หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 014

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 014
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 014
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ให้ต่อเนื่องกัน ตามความเป็นจริงเราต้องพยายามหมั่นน้อม หมั่นสำรวจ หมั่นตรวจตรา รู้กายรู้จิต รู้ความเป็นอยู่ แล้วก็ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

เราต้องรู้จักชำระสะสางกิเลส ซึ่งเกิดขึ้นในจิตของเรา ถ้าเราไม่รู้จักวิเคราะห์ ไม่รู้จักพิจารณาตัวเอง เราก็จะเป็นทาสของอารมณ์ ทาสของความเกิด ทาสของกิเลสอยู่อย่างนั้น เราต้องมาเจริญสติ หรือว่ามาสร้างความรู้ตัว หรือว่ามาสร้างผู้รู้ เข้าไปสำรวจจิตของตัวเรา

ส่วนจิตของเรานั้น เวลานี้เขาทั้งเกิดด้วย ทั้งเป็นทาสของอารมณ์ ทาสของกิเลส มีความทะเยอทะยานอยาก อยากมี อยากไปอยากมา อยากมีอยากเป็น ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ก็เป็นทุกข์เหมือนกันหมด เราก็ต้องพยายามมารู้ มาทำความเข้าใจกับลักษณะของจิต

จิตที่สงบจิตที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร จิตที่ไม่เกิดจิตที่นิ่ง สงบอยู่เป็นอย่างไร สงบด้วยการปล่อยวาง สงบด้วยการทำความเข้าใจ รู้แจ้งเห็นจริง หรือว่าสงบด้วยการบังคับเอาไว้ เราก็ต้องเจริญสติเข้าไปสำรวจตรวจตราดู

ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี เราต้องศึกษาตัวเราให้ละเอียด ทั้งภายนอกภายใน งานภายนอกเราก็ทำ เพื่อยังประโยชน์ทางสมมติให้เกิดประโยชน์ พวกเราก็พลอยได้รับอานิสงส์ในการกระทำด้วย ถึงไม่อยากจะได้ก็ต้องได้ ได้ความร่มรื่น ได้ความร่มเย็น สบายกาย สบายใจ

ส่วนจิตใจนั้น เราก็หมั่นชำระสะสางกิเลสอยู่ตลอดเวลา จะทำจะมีจะเป็น เราก็ไม่ทำด้วยความทะเยอทะยานอยาก ทำด้วยสติ ด้วยปัญญา ทำด้วยเหตุด้วยผล เพื่อให้เกิดประโยชน์ให้สูงสุด ทั้งทรัพย์ภายนอกทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอก ความเป็นอยู่ทางสมมติเราก็ดูแลช่วยกัน มีความขยันหมั่นเพียร

หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคนที่ได้ช่วยกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี มาช่วยกันทำ มาช่วยกันสร้างอานิสงส์ใหญ่ ตั้งแต่ปากทางโน่นแหละเข้ามา ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด ความสกปรกรกรุงรัง ตรงไหนไม่น่าดูเราก็พากันช่วยกันทำ อย่าไปทิ้งระเกะระกะ

แม้แต่เศษกระดาษเล็กๆ น้อยๆ เศษแก้วเศษขวดเศษอะไรต่างๆ เราก็เก็บ ตามถนนหนทาง อย่าไปมองข้าม เห็นเศษขยะเห็นสิ่งสกปรก เราก็เก็บเสีย ห้องส้วมห้องน้ำก็หมือนกัน เราก็ช่วยกันดูแล น้ำไม่มีเราก็เปิดใส่ให้เต็ม ถ้าห้องน้ำสกปรกเราก็ทำความสะอาดเสียก่อน

เป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่ว่าหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง เราทำมา ทำขึ้นเพื่อหาอนุเคราะห์ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ใครเข้ามาแล้วก็มีความสุข คนเราถ้าไม่รู้จักความเป็นระเบียบในตัวเรา ความเป็นระเบียบภายนอกก็ยิ่งยากเข้าไปอีก แม้แต่ตัวเราแท้ๆ ก็ยังไม่ชอบความเป็นระเบียบ ถ้าภายนอกยิ่งเข้าไปอีกก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก

ต้องให้จัดระเบียบทั้งภายนอกทั้งภายใน นั่นแหละคือการปฏิบัติ ต่อไปข้างหน้าก็จัดระเบียบของจิต ไม่ให้เป็นทาสของอารมณ์ ทาสของกิเลส เป็นทาสของการเกิด ชำระสะสางกิเลสด้วยการเจริญสติเข้าไปสำรวจตรวจตราดู

โรงครัวก็เหมือนกัน พยายามจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน ไม่ใช่ว่าทิ้งมันเกลื่อนกลาดระเกะระกะไม่ใช่ เราก็ต้องพยายาม อยู่คนเดียวเราก็พยายามทำความสะอาด ที่พักที่อาศัยของเรา ล้นออกไปสู่ภายนอกสู่สังคม

คนเรานี่ส่วนมากรักสะอาดแต่ชอบสกปรก ทำไมถึงว่าอย่างนั้น เห็นความเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วชอบ แต่ชอบทิ้ง ทิ้งไปทั่ว ทิ้งเกลื่อนทิ้งกลาด ไม่ว่าเศษกระดาษ เศษขวด เศษแก้วต่างๆ ตามถนนหนทาง หรือว่าตามรอบข้างบ้านที่พักที่อาศัย พากันทิ้งเกลื่อน แต่ในใจบอกว่าชอบสะอาด

แต่การปฏิบัติ ไม่ทำให้มันสะอาด มันจะได้ความสะอาดได้อย่างไร มองบนมองล่าง ข้างบนจะมีกิ่งไม้กิ่งไหนมันจะหักตกหัวเรา เราก็ต้องดู ดูแลทำความสะอาด นั่นแหละคือการปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องไปเขียนป้ายประกาศว่าเราเป็นนักปฏิบัติ ไม่ต้องไปประกาศว่าเราคือนักปฏิบัติ

คนที่จะเข้าถึงจิตถึงใจได้ก็ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร หมั่นแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้คนอื่นต้องไปกำชับกำชา ก็ต้องพยายามกัน ใช้ตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น แต่ละวันหมั่นสำรวจตรวจตราดู จิตใจของเราเป็นอย่างไร

จิตใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตนไหม มีทิฏฐิมานะ มีความดื้อรั้นรึเปล่า มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความกตัญญูกตเวที มีความเสียสละ มีการชำระสะสางกิเลส ละความตระหนี่เหนียวแน่น มองโลกในทางที่ดี ไม่อิจฉาริษยา ไม่มองโลกในแง่ร้าย มองโลกในแง่ดี จิตใจของเราดีเราก็มองโลกในแง่ดี

ต้องพยายามหมั่นน้อม หมั่นมอง หมั่นวิเคราะห์ตัวเรา ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา พอตื่นขึ้นมาปุ๊บ ความรู้กายรู้จิตตั้งมั่นขึ้นมา มีนิวรณ์เข้าครอบงำไหม ความระลึกรู้ตัวเราพลั้งเผลอไหม เรามีความเกียจคร้านไหม จิตฟุ้งซ่านหรือไม่ ฟุ้งซ่านเรื่องอะไร เราก็รู้จักดับรู้จักแก้ แก้ไขทั้งภายนอก แก้ไขทั้งภายใน
ภายนอกงานสมมติเราก็ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ธรรม ปฏิบัติตั้งแต่ธรรม พอไปเจอสมมติ รูปรสกลิ่นเสียงต่างๆ ก็วิ่งหนีเข้าป่าหาความสงบ นั้นมันเป็นการหนีเหตุการณ์ หนีความเป็นจริง

ความเป็นจริงก็กายของเรานี่แหละก้อนสมมติ ตาก็มีหน้าที่ดูก็ให้ดู หูมีหน้าที่ฟังก็ให้ฟัง เราทำความเข้าใจกับใจของเราเสีย ไม่ให้เกิดกิเลส เกิดความยินดียินร้าย ถ้าเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวต่างๆ สิ่งต่างๆ เราก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล ก็ต้องพยายามกัน

แม้แต่เวลาขบเวลาฉัน เวลารับประทานอาหาร ในหลักธรรมะท่านเรียกว่า ปฏิสังขาโย รู้จักวิเคราะห์รู้จักพิจารณา ขณะที่เราจะขบจะฉัน ขณะที่เราจะทาน จิตของเราเกิดความอยากหรือไม่ กายของเราหิวหรือไม่ ถ้าจิตเกิดความอยากเราก็รู้จักดับ รู้จักดับรู้จักข่ม ดับจนไม่ให้จิตเกิดความอยากนั้นแหละ เราค่อยเอาอาหารมาให้กาย ไม่ให้กายของเราเกิดทุกขเวทนา ดังที่พวกเราพากันสวดพากันท่องกันทุกวัน ทุกเช้าทุกเย็นนั่นแหละ

เราเอามาด้วยสติ เอามาด้วยปัญญา ไม่ใช่ว่าจะไปเอาตั้งแต่กิเลสตัวใหญ่ๆ ไอ้ความคิดเล็กๆ น้อยๆ นั่นแหละที่เขาเกิด เรารู้จักดับไหม รู้จักละไหม การเกิดของจิตเป็นอย่างไร ความคิดนั้นมีกิเลสเข้าไปเจือปนไหม จิตเกิดความยินดียินร้ายไหม แม้แต่คิดด้วยสติด้วยปัญญาถ้าเป็นอกุศลก็ให้ดับอีก

ถ้าเราไม่พิจารณาให้ต่อเนื่องกันก็ยากที่จะเข้าใจ คนที่จะฝึกหัดปฏิบัติเข้าถึงจิตเข้าถึงธรรมได้ ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร แล้วก็หมั่นเจริญพรหมวิหาร หรือว่าตบะบารมี ศรัทธาของเรามีเต็มเปี่ยม ความเสียสละของเรามีเต็มเปี่ยม

มีความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนี่แหละ เราได้ทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่ กับพี่กับน้อง กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน พวกเราเป็นญาติพี่น้องกันหมดนั่นแหละ เพราะว่าจิตดวงนี้วนเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้ว่ากี่กัปกี่กัลป์แล้ว

จนได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก แล้วก็สร้างสะสมอานิสงส์ผลบุญต่อ บางคนก็เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นพี่เป็นน้องกันมาก่อน อันนั้นมันผ่านมาแล้ว เรามาทำปัจจุบันของเราให้ดี รู้กายรู้จิต ทำหน้าที่ของเราให้ดี ก็จะส่งผลถึงอนาคต

ไม่อยากจะกลับมาเกิดก็ต้องดับความเกิด ละความเกิด คลายความหลง ละกิเลส ดับความเกิด วางความเกิดเสีย เราก็จะมองเห็นทางทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะกลับมาเกิด แต่การละ การสังเกต การวิเคราะห์ การคลายไม่มี มันก็เกิดอยู่อย่างนั้นแหละ

ก็ต้องพยายาม อย่าปิดกั้นตัวเราเอง เราต้องพยายามให้กำลังใจตัวเรา ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ อยู่คนเดียวเราก็หมั่นวิเคราะห์เรา อยู่หลายคนเราก็หมั่นวิเคราะห์เรา แก้ไขตัวเอง กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราก็พยายามดับ จิตของเราส่งไปข้างนอกเมื่อไหร่เราพยายามดับ ความคิดผุดขึ้นมาเราก็สังเกตวิเคราะห์ดู ว่ามันไปอย่างไรมาอย่างไร
ให้ทำความรู้แจ้งเห็นจริงให้ปรากฏ ถ้าแยกรูปแยกนามได้ ตามทำความเข้าใจได้ยิ่งสนุก กิเลสตัวไหนมันจะมาหลอกเรา กิเลสเรื่องอดีตหรือเรื่องอนาคต ส่วนมากก็มีตั้งแต่เรื่องอดีตสัญญา ความทะเยอทะยานอยากเราก็ดับเสียถ้าเกิดจากจิตของเรา ก็ต้องพยายามกัน ให้ได้ทั้งทรัพย์ภายนอกได้ทั้งทรัพย์ภายใน

ทรัพย์ภายนอกหลวงพ่อก็พาทำ พาทำอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ ทำสร้างวิหารใหญ่ไว้ประดิษฐานพระพุทธรูปหยก ฝากเอาไว้ให้กับโลก ฝากเอาไว้ให้กับสมมติ ไม่ใช่เป็นทรัพย์ของคนใดคนหนึ่ง เป็นทรัพย์ของสมมติ เป็นทรัพย์ของโลกเขา เรามาทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ มาอาศัยสถานที่นี้อยู่ เราก็พยายามตอบแทนบุญคุณของสถานที่ ตอบแทนบุญคุณของพระพุทธเจ้า ตอบแทนบุญคุณของสมมติ เพื่อจะยังสมมติให้เกิดประโยชน์

ถ้าถึงวาระเวลาแล้วต้องวางให้หมด ปล่อยให้หมด แม้แต่กายพวกเราก็ต้องวาง กลับคืนสู่สภาพเดิม ใจของเราก็เข้าสู่ความสะอาดความบริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ตราบใดที่จิตยังเกิดอยู่ก็ต้องสร้างอานิสงส์กันให้เต็มที่ หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคน

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง