิเคราะห์สร้างความรู้ตัว

เป็นเรื่องของเราทุกคน ที่จะต้องศึกษาเรื่องกายเรื่องใจของเราว่าทำไมใจของเราถึงเกิดทำไมใจของเราถึงหลง ทำไมใจของเราถึงเป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลส การสร้างความรู้ตัว ลักษณะของการสร้างความรู้ตัวซึ่งเรียกว่า ‘สติ’ รู้ตัวอยู่ปัจจุบันแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง พวกท่านพากันสร้างขึ้นมาแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ พยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ การควบคุมใจเป็นลักษณะอย่างนี้

การเกิดของใจนั่นแหละคือความหลง ถ้าเขาไม่หลงเขาก็คงจะไม่เกิด เขาได้มาเกิด มาสร้างภพของมนุษย์มีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มซึ่งเรียกว่า ‘ขันธ์ห้า’​ มาห่อหุ้มมาปกปิดดวงวิญญาณเอาไว้อีกทีหนึ่ง เราต้องมาเจริญสติเข้าไปคลายวิญญาณออกจากขันธ์ห้าของเราซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ในภาษาธรรมท่านเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ ความรู้แจ้งเห็นจริง

‘สัมมาทิฏฐิ’ ความเห็นถูก เห็นวิญญาณคลายออกจากอาการของขันธ์ห้า ใจของเราวิญญาณของเราก็จะพลิกเขาเรียกว่าหงายหงายของที่คว่ำ ตั้งแต่ก่อนคว่ำเหมือนกับขันที่ยังคว่ำอยู่ เหมือนกับสมมติกับวิมุตติ สมมตินี่ครอบงำ​วิมุตติ สมมติครอบงำตัววิญญาณ กายเนื้อครอบงำตัววิญญาณเขาหลงมาเขาหลงมาถึงเกิด ถึงได้มาเกิดมาก่อร่างสร้างภพของมนุษย์ซึ่งอยู่ในภพของมนุษย์ เราต้องมาเจริญสติเน้นลงอยู่ที่กายของเรา อย่างสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’

เราก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเราก็จะเห็นลักษณะของวิญญาณ รู้ความปกติของวิญญาณ รู้การเกิดของวิญญาณ รู้การเกิดอาการของขันธ์ห้าซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ส่วนรูปของเรานั่นก็เป็นส่วนนามธรรม รู้เวลาวิญญาณจะก่อตัวส่งออกไปภายนอก รู้การละกิเลส รู้ละกิเลส วิญญาณเกิดกิเลสเมื่อไร เกิดความโลภความโกรธหรือว่าเกิดการปรุงแต่งเมื่อไร เราก็พยายามหยุดพยายามละพยายามขัดเกลา ในสิ่งตรงกันข้าม เขาหลงเขาถึงได้เกิดมา เขาถึงเกิดๆ มาสร้างภพสร้างชาติ

ถ้าส่วนรูปธรรมแตกดับเขาก็จะไปสร้างต่อถ้าตราบใดที่เขายังเกิดอยู่ ถึงเราดับความเกิดไม่หมดจด มันก็จะไปตามแรงเหวี่ยงของอานิสงส์ผลบุญผลทานที่เราได้สร้างมาไว้ อย่าพากันมองข้ามพยายามทำเถอะ ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่จะนำความสงบความสุขมาให้ พยายามช่วยเหลือตัวเราให้ได้เสียก่อน ช่วยตัวเองให้ได้บอกตัวเองให้ได้เสียก่อน เราช่วยตัวเราได้อยู่ในระดับไหน ในระดับของสมมติอะไรเราขาดตกบกพร่อง เราก็พยายามแก้ไขช่วยเหลือตัวเรา

ในระดับของวิมุตติทางด้านจิตทางด้านวิญญาณ เราความรู้ไม่ถึงตรงนั้นเราก็อาศัยปัญญาของผู้รู้ คืออาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ซึ่งท่านได้ค้นพบหลักของอริยสัจ ค้นพบเรื่องหลักของความจริงอันประเสริฐ อนิจจังทุกขังอนัตตา ท่านสอนเรื่องอัตตาสอนเรื่องอนัตตา อะไรคืออัตตาอะไรคืออนัตตา คำว่าอริยสัจสี่ ใจส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างไร การดับการละ เราต้องทำความเข้าใจให้เข้าถึงความหมายนั้นๆ แล้วก็รู้เห็นความหมายนั้นๆ ตามทำความเข้าใจให้รู้ให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง

ส่วนมากคนทั่วไปใจจะเกิดใจแสวงหาใจดิ้นรน ความเกิดนั่นแหละปิดบังอำพรางตัวของใจเอาไว้ เขาก่อตัวตรงไหนเราดับตรงนั้น​ ความคิดเขาก่อตัวอย่างไร ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร จนเป็นสิ่งเดียวจนเป็นตัวเดียวกันได้อย่างไร ตรงนี้แหละความหลงอย่างลุ่มลึก เราต้องมาสังเกตมาวิเคราะห์มาหยุดมาระงับยับยั้งเอาไว้ เพื่อที่จะให้ใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้าของเราให้ได้เสียก่อน เพียงแค่คลายเพียงแค่เริ่มต้น เราจะตามทำความเข้าใจ เห็นการเกิดการดับ ทำความเข้าใจอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้าของเราซึ่งเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขาร​ ให้ได้ทุกเรื่อง​ไม่ใช่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

เพียงแค่แยกได้ทำความเข้าใจได้แยกได้อันนี้เพียงแค่เริ่มต้น เหมือนกับเราขึ้นถึงตัวเรือนเราต้องปัดกวาดความสะอาดบนตัวเรือนของเราให้ได้เสียก่อน​ ก่อนที่จะถึงตัวเรือนได้เนี่ยก็ต้องอาศัยบันได ขึ้นไปตั้ง​ 7-8 ขั้น 8-9 ขั้น การประพฤติปฏิบัติใจก็เหมือนกัน เรามีใจน้อมศรัทธาน้อมเข้ามา มีความเสียสละมีการให้ทาน มีการขัดเกลากิเลส มีความอ่อนโยนมีความอ่อนน้อม มีความจริงใจต่อตัวเราเอง ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน มีความขยันหมั่นเพียรฝักใฝ่สนใจกระตือรือร้น

ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ทำความเข้าใจกับสมมติ สมมติก็กายของเรานี่แหละก้อนสมมติ สมมติโลกธรรมแปด ลาภยศสรรเสริญ สุขทุกข์นินทาที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว กายทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร เราต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกต หมั่นสำรวจหมั่นตรวจตราอยู่ตลอดเวลา นอกจากเราจะนอนหลับ ทุกเรื่องไม่ให้คลาดสายตาของสติปัญญาของเราได้เลย ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ

การได้ยินได้ฟังได้อ่าน การศึกษาการค้นคว้าการทำความเข้าใจของโลกของโลกิยะ ทุกคนมีกันมาเต็มเปี่ยมแต่ก็ยังหลงๆ อยู่ อาจจะหลงอยู่ในระดับการสร้างบุญสร้างอานิสงส์ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่ว่าไม่ดี ถึงเรารู้ความเป็นจริงแล้วเราก็ยังสร้างประโยชน์สร้างอานิสงส์ให้มากมายขึ้นไปอีกเรื่อยๆ พยายามบอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นแล้วก็ยังประโยชน์ให้มันเต็มเปี่ยม ประโยชน์ภายในของเราต้องให้หมดจดจนล้นออกไปสู่ภายนอกสู่หมู่สู่คณะสู่เพื่อนสู่ฝูง

ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นตกอยู่ภายใต้ของกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องได้พลัดพรากจากกันหมด ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตายเพราะเป็นกฎของธรรมชาติ เราต้องพยายามเข้าถึงธรรมชาติตรงนั้นให้ได้เสียก่อน คือธรรมชาติของใจที่ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ที่คลาย เขาเกิดนะเขาถึงหลง ถ้าเขาไม่เกิดถ้าเขาไม่หลง เขาไม่เกิดๆ มาอยู่ในภพของมนุษย์นี่แหละ มาสร้างร่างกายอัตภาพมนุษย์นี่แหละ มาปิดบังอำพรางตัวของวิญญาณเอาไว้

เราต้องเจริญสติให้แหลมคมเข้าไปแยกเข้าไปคลายจนเขารู้เห็นตามความเป็นจริง เขาถึงจะยอมปล่อยยอมวางได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะวางได้ง่ายๆ เหมือนกัน ก็ต้องพยายามกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็พยายามขยันหมั่นเพียรอย่าเห็นแก่เกียจคร้าน พยายามขยันหมั่นเพียรฝักใฝ่สนใจ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน

เอาล่ะวันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ​ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง