หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 058
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 058
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวหรือว่าได้เจริญสติแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ อย่าปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บเราก็สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้า หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่อง สติของเราก็ตั้งมั่นขึ้น
จะทำอะไร จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมเข้าห้องน้ำ รู้ว่าใจปกติ สติปัญญาพากายไปพากายทำ ตั้งแต่เช้าขึ้นมาจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ ใจของเราสงบปกติ หรือว่าใจของเราเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่าน เราก็พยายามวิเคราะห์พิจารณาหาเหตุหาผล แต่ส่วนมากจะไปวิเคราะห์พิจารณาด้วยปัญญาของโลกิยะ ซึ่งเขาก็ปิดกั้นตัวเขาเองเอาไว้เลยทีเดียว
เพียงแค่การเกิดของวิญญาณ เขาก็หลงเกิด หลงเกิดยังไม่พอกิเลสหยาบกิเลสละเอียดก็มาปกปิดเอาไว้หลายส่วน ความโลกธรรมแปดก็มาปกปิดเอาไว้ ถ้าเราไม่ได้มาเจริญสติมีศรัทธาน้อมกายเข้ามาเจริญสติลงเข้าไปอยู่เน้นเข้าไปรู้ที่กายของเรา ลึกลงไปรู้ที่ใจของเรา ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่คลายความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างไร เราก็จะมองเห็นชัดเจน แต่เวลานี้สติความรู้ตัวของเรามีน้อย แล้วไม่ค่อยจะสนใจกันไม่ค่อยจะสร้างขึ้นมา อาจจะสร้างขึ้นมาก็สร้างขึ้นมาได้นิดๆ หน่อยๆ ไม่ค่อยสร้างให้ต่อเนื่อง นี่ก็เลยไปไม่เข้าใจในชีวิตของเรา ไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์
คำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านสอนเรื่องอัตตาเรื่องอนัตตา คำว่า ‘อัตตา’ เป็นอย่างไร คำว่า ‘อนัตตา’ เป็นอย่างไร อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ใจที่ส่งไปภายนอกหมายความว่าอย่างไร ถ้าเราเจริญสติเข้าไปคอยสังเกตคอยวิเคราะห์ รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ สักวันหนึ่งเราก็จะเห็นถ้ากำลังสติของเรามีกำลังที่เพียงพอ กำลังอานิสงส์บุญบารมีของเรามีเพียงพอ
แต่ละวัน ตื่นขึ้นมา ใจของเราน้อมไปอยู่ในกองบุญกองกุศล ใจของเรามันคลายกิเลสออกจากใจของเรา คลายความโลภคลายความโกรธ ไม่เห็นแก่ตัวมีแต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีสติปัญญา รู้จักรับผิดชอบตัวสมมติต่างๆ อะไรคือสมมติอะไรคือวิมุตติ ใจอยากจะปล่อยใจอยากจะวาง แต่ถ้ายังแยกรูปแยกนามหรือว่าใจยังไม่คลายออกจากอารมณ์ ออกจากความคิดต่างๆ เขาก็ปล่อยวางไม่ได้ ก็ปล่อยวางได้อยู่ระดับของสมมติ แต่ในส่วนลึกๆ นั้นก็ต้องกำลังสติปัญญาของเราต้องแหลมคมจริงๆ แหลมคมแล้วก็ต่อเนื่อง
แล้วเขาเกิดอย่างไร ไปอย่างไรมาอย่างไร ทำไมใจของเราถึงเป็นทาสของความทะเยอทะยานอยาก ทำไมใจของเราถึงเกิดกิเลส กำลังสติต้องหมั่นสังเกตต้องหมั่นวิเคราะห์ ความรู้ตัวหรือว่าสติของเราพลั้งเผลอไม่ได้เด็ดขาดเลย นอกจากเราจะนอนหลับจนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ ในการคลายในการเอาออก แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ยิ่งฝึกเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจแล้วคลายออกให้มันหมด
จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญาล้วนๆ เพราะว่าจิตของทุกดวงนั้นสะอาดบริสุทธิ์มาแต่เดิม ความไม่เข้าใจเขาถึงเกิด เพราะว่าเขาเกิดมานาน แต่ได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มแล้วก็มีส่วนรูปแล้วก็มีสวนนาม เราต้องเดินตามแนวทางของพระพุทธองค์ เข้าไปวิเคราะห์เข้าไปศึกษาจริงๆ ถึงจะเห็น น้อยคนถ้าไม่มีความเพียรที่ต่อเนื่องยากที่จะคลายตรงนี้ได้
แต่การทำบุญการให้ทานสร้างบารมีทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง หมั่นสร้างบุญสร้างอานิสงส์สร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น อะไรก็สู้แรงบุญไม่ได้อะไรก็สู้แรงกุศลไม่ได้ ทำได้น้อยจนกว่าจะเต็มเปี่ยม ทำไปทั้งกำลังกายกำลังใจ กำลังทรัพย์ กำลังสติกำลังปัญญา อยู่ที่บ้านเราก็ได้ทำบุญ อยู่ที่ไร่ที่นาที่ทำการทำงานเราก็ได้ทำบุญ มองโลกในทางที่ดี ถ้าผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขใหม่ ผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขใหม่ แก้ไขทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจของเรา เราก็จะอยู่กับบุญ
บุญอยู่ในระดับของโลกิยะ บุญอยู่ในระดับของโลกุตระ สมมติกับวิมุตติเขาก็อาศัยกันอยู่ ธรรมกับโลกก็อาศัยกันอยู่ กายกับใจก็อาศัยกันอยู่ ถ้าเราไม่ได้สังเกตวิเคราะห์ให้รู้เห็นเหตุเห็นผลจริงๆ เราก็จะไม่เข้าใจในส่วนลึกๆ แต่ใจทุกดวงก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ ปรารถนาหาทางที่จะหลุดพ้น ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าพาปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีโอกาสทุกคนมีเวลาอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
จะถึงช้าหรือถึงเร็วก็ขึ้นอยู่กับอานิสงส์บุญบารมี ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล ที่จะแก้ไขตัวเราเองปรับปรุงตัวเราเอง อย่าไปโทษคนโน้นอย่าไปโทษคนนี้ จงโทษตัวเราเองแก้ไขตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขใหม่ ผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขใหม่ แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราได้สร้างประโยชน์อะไร เราได้สร้างคุณงามความดีอะไร
หลวงพ่อก็พาทำพาสร้างอยู่ตลอดเวลาทั้งสมมติภายนอก ทั้งการเจริญสติการเจริญภาวนา บุคคลที่มีสติมีปัญญารู้จักแนวทางแล้วจะไปทำความเพียร เพียรภายในอยู่ตลอดเวลา ตื่นขึ้นมาก็รู้ใจของเรา รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืนเป็นการทวนกระแส ถ้าใจของเราคลายแล้วใจของเราก็จะตกกระแสธรรม การละกิเลสของเราก็จะหมดจดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา
รู้ด้วยเห็นด้วยเข้าถึงด้วย ประกาศด้วยตนเองด้วยถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ใช่จะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เราเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของตัวเราเองนั่นแหละ เขาเรียกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ช่วงใหม่ๆ ใจของเรายังหลง ถ้าไม่หลงเขาไม่ได้มาเกิดหรอก เขาหลงเขาถึงได้มาเกิด แต่ได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ในร่างกายของมนุษย์เนี่ยมีอะไรอีกเยอะแยะที่เราจะต้องศึกษา
ที่เราพากันสวดพากันท่อง ขันธ์ห้าเป็นของหนัก ขันธ์ห้านี่มีอะไรบ้างนี่แหละ อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ทำไมเขาถึงหลงทำไมเขาถึงยึดแล้วก็ไปยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราคลายได้เราละได้ เราก็จะมองเห็นหนทางเดินขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ จะเดินถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา มีโอกาสก็อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทั้งบุญภายนอกภายในเราก็พยายามพากันทำ คิดดีทำดีการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม
ญาติโยมท่านใดมีโอกาสอยากจะมาร่วมบุญช่วยสร้างองค์พระศรีอริยเมตไตรย มาช่วยกันก็มาช่วยกันสร้างท่านอาจารย์นิยมกำลังจะพาเริ่มทำแล้ว มาถืออิฐถือปูนมาช่วยกันก่อช่วยกันสร้างให้เป็นสิริมงคล ใครมีเวลาก็มานะมาช่วยกัน มาช่วยกันให้เป็นสิริมงคล อยากจะดับทุกข์ได้ละทุกข์ได้ก็ต้องเจริญสติเข้าไปละกิเลสภายในอีก หลวงพ่อก็จะพาทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นบุญเป็นอานิสงส์ตอบแทนแผ่นดิน ตอบแทนคุณของพระพุทธองค์ ตอบแทนคุณของสมมติต่างๆ เราทำความเข้าใจกับสมมติแล้วก็เคารพสมมติไม่ยึดติดสมมติ อยู่กับสมมติใช้สมมติให้เกิดประโยชน์ ถึงวาระเวลาเราก็ต้องได้วางสมมติแม้แต่กายของเราก็เป็นก้อนสมมติ อย่าพยายามปล่อยวันเวลาทิ้ง
เอาล่ะ วันนี้ของหลวงพ่อขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
จะทำอะไร จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมเข้าห้องน้ำ รู้ว่าใจปกติ สติปัญญาพากายไปพากายทำ ตั้งแต่เช้าขึ้นมาจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ ใจของเราสงบปกติ หรือว่าใจของเราเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่าน เราก็พยายามวิเคราะห์พิจารณาหาเหตุหาผล แต่ส่วนมากจะไปวิเคราะห์พิจารณาด้วยปัญญาของโลกิยะ ซึ่งเขาก็ปิดกั้นตัวเขาเองเอาไว้เลยทีเดียว
เพียงแค่การเกิดของวิญญาณ เขาก็หลงเกิด หลงเกิดยังไม่พอกิเลสหยาบกิเลสละเอียดก็มาปกปิดเอาไว้หลายส่วน ความโลกธรรมแปดก็มาปกปิดเอาไว้ ถ้าเราไม่ได้มาเจริญสติมีศรัทธาน้อมกายเข้ามาเจริญสติลงเข้าไปอยู่เน้นเข้าไปรู้ที่กายของเรา ลึกลงไปรู้ที่ใจของเรา ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่คลายความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างไร เราก็จะมองเห็นชัดเจน แต่เวลานี้สติความรู้ตัวของเรามีน้อย แล้วไม่ค่อยจะสนใจกันไม่ค่อยจะสร้างขึ้นมา อาจจะสร้างขึ้นมาก็สร้างขึ้นมาได้นิดๆ หน่อยๆ ไม่ค่อยสร้างให้ต่อเนื่อง นี่ก็เลยไปไม่เข้าใจในชีวิตของเรา ไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์
คำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านสอนเรื่องอัตตาเรื่องอนัตตา คำว่า ‘อัตตา’ เป็นอย่างไร คำว่า ‘อนัตตา’ เป็นอย่างไร อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ใจที่ส่งไปภายนอกหมายความว่าอย่างไร ถ้าเราเจริญสติเข้าไปคอยสังเกตคอยวิเคราะห์ รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ สักวันหนึ่งเราก็จะเห็นถ้ากำลังสติของเรามีกำลังที่เพียงพอ กำลังอานิสงส์บุญบารมีของเรามีเพียงพอ
แต่ละวัน ตื่นขึ้นมา ใจของเราน้อมไปอยู่ในกองบุญกองกุศล ใจของเรามันคลายกิเลสออกจากใจของเรา คลายความโลภคลายความโกรธ ไม่เห็นแก่ตัวมีแต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีสติปัญญา รู้จักรับผิดชอบตัวสมมติต่างๆ อะไรคือสมมติอะไรคือวิมุตติ ใจอยากจะปล่อยใจอยากจะวาง แต่ถ้ายังแยกรูปแยกนามหรือว่าใจยังไม่คลายออกจากอารมณ์ ออกจากความคิดต่างๆ เขาก็ปล่อยวางไม่ได้ ก็ปล่อยวางได้อยู่ระดับของสมมติ แต่ในส่วนลึกๆ นั้นก็ต้องกำลังสติปัญญาของเราต้องแหลมคมจริงๆ แหลมคมแล้วก็ต่อเนื่อง
แล้วเขาเกิดอย่างไร ไปอย่างไรมาอย่างไร ทำไมใจของเราถึงเป็นทาสของความทะเยอทะยานอยาก ทำไมใจของเราถึงเกิดกิเลส กำลังสติต้องหมั่นสังเกตต้องหมั่นวิเคราะห์ ความรู้ตัวหรือว่าสติของเราพลั้งเผลอไม่ได้เด็ดขาดเลย นอกจากเราจะนอนหลับจนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ ในการคลายในการเอาออก แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ยิ่งฝึกเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจแล้วคลายออกให้มันหมด
จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญาล้วนๆ เพราะว่าจิตของทุกดวงนั้นสะอาดบริสุทธิ์มาแต่เดิม ความไม่เข้าใจเขาถึงเกิด เพราะว่าเขาเกิดมานาน แต่ได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มแล้วก็มีส่วนรูปแล้วก็มีสวนนาม เราต้องเดินตามแนวทางของพระพุทธองค์ เข้าไปวิเคราะห์เข้าไปศึกษาจริงๆ ถึงจะเห็น น้อยคนถ้าไม่มีความเพียรที่ต่อเนื่องยากที่จะคลายตรงนี้ได้
แต่การทำบุญการให้ทานสร้างบารมีทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง หมั่นสร้างบุญสร้างอานิสงส์สร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น อะไรก็สู้แรงบุญไม่ได้อะไรก็สู้แรงกุศลไม่ได้ ทำได้น้อยจนกว่าจะเต็มเปี่ยม ทำไปทั้งกำลังกายกำลังใจ กำลังทรัพย์ กำลังสติกำลังปัญญา อยู่ที่บ้านเราก็ได้ทำบุญ อยู่ที่ไร่ที่นาที่ทำการทำงานเราก็ได้ทำบุญ มองโลกในทางที่ดี ถ้าผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขใหม่ ผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขใหม่ แก้ไขทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจของเรา เราก็จะอยู่กับบุญ
บุญอยู่ในระดับของโลกิยะ บุญอยู่ในระดับของโลกุตระ สมมติกับวิมุตติเขาก็อาศัยกันอยู่ ธรรมกับโลกก็อาศัยกันอยู่ กายกับใจก็อาศัยกันอยู่ ถ้าเราไม่ได้สังเกตวิเคราะห์ให้รู้เห็นเหตุเห็นผลจริงๆ เราก็จะไม่เข้าใจในส่วนลึกๆ แต่ใจทุกดวงก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ ปรารถนาหาทางที่จะหลุดพ้น ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าพาปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีโอกาสทุกคนมีเวลาอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
จะถึงช้าหรือถึงเร็วก็ขึ้นอยู่กับอานิสงส์บุญบารมี ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล ที่จะแก้ไขตัวเราเองปรับปรุงตัวเราเอง อย่าไปโทษคนโน้นอย่าไปโทษคนนี้ จงโทษตัวเราเองแก้ไขตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขใหม่ ผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขใหม่ แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราได้สร้างประโยชน์อะไร เราได้สร้างคุณงามความดีอะไร
หลวงพ่อก็พาทำพาสร้างอยู่ตลอดเวลาทั้งสมมติภายนอก ทั้งการเจริญสติการเจริญภาวนา บุคคลที่มีสติมีปัญญารู้จักแนวทางแล้วจะไปทำความเพียร เพียรภายในอยู่ตลอดเวลา ตื่นขึ้นมาก็รู้ใจของเรา รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืนเป็นการทวนกระแส ถ้าใจของเราคลายแล้วใจของเราก็จะตกกระแสธรรม การละกิเลสของเราก็จะหมดจดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา
รู้ด้วยเห็นด้วยเข้าถึงด้วย ประกาศด้วยตนเองด้วยถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ใช่จะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เราเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของตัวเราเองนั่นแหละ เขาเรียกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ช่วงใหม่ๆ ใจของเรายังหลง ถ้าไม่หลงเขาไม่ได้มาเกิดหรอก เขาหลงเขาถึงได้มาเกิด แต่ได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ในร่างกายของมนุษย์เนี่ยมีอะไรอีกเยอะแยะที่เราจะต้องศึกษา
ที่เราพากันสวดพากันท่อง ขันธ์ห้าเป็นของหนัก ขันธ์ห้านี่มีอะไรบ้างนี่แหละ อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ทำไมเขาถึงหลงทำไมเขาถึงยึดแล้วก็ไปยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราคลายได้เราละได้ เราก็จะมองเห็นหนทางเดินขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ จะเดินถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา มีโอกาสก็อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทั้งบุญภายนอกภายในเราก็พยายามพากันทำ คิดดีทำดีการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม
ญาติโยมท่านใดมีโอกาสอยากจะมาร่วมบุญช่วยสร้างองค์พระศรีอริยเมตไตรย มาช่วยกันก็มาช่วยกันสร้างท่านอาจารย์นิยมกำลังจะพาเริ่มทำแล้ว มาถืออิฐถือปูนมาช่วยกันก่อช่วยกันสร้างให้เป็นสิริมงคล ใครมีเวลาก็มานะมาช่วยกัน มาช่วยกันให้เป็นสิริมงคล อยากจะดับทุกข์ได้ละทุกข์ได้ก็ต้องเจริญสติเข้าไปละกิเลสภายในอีก หลวงพ่อก็จะพาทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นบุญเป็นอานิสงส์ตอบแทนแผ่นดิน ตอบแทนคุณของพระพุทธองค์ ตอบแทนคุณของสมมติต่างๆ เราทำความเข้าใจกับสมมติแล้วก็เคารพสมมติไม่ยึดติดสมมติ อยู่กับสมมติใช้สมมติให้เกิดประโยชน์ ถึงวาระเวลาเราก็ต้องได้วางสมมติแม้แต่กายของเราก็เป็นก้อนสมมติ อย่าพยายามปล่อยวันเวลาทิ้ง
เอาล่ะ วันนี้ของหลวงพ่อขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ