หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 070

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 070
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 070
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
อยู่ใกล้อยู่ไกลได้ยินข่าวได้ทราบข่าวก็พากันมามาสร้างอานิสงส์กัน มาสร้างอานิสงส์ระดับของสมมติของโลกียะเป็นพื้นฐาน ในการเดินปัญญาขั้นสูงก็ยังไม่ถึงเวลาก็เดินปัญญาไม่ได้ ก็ต้องศึกษาค้นคว้า สร้างบารมีกันไปไม่ต้องไปรีบเร่ง เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลวันเดียวก็ไม่ได้ คอยหมั่นดูแลถ้าถึงเวลาเขาเติบโตขึ้นมา เราไม่อยากจะได้ดอกไม้เราก็ได้ เราไม่อยากจะได้ผลเราก็ได้เพราะว่าการกระทำของเรามี

เรื่องการปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน เขาพัฒนามาตั้งนานแล้วแหละหลายภพหลายชาติแล้วแหละกว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในเมื่อเขาได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็มีการพัฒนาตั้งแต่เด็กขึ้นมาได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน บางคนบางท่านก็มีโอกาสได้เรียนจนสูงสุดทั้งทางโลกแล้วก็มาศึกษาทางธรรม ในการพัฒนามาเรื่อยๆ แล้วก็ทำความเข้าใจให้ถูกทาง ถูกที่ถูกทางเราก็จะเดินถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็เกื้อหนุนกัน สมมติวิมุตติเกื้อหนุนกันหมด ธรรมกับโลกก็อาศัยกันอยู่ เราจะไปทำด้วยทิฐิทำด้วยมานะไม่ได้เด็ดขาดเลยในหลักธรรม ถ้าความคิดเก่าปัญญเก่านั้นมีมาแต่เดิม

แต่การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็มาสร้างสะสมบุญสร้างสะสมบารมี แล้วก็รู้จักการเจริญสติ รู้ลักษณะของสติ สติรู้ตัวรู้กายรู้ใจอยู่ปัจจุบัน มีภพมนุษย์นี้เท่านั้นแหละที่มีปัญญาพอที่จะเข้าถึงธรรมได้ พระพุทธองค์ถึงได้เกิดมาในภพของมนุษย์ แล้วก็มาตรัสรู้แล้วก็มาจําแนกแจกแจงเอามาสอนสัตว์โลกคือพวกเรานี่แหละให้เดินตาม ก็คอยสร้างสะสมบุญบารมีไปเรื่อยๆ ถึงเวลาเราก็จะเข้าใจๆ แล้วเราก็จะมองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน โอกาสได้เปิดให้กับทุกคน สถานที่ก็เปิดให้กับทุกคน สนามรบก็เปิดให้กับทุกคน สนามรบก็กายของเรานี่แหละเป็นสนามรบ เราจะเจริญสติเข้าไปทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรที่ถูกที่ถูกทาง ขึ้นอยู่กับกําลังบุญกําลังบารมีของแต่ละบุคคล

ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาใจของเราไปอย่างไร เรามีสติเข้าไปสังเกตเข้าไปสอดส่อง เข้าไปหมั่นอบรมเขาแล้วหรือยัง หรือตั้งแต่เอาปัญญาของโลกียะเข้าไปค้นหาก็ค้นยังไงก็ไม่เจอหรอก ถ้าปัญญาโลกๆ ยิ่งค้นหาเท่าไหร่ยิ่งห่างไกลดวงใจ ปัญญาโลกนั้นปัญญาที่เกิดจากตัววิญญาณของเขาเอง ตัวใจเองกับอาการของเขาเอง เราต้องมาสร้างสติ สร้างความรู้ตัวใหม่เข้าไปสังเกต รู้ไม่ทันก็รู้จักดับรู้จักควบคุมรู้จักละให้ติดเป็นนิสัย

ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ตลอดก็ขอให้หยุด ก็ขอให้หยุดขณะที่เรากําลังนั่งฟังแล้วก็สําเหนียก สําเหนียกวิธีอุบายที่จะไปสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง อย่าไปนึกเอาอย่าไปคิดเอา

ความรู้ตัวของเรามีอยู่อาจจะมีเพียงแค่กระท่อนกระแท่นมีไม่ต่อเนื่อง เพราะว่าปัญญาเก่าความคิดเก่าที่เกิดจากตัววิญญาณหรือว่าตัวใจ เกิดจากอาการของขันธ์ห้านั้นเขาปกปิดเอาไว้หมด เขาก็ไม่ยอมคลายตัวง่ายๆ เหมือนกันเพราะว่าเขาหลงมาตั้งนาน หลงเกิดในภพน้อยหลงเกิดในภพใหญ่ แล้วก็มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ซึ่งมีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มเอาไว้อีกทีหนึ่ง แล้วก็มีความคิดอารมณ์ต่างๆ มีรูปรสกลิ่นเสียง มีโลกธรรม สารพัดอย่างมาปกปิดเอาไว้ปกปิดดวงใจเอาไว้

แม้แต่การเกิดของเขาก็ปกปิดตัวของเขาเอาไว้ ความทะเยอทะยานจากความยินดียินร้าย การปรุงแต่งต่างๆ เขาปิดตัวเขาเอาไว้หมด เราต้องมาเจริญสติให้ต่อเนื่อง หยุดความนึกคิดเก่า หยุดทิฏฐิมานะ ความคิดเห็นเก่าๆ ปัญญาเก่าๆ เอาไว้หมดทั้งสิ้น มาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวของเราพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มขึ้นมาใหม่ ตรงนี้แหละสําคัญ

ช่วงฝึกใหม่ใหม่นี่ก็จะอึดอัดเพราะว่าความไม่เคยชิน เรามาฝึกเพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าหายใจออกพวกเราก็ยังรู้ไม่ชํานาญกัน หายใจยาวเป็นอย่างไร หายใจสั้นเป็นอย่างไร ความรู้เรื่องรับรู้ที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร ถ้าเรามาสร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเราถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนสติตัวนี้เราไม่มีเลย อาจจะมีได้เป็นบางครั้งบางคราว ควบคุมใจของเราได้เป็นบางครั้งบางคราว รู้ ใจเกิดก็รู้

ใจนั้นเป็นธาตุรู้ เขาเกิดเขาก็รู้แต่เขาหลงอยู่ในความเกิดอยู่ เราต้องมาเจริญสติเข้าไปควบคุมเข้าไปดูแลเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจจนกว่าความรู้ตัวของเราจะรู้เท่าทันเวลาเขาเกิด อาการที่เขาเกิด อาการของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจเขาก่อตัวเขาเกิดอย่างไร ตัวใจจะเคลื่อนเข้าไปรวมเองโดยปริยายโดยธรรมชาติของเขา เขาจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรารู้เห็นตรงนั้น ถ้าสติของเรารู้อยู่ปัจจุบัน ถ้ารู้เท่าทันตรงนั้น ใจจะคลายออกโดยปริยายซึ่งหลักธรรมท่านเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ นี่แหละเขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริงในข้อแรกในอริยมรรคในหนทางเดิน

ในอริยมรรคในองค์แปดรู้แจ้งเห็นจริงยังไม่พอ ความรู้ตัวของเราต้องตามดูรู้เห็นการเกิดการดับของอาการนั้นๆ อีก เขาเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขารรอบรู้ในขันธ์ห้าซึ่งท่านเรียกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เป็นเรื่องอะไรที่เขาเกิด ทำไมใจของเราถึงไปหลงไปหลงไปรวมไปยินดีไปยินร้าย ตามดูตามรู้ตามเห็นเราก็จะเข้าใจในเรื่อง ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในขันธ์ห้าของตัวของเรา ตามทำความเข้าใจทุกเรื่อง

ถ้าใจของเราจะเข้าไปร่วมเราก็รู้จักดับเรารู้จักระงับ ถ้าไม่รอบรู้ในกองสังขารตรงนี้ก็จะยากที่จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ ก็ยากที่จะเข้าใจในคําว่า ‘อัตตาอนัตตา’ ยากที่จะเข้าใจในคําว่า ‘สมมติวิมุตติ’ ถ้าเรารู้เห็นตรงนี้ ตามทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง ใจของเราเกิดปรุงแต่งเราก็รู้จักดับรู้จักระงับ ทำในสิ่งตรงกันข้าม ใจของเรามีความโลภเราก็พยายามละความโลภ ใจของเรามีความโกรธก็พยายามดับความโกรธให้อภัยทานอโหสิกรรม หมั่นขัดเกลากิเลสหยาบกิเลสละเอียดของเราออกให้มันหมด แม้แต่การเกิดของตัวใจเราก็ต้องดับ ช่วงใหม่ๆ เขาอาจจะฝืนเขาถึงเรียกว่าทวนกระแสสมมติ

ถ้าเราเข้าใจแล้วใจของเราตกกระแสธรรม เราจะละกิเลสได้หมดจดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา ขึ้นอยู่กับความทำความเข้าใจของเราที่ถูกต้อง ความเพียร รู้จักการเจริญสติ รู้จักการ เราดับได้เราละได้ ใจของเราไม่เกิดใจของเราก็สงบ ความสงบนั่นแหละคือสมาธิ ความสงบนั่นแหละคือศีล การแยกแยะตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง ละกิเลสได้มากได้น้อยเท่าไหร่นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘ตัววิปัสสนา’

เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจให้รู้ด้วยเห็นด้วยตามทำความเข้าใจได้ด้วย ไม่ใช่ว่าไปคิดเอาไปเออเองเอาอย่างงั้นอย่างนี้ บางทีบางครั้งใจของเราก็สงบเกิดปิติเกิดสุข แต่เขาก็ยังคว่ำอยู่เขายังไม่ได้แยกยังไม่ได้คลายยังไม่ได้หงายเลย อย่านึกว่าเราเข้าถึงแล้วยังไม่ใช่ กิเลสมีมากมายจริงๆ ที่ปิดกั้นตัวตัวใจเอาไว้ แม้แต่ตัวใจก็เพียงแค่การเกิดเขาก็ปิดบังอำพรางตัวของเขาเอาไว้ ฉลาดในทางโลกียะฉลาดในทางโลกนั้นก็ปกปิดดวงใจของเราเอาไว้

แต่เราไม่ได้ทิ้งความรู้เก่าปัญญาเก่า เพียงแค่เราเจริญสติเข้าไปคลายให้คลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์เสียก่อน แล้วก็ตามดูตามรู้ตามเห็นหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา หนุนกําลังสติปัญญาของเราไปใช้จากน้อย ๆ ไปหามาก ๆ จนเต็มร่อง ในเมื่อใจของเราคลายแล้ว จะคิดพิจารณาอะไรก็เป็นปัญญาธรรมหมดเพราะว่าใจของเราเป็นธรรม ใจของเราเกิดกิเลสเราก็ละกิเลส ละที่นั้นละที่นี่กิเลสต่างๆ ก็เหือดแห้งไป เหือดแห้งไปจนไม่มีกําลังที่จะอยู่ในใจของเรานั่นแหละ

เพราะว่าใจเดิมแท้ของทุกคนนั้นสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีกิเลส เพราะความไม่เข้าใจความหลงเขาถึงหลงเกิด หลงยินดียินร้าย หลงเป็นทาสของอารมณ์หลงเป็นทาสของกิเลส กําลังสติปัญญาของเราต้องแหลมคม เข้าหาเหตุหาผลหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลาจนเอาไปใช้ได้ พูดง่ายทำยากแต่ก็ไม่เหลือวิสัย ต้องพยายามต้องพยายามกันทุกคน

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าขึ้นมาภายใน 5 นาที 10 นาที ใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง เหตุการณ์จากข้างนอกมาทำมาปรุงแต่งใจของเราสักกี่ครั้ง เราต้องดูเราก็รู้จักละ เราหนุนกําลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้หรือไม่ กับบุคคลที่มาฝึกมาศึกษามาเข้าใจก็จะเริ่มจะง่าย ถ้าไม่รู้ไม่เห็นก็จะยาก ก็ต้องพยายามนะไม่ว่าไป ไปฝึกไปศึกษาอยู่ที่ไหนถ้าไม่ทำความเข้าใจดังที่หลวงพ่อพูดก็จะไม่เข้าใจ ก็อาจจะเข้าใจอยู่ในระดับของสมมติของโลกียะมีศรัทธาอยู่เพียงแค่นั้น แต่การเข้าไปดับทุกข์ละทุกข์ เข้าไปถึงตัวใจดับความเกิดยังไม่ได้เด็ดขาด

เรารู้ทรง รู้ลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่อง รู้จักเอาไปใช้ รู้จักลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การตามดูตามรู้ตามเห็นที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์เป็นอย่างไร หลักของอริยสัจใจส่งออกไปข้างนอกเป็นยังอย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียดทุกเรื่อง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปทิ้งแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ การไปการมา การไม่อยากไปไม่อยากมา สารพัดเรื่อง เราต้องดูให้รู้เรื่อง ที่เขาขึ้นอยู่ที่ตัวของเราเองไม่ใช่จะไปวิ่งให้ตั้งแต่คนโน้นก็สอนคนนี้ก็สอน เราเจริญสติเข้าไปมันพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา อะไรผิดอะไรถูก อะไรควรละอะไรควรเจริญ เพียงแค่ระดับของสมมติพวกเราก็ยังทำความเข้าใจไม่เต็มรอบ สมมติก็เลยครอบงํา ครอบงําแล้วก็ยากที่จะเข้าถึงดวงใจเหมือนกับดินพอกหางหมูยากที่จะคลายได้ ในหลักธรรมท่านให้คลายออกให้หมด แม้แต่การเกิดของใจ จะเอาจะมีจะเป็นจะเป็นเรื่องของปัญญาล้วนๆ เข้าไปทำหน้าที่ ก็ต้องพยายาม

ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็พยายามกันสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี ทั้งสมมติเขาพยายามทำให้เต็มรอบทำให้เต็มเปี่ยม ด้านวิมุตติการละกิเลสการขัดเกลาก็ต้องมีพร้อม ถ้าถึงวาระถึงเวลามันก็ตรงกันถึงจุดหมายปลายทางตราบใดที่เรายังเดินอยู่ เราเดินไม่หยุดไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ไม่ถึงจริงๆ ก็จะไปต่อเอาภพหน้า เพราะว่าตราบใดใจที่ยังเกิดอยู่เขาก็ต้องเกิด ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศล ขอให้เกิดอยู่ในคุณดีคุณงาม ขอให้เกิดอยู่ในที่มีความสุข จนกว่าจะละทุกข์ได้หมด อยู่เหนือทุกข์เหนือบุญเหนือบาปเหนือกรรมต่างๆ ได้นั่นแหละ จนกว่าจะดับความเกิดได้นั่นแหละถึงจะมองเห็นหนทางว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง