หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 113

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 113
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 113
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งนะ นั่งตามสบาย นั่งตามอิริยาบถให้สบาย วางความคิดวางอารมณ์ ถึงเราวางไม่ได้เราหยุดเอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ต้องพนมมือ นั่งให้สบายที่สุด ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องสัก 2-3 เที่ยว ความคิดต่างๆ ก็จะหยุดระงับลงทันที กายของเราก็สบายขึ้น ความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละ ให้สร้างความรู้สึกตรงนั้นให้เกิดความเคยชิน เวลาลมหายใจเข้า ก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ อันนี้เป็นพื้นฐานในการเจริญสติเบื้องต้นเลยทีเดียว แล้วก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ถ้าเราสร้างความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง สติของเราก็ไม่เข้มแข็งไม่แข็งแรง ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอาว่าเป็นสติ ว่าเป็นปัญญา

ในทางธรรมอันนั้นเป็นสติปัญญาของโลกิยะ ที่จิตส่งออกไปข้างนอกอยู่จิตยังหลงอยู่ เราต้องมาสร้างผู้สำรวจเข้าไปตรวจตราดู จะมีผู้สำรวจกับผู้ถูกสำรวจ ตัวจิตของเรานั่นแหละ คือผู้ถูกสำรวจ ตัวสติคือผู้เข้าไปสำรวจ คือความรู้ตัว

เรารู้ไม่ทันตั้งแต่ต้นเหตุ เราก็รู้จักดับรู้จักควบคุม จิตนี่ก็แปลก ถ้าไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติเขานี่ เขาก็จะวิ่งออกไปเที่ยวที่นู่นบ้างเที่ยวที่นี่บ้าง วิ่งด้วย เป็นทาสของอารมณ์ด้วย แล้วก็เกิดส่งออกไปภายนอก เดี๋ยวก็กุศลบ้างอกุศลบ้าง เรื่องอดีตบ้างเรื่องอนาคตบ้าง สารพัดเรื่องที่เขาจะเกิด บางทีก็เกิดจากอาการของขันธ์ห้า ความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต

เราต้องหมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์อยู่บ่อยๆ แล้วก็หมั่นเจริญพรหมวิหารให้เต็มเปี่ยม ความเสียสละของเรามีเต็มที่หรือไม่ ความรับผิดชอบของเรามีเต็มที่หรือไม่ เราต้องพยายามดูตรวจดูทุกๆ วัน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้ทำอะไรลงไปบ้าง สภาวะความเป็นอยู่ทางสมมติของเรายังขาดตกบกพร่องอะไร อะไรที่เราควรจะแก้ไข อะไรที่เราควรจะสร้างขึ้นมา เรามีความสุขกับชีวิตของเราหรือไม่ เหตุการณ์จากภายนอกมาทำให้จิตของเราเกิด หรือเกิดขึ้นจากตัวจิตของเรา เราต้องพยายามแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ทุกวัน

ก่อนที่จะตื่นขึ้นมา เราก็พยายามรู้ตัว สร้างสติเข้าไปรู้กายรู้จิต จิตเกิดกิเลส เราก็รู้จักรีบดับทันที ตากระทบรูปหูกระทบเสียง จิตยังนิ่งอยู่หรือไม่ เหตุการณ์จากภายนอกมาทำให้จิตของเราเกิด เรารู้จักดับตั้งแต่ต้นเหตุกลางเหตุปลายเหตุ เรื่องอะไรที่มันเกิด เราต้องรู้ให้ได้ทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว ไม่ปล่อยโอกาสทิ้งไม่ปล่อยวันเวลาทิ้ง ทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออกนั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ท่านถึงบอกว่าให้ทำปัจจุบันให้แจ้ง รู้ตัวอยู่ปัจจุบัน รู้กายแล้วก็รู้จิต รู้จักสำรวจรู้จักสำรวมอินทรีย์ของตัวเอง ทำความเข้าใจแล้วก็ค่อยละ ก่อนที่จะหลับที่จะนอนเราก็ตรวจย้อนเข้าไปดู ว่าตั้งแต่เช้าขึ้นมาเราพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหนบ้าง

การประพฤติปฏิบัติจิตนี้เป็นของละเอียดอ่อน ทุกคนก็ฝักใฝ่ในบุญ ฝักใฝ่ในการสร้างคุณงามความดีอยู่ตลอด แต่การเจริญสติไม่ค่อยจะต่อเนื่องกันเท่าไร ทำบ้างเป็นบางครั้ง เป็นการท่อนกระแท่น เราต้องทำให้ได้จนเป็นอัตโนมัติ ช่วงใหม่ๆ ถ้าเรายังแยกรูปแยกนามไม่ได้ ตามทำความเข้าใจไม่ได้ ความรู้ตัวหรือว่าสตินี้จะพลั้งเผลอเสียมากกว่า เพราะว่าความเคยชินเก่าๆ ถึงแม้เราแยกรูปแยกนามได้ ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรในการทำความเข้าใจ ในการตามดูให้รู้แจ้งเห็นจริง เขาก็ซึมเข้าสู่สภาพเดิมอีก

เพราะว่าแม้แต่ตัวจิตเขายังปิดบังตัวเอง แม้แต่อาการขันธ์ห้า หรือว่าขันธมาร ความนึกคิดปรุงแต่งเข้ามาปรุงแต่งจิต เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อยู่ในกายของเรานี่มีเรื่องอะไรเยอะแยะที่จะต้องศึกษาค้นคว้า ที่จะต้องทำความเข้าใจให้ได้หมด การศึกษาจิตศึกษากายศึกษาธรรม ศึกษาเพื่อดูเพื่อรู้ ให้รู้เห็นตามสภาพความเป็นจริง แล้วคลายออกให้มันหมด แต่ส่วนมากไม่ยอมคลาย มีตั้งแต่เอาเข้ามาเพิ่มให้มันหนักขึ้นเรื่อยๆ

คนทั่วไปไม่เข้าใจ แม้แต่การแสวงหาธรรม ก็แสวงหาด้วยความอยาก ทั้งอยากด้วยหวังด้วยยึดด้วย ในหลักธรรมท่านให้ละความอยาก แล้วก็ละความหวัง แต่การกระทำของเราให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ ทั้งประโยชน์ภายนอกประโยชน์ภายใน ประโยชน์ต้นประโยชน์กลางประโยชน์ปลาย ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ เราก็จะได้มองเห็นฐานทะลุปรุโปร่ง

ก็อย่าไปปิดกั้นตนเองนะว่าไม่ได้ประพฤติปฏิบัติ ทุกคนได้ประพฤติปฏิบัติธรรมกันมาก่อน ทุกคนได้สร้างบุญสร้างบารมีกันมาก่อน ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ขณะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ทางด้านรูปธรรมก็เปลี่ยนแปลงมาจากเด็ก เป็นเด็กเล็กเด็กโตเด็กใหญ่ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน จนเรียนจบได้ทำการทำงานมีความรับผิดชอบนั่นแหละ เขาปฏิบัติธรรมอยู่ในตัว ทางด้านรูปธรรม

แต่ทางด้านจิตใจ เราก็ต้องพยายามน้อมใจของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศล ละอกุศลเจริญกุศลให้มากๆ เราไม่เข้าใจแนวทาง เราถึงแสวงหาแนวทาง แนวทางนั้นพระพุทธองค์ได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจงให้พวกเราได้เดินตาม

อีกอย่างหนึ่งนั้น ทุกคนก็ฝักใฝ่ในการปฏิบัติ สนใจในการปฏิบัติ ไปปฏิบัติธรรมที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง ไปศึกษาหาแนวทางที่โน่นที่นี่บ้าง ถ้าเราเข้าใจแนวทางแล้ว เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นได้บังคับได้เคี่ยวเข็ญ เพราะว่าทุกคนก็มีข้อวัตรปฏิบัติอยู่ในตัวอยู่ตลอดเวลา จะมีมากมีน้อย

ถ้าอยากจะรู้เข้าใจเร็วก็ต้องพยายามเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง ขยันหมั่นเพียรกัน แต่ละวันตื่นขึ้นมา ความรู้ตัวสติเราพลั้งเผลอไปสักกี่เที่ยว ตื่นขึ้นมาจิตของเราส่งออกไปข้างนอกสักกี่เรื่อง เรื่องอะไรบ้าง เรื่องกุศลหรือว่าอกุศล ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตของเราสักกี่ครั้ง เรารู้เท่าทันหรือไม่ เราควบคุมจิตของเราในระดับไหน

ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์พิจารณาจะสนุกสนานในการทำความเข้าใจ มีความสุขยินดีกับสิ่งที่เราดู มีความพอใจในภาระหน้าที่การงานของเรา ทั้งงานภายนอกงานภายใน งานภายในคืองานชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเราให้หมดจด งานภายนอกก็คืองานที่ยังอัตภาพสมมติของเราให้อยู่ดีมีความสุข เราขาดตกบกพร่องอะไร เราก็รีบแก้ไขช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น สร้างที่พึ่งให้มีให้เกิดขึ้นในใจของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ก็ต้องพยายามกันนะ พระเราก็เหมือนกัน ชีเราก็เหมือนกัน เราได้มาอยู่ร่วมกันก็เปรียบเสมือนกับพ่อกับแม่กับพี่กับน้อง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เป็นพี่น้องกันนั่นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน เคยสร้างบุญสร้างอานิสงส์มาร่วมกันมาก่อนถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ก็ให้เป็นบุคคลที่บอกง่ายสอนง่าย อย่าเป็นบุคคลที่บอกยากสอนยาก บอกให้เชื่อฟัง ในเมื่ออยู่ร่วมกันแล้ว บอกอะไรก็ให้เชื่อฟัง แล้วก็ไปวิเคราะห์ไปพิจารณา แล้วก็สร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา อยู่น้อยคนก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ถ้าบอกไม่เชื่อฟัง ใช้ตัวเองไม่ได้ อยู่คนเดียวก็ไม่สุข อยู่หลายคนก็ไม่สุข เป็นภาระให้ตัวเอง เป็นภาระให้คนอื่น

ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์ตัวเราแล้ว เราจะได้ตั้งแต่ประโยชน์ ได้ตั้งแต่อานิสงส์มากมาย เรามาสร้างบุญขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ยังมีกำลังกายอยู่นี่แหละ หลวงพ่อก็พาสร้างพาทำมาตลอดเท่าที่โอกาสอำนวยให้ วันนี้หลวงพ่อก็จะได้ขออนุญาตทุกคนลงไปกรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้เชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมาไว้ประดิษฐาน ณ ที่นี้ มาประดิษฐานที่ตรงพระเกศของพระพุทธรูปหยก แต่ก่อนก็ได้บรรจุได้ประดิษฐานที่บนพระแท่นกระจก ตู้กระจกของเรา มีโอกาสหลวงพ่อจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งไหนที่จะเป็นบุญ สิ่งไหนที่จะเป็นอานิสงส์ ให้ทุกคนได้อิ่มในบุญในกุศลกันทุกคน เท่าที่หลวงพ่อจะมีความสามารถมีกำลังที่จะทำได้

วันที่ 16 หลวงพ่อคงจะได้กลับมา วันที่ 19-20 19 พระพุทธรูปหยกคงจะมาถึงตอนเย็น 20 ก็คงจะได้ยกองค์แม่กวนอิมขึ้นตั้งก่อน 21 ถึงจะได้ยกองค์พระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่ขึ้น ก็ขอเชิญชวนญาติโยมทุกคน ถ้ามีโอกาสเข้ามาร่วมบุญกันนะ

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง