หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 018

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 018
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 018
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ทำความสงบให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจซึ่งเรียกว่าอานาปานสติ หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ หยุดภาระหน้าที่การงานพวกเราก็หยุดมาแล้ว ทีนี้เรามาสร้างความรู้ตัว ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัว เราสร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง สร้างให้เกิดความเคยชินให้เกิดความชำนาญแล้วหรือยัง ทั้งที่ใจก็เป็นบุญอยู่นั่นแหละ ใจก็ฝักใฝ่ในธรรม ใจก็แสวงหาทางหลุดพ้นทางดับทุกข์

อันนี้ก็ยังทุกข์อยู่นะถ้าเกิดจากตัวใจแสวงหา ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติ มีศรัทธาน้อมกายเข้ามา วิธีการเจริญสติก็เน้นลงอยู่ที่กายของเรา อยู่ที่การหายใจเข้าออกบ้าง อยู่ที่การเคลื่อนไหวบ้าง ขอให้มีสติรู้ตัวให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่ารู้ตัวอยู่ปัจจุบัน รู้เท่าทันการเคลื่อนไหวของกาย ลึกลงไปก็รู้เท่าทันการเคลื่อนไหวของใจ เรารู้จักควบคุมใจของเราตั้งแต่ก่อตัวตั้งแต่เกิด ก็มีตัวรู้ 2 ตัว ตัวรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ความรู้สึกตัวเขาเรียกว่า ‘สติ’ สติปัญญาในทางธรรม

เพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องพวกเราก็ยังประคับประคองตรงนี้ได้ลำบากอยู่ เพราะว่าความเคยชินเก่าๆ ความคิดที่เกิดจากใจปรุงแต่งไปก่อน ความคิดที่เกิดจากขันธ์ห้าปรุงแต่งไปก่อน ซึ่งเป็นความคิดที่เขาเรียกว่าโลกียะ ความคิดของโลกๆ บางทีก็อาจจะถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติอยู่ในระดับของบุญ แต่หลักธรรมแล้วเราต้องสร้างความรู้ตัวเขาไปสังเกตให้ทัน สังเกตไม่ทันเราก็รู้จักควบคุม เขาเรียกว่า ‘สมถะ’ ดับขณะที่ใจมันเกิดนั่นแหละ

ใจก่อตัวอย่างไร ขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่ไม่ตั้งใจคิดให้ผุดขึ้นมาได้อย่างไร ใจกับความคิดเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร มีกันหมดทุกคน จะมีมากมีน้อยมีกันหมดทุกคน แต่เราจะสังเกตทันหรือไม่ สังเกตไม่ทันเราก็เริ่มสร้างความรุ้ตัวใหม่ ช่วงใหม่ๆ นี่แต่ละครั้งอึดอัดทั้งสารพัดอย่าง เพราะว่าความเคยชินเก่าๆ เขาปิดกั้นเอาไว้หมด

เพราะว่าตัวใจด้วยตัววิญญาณเขาก็ไม่ เขาก็ไม่ยอมเผยตัวได้ง่ายๆ เหมือนกัน เขาก็หาวิธีปกปิดตัวเองเหมือนกันเพราะว่าเขาหลงเกิดมานานเขาหลงเที่ยวมานาน จนได้มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์มาสร้างกายเนื้อมาปกปิดตัววิญญาณตัวของมันเองเอาไว้คือตัววิญญาณ หนึ่งในขันธ์ห้านั่นแหละเอามาปิดเอาไว้ทางด้านรูปธรรม ทางด้านนามธรรมอีก ความคิดอารมณ์ต่างๆ ก็มาปกปิดเอาไว้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความโลภความโกรธก็มาปกปิดเอาไว้ นิวรณธรรมก็มาปกปิดเอาไว้

ใจเกิดความกำหนัดยินดีในรูปรสกลิ่นเสียง ใจเกิดความกำหนัดในเรื่องของราคะ ใจเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน เกิดความลังเล เขาก็ปิดตัวของเขาเอาไว้เพียงแค่การเกิดนะ การคิดนั้นเขาก็เริ่มปิดตัวเขาเอาไว้ในตัววิญญาณ ถ้าเขายังไม่ได้คลายก็เปรียบเสมือนของที่คว่ำอยู่ ถ้าเขาคลายซึ่งเรียกว่าใจมันแยกออกจากความคิด เรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง บุคคลที่มีความเพียร สังเกตจริงๆ ถึงจะเข้าใจในเรื่องนี้
แต่ก็อย่าไปน้อยใจ พยายามสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละที่เต็มเปี่ยมหรือไม่ มีสัจจะมีความจริงใจต่อตัวเราเอง เป็นคนช่างสังเกต ช่างสังเกตอยู่ตลอดเวลา สังเกตภายนอกสังเกตภายใน เวลาตากระทบรูปใจของเรายังเป็นนิ่งอยู่หรือไม่ หูกระทบเสียง ลิ้นกระทบรส กายสัมผัส

ลักษณะของสติรู้ตัว ลักษณะของใจ ก็จะเห็นเป็น 2 ส่วนแล้ว ส่วนใจในส่วนหนึ่ง ส่วนสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาโดยสังเกตในส่วนหนึ่ง แต่เรารู้เมื่อเขาคิดแล้ว คิดไปแล้วเขารวมกันไปแล้ว รู้ว่าเราคิดรู้ว่าเราทำ ก็วิ่งตามความคิดวิ่งตามอารมณ์แถมไปส่งเสริมเสียอีก ในหลักธรรมท่านให้ละทั้งความอยากละทั้งความหวัง แต่การบริหารด้วยสติด้วยปัญญา รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญาต้องเต็มเปี่ยม ต้องรู้จักเอาสติปัญญาไปใช้การใช้งาน ฝึกเจริญสติแล้วรู้จักจะเอาสติไปใช้ไปอบรมจิตมันพร่ำสอนจิต ถ้าเราไม่รู้จักจิตไม่รู้จักใจของเรา ไม่รู้จะสอนอะไร

เรารู้อยู่แต่เราไม่เห็น ฐานของใจที่แท้จริงคือความว่าง เพียงแค่การเกิดนั้นเขาก็ปิด เกิดนิดเกิดหน่อยเขาก็ปิดตัวของเขา เราแยกเราคลาย เราตามดูขันธ์ห้าละขันธ์ห้าออกจากใจของเรา เราก็มาดับความเกิดของตัวใจของเราอีก ดับไปๆ จนเหลือที่ ขณะเขาก่อตัวก็ขณะที่ก่อตัวไปถึงปลวกมันจริงๆ ตัวใจเคยว่าง ในความว่างนั้นเขามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หลายสิ่งหลายอย่าง พูดง่ายแต่ทำยาก

แต่เราก็ต้องพยายามขยันหมั่นเพียรสร้างตบะสร้างบารมี แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราก็จะได้ทำบุญตลอดเวลา ทำกายให้เป็นบุญทำใจให้เป็นบุญ เรามีความรับผิดชอบ มีความขยันหมั่นเพียร เราเป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกเรื่องในชีวิต เราต้องดูตัวเราแก้ไขตัวเรา อย่าให้คนอื่นแก้ไขให้ไม่ได้เลย

การได้ยิน การได้อ่าน การได้ฟังทุกคนมีการเต็มเปี่ยม ความรับผิดชอบทุกคนจะมีอยู่ในระดับไหน ยังสมมติของเราให้เกิดประโยชน์ สมมติที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวนี่แหล่ะ โลกธรรมแปดนี้แหล่ะ ถ้าสมมติไม่บริบูรณ์ อันนั้นก็ยังลำบากอยู่อันนี้ก็ยังลำบากอยู่ ใจก็ต้องดิ้นรนสารพัดอย่าง ถ้าสมมติบริบูรณ์ใจก็ผ่อนคลาย กำลังสติก็จะหมั่นพร่ำสอนใจได้เร็วได้ไว ให้ทำในสิ่งตรงกันข้ามกับตัวใจเลยทีเดียว ใจเราเกิดความโลภเราก็ละความโลภ ใจเกิดความโกรธเราก็พยายามดับความโกรธให้อภัยจะทาน

จุดมุ่งหมายของการฝึกที่แท้จริงก็เพื่อที่จะคลายความหลงแล้วก็ละกิเลส แต่ความหลงนี้เป็นสิ่งที่ลุ่มลึก ถ้าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่องจริงๆ ไม่แหลมคมจริงๆ หาเหตุหาผลไม่รู้ต้นเหตุจริงๆ ก็ยากที่เขาจะคลายตรงนี้ได้ แม้แต่คุณงามความดีก็ยังปิดกั้นเอาไว้ ซึ่งเป็นความหลงหลงในสิ่งที่ดี เราก็ต้องพยายามในหลักธรรมท่านให้สร้างคุณงามความดีนั่นแหละ แต่ไม่ให้หลงไม่ให้ยึด ละอกุศลเจริญกุศล ยังประโยชน์ให้เกิดประโยชน์แต่ไม่ยึดไม่หลงไม่ติด

ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก วันละเล็กวันละน้อยก็เอา เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ชำนาญ ทั้งที่ใจก็ดิ้นรนอยากจะได้บุญ การดับการละ การวิเคราะห์มี เราไม่อยากให้ใจของเราได้รับความสงบก็ต้องสงบ การตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงทุกเรื่อง จนใจของเรานี่ยอมรับความเป็นจริง เขาถึงจะปล่อยจะวางได้

ถ้าเขาไม่รู้จักจุดปล่อยจุดวาง เขาก็วางไม่ได้ทั้งที่ใจก็อยากจะวางปรารถนาที่อยากจะวาง ถ้ากำลังสติของเรารู้เห็น ใจของเราคลายออกจากอาการของขันธ์ห้า เห็นการเกิดการดับ ภาษาธรรมเรียกว่า ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ รู้ด้วยเห็นด้วยตามดูได้ด้วย ทุกเรื่องจะลงไตรลักษณ์หมด ใจก็จะเห็นตรงนี้ รู้ความจริงตรงนี้ แล้วก็มาละกิเลสที่ใจอีก ดับความเกิดที่ใจ มีไม่มากหรอกอยู่ในกายของเรานี้ ค้นดูเถอะค้นให้มันเห็น เอาเสียสละคลายออกให้หมดทุกอย่างคลายจนไม่เหลือ จนมันจะมีอยู่ในความที่ไม่เหลือคือของว่าง ในความว่างมีตัววิญญาณอยู่ ก็ต้องพยายามกันสร้างอานิสงส์กันนะ โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้กาลเวลาเปิดให้

ถ้าไม่มีความพร้อมก็ยากที่จะได้ทำ ไม่มีทุนทรัพย์ก็ยากที่จะได้ทำ ไม่มีศรัทธา ไม่มีคนพาทำก็อยากที่จะได้ทำ โอกาสได้เปิดให้ อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสได้ร่วมกัน จะได้เป็นเข้าพกเข้าห่อ ติดตามตัวเราไป ตราบใดที่ใจของเรายังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง อานิสงส์ส่วนที่พวกเราทำนี่แหละ จะเป็นเครื่องเป็นเสบียงในการเดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทางจนกว่าใจของเราจะบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิดกัน หลวงพ่อก็ขอขอบใจมากๆ ทุกคน

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมไปเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง