หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 074
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 074
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
พากันดูดีๆ นะพระเราชีเรา ก่อนที่จะขบจะฉัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกเวลาทุกขณะเราต้องดูรู้ให้ชัดเจน เรื่องเวลาเรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องกินเรื่องขบเรื่องฉัน ดูกายดูใจอย่าให้จิตเกิดความอยาก อยากแม้แต่นิดๆ หน่อยๆ อยากในเรื่องของอาหารการอยู่กับการกิน กายหิวก็ให้รับรู้ว่ากายหิว
เมื่อวานนี้ก็เป็นวันลงอุโบสถสังฆกรรมกัน พระคุณเจ้าก็ประมาณสักเท่าไรนะ เมื่อวานนี้ประมาณเท่าไร 85 รูป ที่มาร่วมลงสังฆกรรมกันทั้ง 23 วัด ก็เป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนายินดี มีความพร้อมเพรียงกันๆ มีความสุข ญาติโยมก็พากันมาถวายทานกันเยอะ ถวายทานกับข้าวกับปลา
วันที่ 16 ก็จะเป็นบุญใหญ่ของทุกคนๆ เพราะว่าจะได้อัญเชิญ ทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่ท่านเสด็จมาประดิษฐานที่วิหาร แล้วก็จะได้ทำบุญกับผู้สูงอายุ กับพวกผู้เฒ่าผู้แก่ แล้วก็ญาติโยมที่ทำงานให้กับชาวบ้าน พวกอสม. แล้วก็รปภ. ที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับหมู่บ้าน ตำรวจ สถานีตำรวจ อนุเคราะห์ให้ไปพัฒนาสถานีตำรวจทั้งในบ้าน พวกเรามีโอกาสก็ขอเชิญมาตั้งโรงทานด้วยกัน มาตั้งโรงทาน
ญาติโยมที่ปวารณามาตั้งโรงทานเอาไว้ก็ร่วม 20 กว่าโรง มีโอกาสก็ได้มาร่วมกัน โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ ต่อไปข้างหน้าหลวงพ่อก็จะพาตั้งโรงทานตลอด เดี๋ยวนี้กำลังขยายโรงครัวโรงอาหารให้ใหญ่ขึ้น แล้วก็ที่ทานข้าวทานปลาของทุกคนให้สะดวกสบายขึ้น เพื่อที่จะรองรับวันงาน แล้วก็ตั้งโรงทานตลอด
มีโอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ พากันมา อย่าว่าไม่มา ทำมากทำน้อยก็เป็นของเรา กายไม่ได้มาก็น้อมใจเข้ามาอนุโมทนาสาธุด้วย ให้เป็นอานิสงส์บุญ ก็ขอขอบคุณทุกคนช่วยกันทำ ทั้งชีก็ช่วยกันพระเราก็ช่วยกัน ช่วยกันหลายทางหลายฝ่าย เดินน้ำเดินสายน้ำประปาใหม่ มาช่วยกันเดินเพื่อที่จะรองรับไม่ให้น้ำขาดตกบกพร่อง เดินน้ำเดินไฟใหม่ ทางโรงอาหารโรงทานก็ขยายใหม่ ต่อไปข้างหน้าใครมาวัดมากราบไหว้ก็จะได้ไม่อดไม่อยาก ไม่หิวมีแต่ความอิ่ม จะตั้งโรงทานก๋วยเตี๋ยวด้วย มีให้เป็นประจำ หลักประจำโรงทาน อาหารต่างๆ ให้ยืนพื้นตลอด
วันที่ 16 ก็คงจะได้มาทำพิธีกันอยู่ที่ศาลาวิหารพระหยกของเรา หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านก็มาด้วย ทั้งเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ ท่านก็มาหมด มีโอกาสได้มาสร้างอานิสงส์ใหญ่สร้างบุญใหญ่
ก็ขอเชิญกันนะ ทุกคนทุกท่าน มีโอกาสอยากจะสร้างโรงทานก็ไปลงชื่อเอาไว้ โรงทานอาหารเราจะทำอาหารประเภทไหน กับข้าวกับปลา ผลหมากรากไม้ก็เอามาร่วมกัน ร่วมกันมาช่วยกันทำ ต่อไปข้างหน้าก็ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่อดไม่อยาก ไม่หิวไม่โหย เพราะว่าเราได้ทำเอาไว้ก่อน เรามีการทำบุญมีการให้ทานเอาไว้ก่อน จะอยู่ที่ไหนก็ไม่อดไม่อยาก ถ้าคนไม่เคยทำไม่มี ยิ่งไม่มีเท่าไรยิ่งอดยิ่งอยาก ยิ่งหิวเท่าไรก็ยิ่งอดยิ่งอยากๆ ทั้งอดทั้งอยากทั้งหิวทั้งโหย ถ้ามีความพร้อมไม่อดไม่อยาก นี่แหละให้พากันรีบทำ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะส่งผลถึงอนาคต เราทำบุญไว้ดีก็ส่งผลถึงอนาคต ไม่ได้ลำบาก
ความขยันหมั่นเพียร การชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเรา หลวงพ่อก็พยายามที่จะทำขณะที่กำลังกายยังพอมีไหวอยู่ ถ้าหมดกำลังแล้วก็คงจะไม่ได้ทำ เดี๋ยวนี้กำลังกายก็ร่อยหรอลงเต็มที กำลังวาจาก็หนุนให้หมู่ให้คณะเข้าไปทำ อยู่เบื้องหลัง เข้าไปทำเพื่อที่จะยังประโยชน์ให้กับมหาชน ให้กับคนหมู่มาก
ในวันข้างหน้า จากกองน้อยๆ นี่แหละ หลายจิตหลายใจหล่อหลอมรวมกัน ก็จะเป็นกองบุญอันมหาศาลในวันข้างหน้า ความเป็นสิริมงคลอยู่ที่ไหน เหล่ามนุษย์ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล เหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาทั้งหลายก็มากราบมาไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
อยากจะให้สูงขึ้นไปอีก ก็ประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตามคำสั่งสอนของท่าน ละกิเลสออกจากจิตจากใจของตัวเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ทำความเข้าใจกับหนทางเดิน หรือว่ามรรค มรรคก็คือหนทาง เดินอย่างไรถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง
การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างไร การควบคุมจิต ควบคุมอารมณ์ การปล่อยการวาง การเจริญพรหมวิหาร มองโลกในทางที่ดี อะไรที่เป็นอกุศลก็พยายามรีบละรีบดับ แม้ตั้งแต่คิด ให้ละอกุศลเจริญกุศล สูงขึ้นไปก็เจริญตั้งแต่กุศล สร้างตั้งแต่อานิสงส์ สร้างประโยชน์แต่ไม่ยึด ก็เลยอยู่กับบุญ กายของเราก็เป็นบุญ วาจาของเราก็เป็นบุญ ใจของเราก็อยู่กับบุญ สนุกสร้างบุญอิ่มบุญตลอดเวลานั่นแหละ ก็ต้องพยายามรีบๆ กัน อย่าไปปิดกั้นตัวเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็รีบสำรวจจิต สำรวจกาย สำรวจภาระหน้าที่ของเราให้เรียบร้อย นั่นก็ได้บุญแล้ว
มีโอกาสเราก็น้อมกายของเราเข้ามาวัดมาทำบุญให้ทาน ถวายทานทางด้านวัตถุทาน ใจก็มีความสุขระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ใจก็อิ่มปีติเบิกบาน ถ้าคนเราไม่เคยสร้างบุญ ไม่เคยสร้างอานิสงส์ ไม่เคยทำบุญให้ทาน จะระลึกนึกถึงเท่าไรก็ไม่เจอ เพราะไม่เคยทำ
อย่าไปมองข้ามว่าอานิสงส์ผลบุญไม่มี… มี…. อานิสงส์ผลบุญมีจริง บาปบุญคุณโทษมีจริง นรกสวรรค์ก็มีจริง วันพรุ่งนี้ก็มี วันเมื่อวานนี้ที่ผ่านมาแล้วก็มี โลกหน้ามี
ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ตรงนี้ ให้เรารู้ใจของเราให้ได้เสียก่อน แยกรูปแยกนาม เดินปัญญา ละวิบากกรรมให้ได้เสียก่อน ให้อยู่เหนือวิบากกรรม ให้อยู่เหนือกรรม กรรมเก่าก็ตามไม่ทัน กรรมใหม่ก็ไม่ยึด เราก็จะอยู่กับบุญ มองเห็นหนทางว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิด ก็ต้องพยายามเอา ไม่เหลือวิสัย
ตราบใดที่จิตยังไม่หลุดพ้นก็ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน ไม่เห็นแก่หลับแก่นอนแก่กิน มีความขยันมีความรับผิดชอบมีความเสียสละ สักวันหนึ่งก็จะส่งผลให้เราเดินถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ ก็ต้องพยายามกัน
วันนี้พระเราหลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ ส่วนหนึ่งก็ไปช่วยคุณโยมโยธินท่านไปลงสายน้ำประปาหน่อยนะ ช่วยกันญาติโยมเราว่างก็ช่วยกัน พระเรา ก็พวกเรานั่นแหละได้รับความสงบได้รับความสุข ใครไปใครมาก็ได้รับความสุขสบาย ส่วนหนึ่งก็ช่วยทางโรงอาหารทางโรงครัวขยายโรงทาน อย่าไปเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น มาอยู่ด้วยกันก็ให้เชื่อฟัง ถ้าบอกไม่เชื่อฟังแล้วก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็บอกให้เชื่อฟัง อย่าไปดื้อรั้น ถ้าดื้อรั้นแล้วก็ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุข
ในเมื่อเราปวารณาตัวเข้ามาเพื่อที่จะมาฝึกฝนตนเอง ละกิเลส ละมานะทิฏฐิ อยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านหลายองค์ก็ให้มีตั้งแต่พรหมวิหาร มีตั้งแต่ความเมตตา อยู่ด้วยกันก็จะมีตั้งแต่ความสุข เหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนพ่อเหมือนแม่
การชำระสะสางกิเลสก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ว่าเราจะละได้มากละได้น้อยก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา การฝึกฝนตนเองอย่าให้คนอื่นได้บังคับ เราต้องบังคับตัวเราแก้ไขตัวเรา เราก็จะเข้าถึงธรรมได้เร็วได้ไว ถ้าไปมัวตั้งแต่ให้คนอื่นเขาบังคับ ไม่มีวันที่จะเดินถึงจุดหมายปลายทางได้ มีตั้งแต่คนโง่เท่านั้นแหละชอบให้คนอื่นบังคับ คนฉลาดนี่เขาสอนตัวเองแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเอง เพียงแค่รู้ทางนิดเดียว เร่งทำความเพียร ทำความเข้าใจให้ถึงจุดหมายให้เร็วให้ไว ตัดความลังเลความสงสัยความกังวลออกไป เดินตามทางที่พระพุทธองค์ท่านชี้แนะแนวทางให้
ศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยเป็นอย่างไร การสร้างสติสร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเป็นอย่างไร การควบคุม การแยกรูปแยกนาม หมดความสงสัย มีตั้งแต่จะทำความเพียรให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว ไม่ต้องไปติดอยู่ตรงโน้นไปติดอยู่ตรงนี้ หมั่นสร้างอานิสงส์สร้างบารมี คนที่ได้อานิสงส์มากมายก็คือคนที่มีความเสียสละอย่างยิ่งยวด เสียสละทั้งภายนอก เสียสละทั้งภายใน
จะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง มีคณะปฏิบัติธรรมอยู่กลุ่มใหญ่ วันเสาร์วันอาทิตย์ก็จะพากันไปปฏิบัติธรรมเป็นร้อยๆ แล้วก็มีครูบาอาจารย์ไปสอนให้ อบรมธรรมกัน ปฏิบัติธรรมกันอยู่บนตึก 2-3 ชั้น มีห้องโถงใหญ่ๆ เปิดแอร์เปิดพัดลมเย็นสบาย ถึงเวลาแล้วก็ไปนัดกันไปปฏิบัติธรรม แล้วก็มีคนฝึกอบรมให้พาเดินพานั่ง
แต่มีอีกคนหนึ่งไม่ได้เข้าฟังธรรม ไม่ได้เข้าไปฟังธรรมเพราะไม่มีโอกาส โอกาสไม่มีเพราะว่าอยู่โรงครัวทำกับข้าวกับปลาเลี้ยงญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม มีตั้งแต่ความอิ่มความปีติความสุขว่าตัวเองได้ทำกับข้าว ทำกับข้าวกับปลาให้บุคคลให้ญาติโยมที่มา ให้คนหมู่มากที่มาฟังธรรมมาปฏิบัติธรรมได้มีโอกาสได้ฟังธรรม มีตั้งแต่อยู่ครัว ขลุกอยู่ตั้งแต่ครัว อยู่กับเตาถ่านอยู่กับความร้อน แต่ใจมีตั้งแต่ความเย็น มีตั้งแต่ความสุขว่าตัวเองได้ทำบุญ ได้อนุเคราะห์ ได้มีความเสียสละ ใจเป็นบุญ ใจเป็นธรรม แต่ไม่มีสติปัญญาที่ไปรู้ว่านั้นคือธรรม
ไอ้คนที่ไปนั่งอบรมปฏิบัติธรรม มีตั้งแต่ความกังวลมีตั้งแต่ความลังเล ใจก็เลยไม่สงบ ไอ้คนที่อยู่ในโรงครัว กลับมีตั้งแต่ความสุข เพราะว่ามีตั้งแต่ความเสียสละ ได้บุญ ช่วงที่แม่ครัวคนนั้นอยู่กับครัวมาตั้งแต่เป็นสาวจนอายุถึง 70 กว่า ไม่ได้เข้าไปมีโอกาสได้ไปนั่งฟังธรรมได้ปฏิบัติกับหมู่กับคณะเลย ท่านมรณภาพไป เอาไปเผา อัฐิของท่านจนกลายเป็นพระธาตุ
เพราะว่าอะไร เพราะว่าจิตของท่านปล่อยวางหมด ปล่อยวางหมด ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น มีแต่ความสุข แต่ท่านไม่รู้ว่านั่นคือตัวธรรม อันนั้นคือองค์ธรรม สภาพกายเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ซักฟอกของเขา สภาพจิตก็ไม่มีความยึดมั่นเพราะมีตั้งแต่ความสุขในการทำ มีความเสียสละคนที่ปฏิบัติธรรมก็เลยได้ไม่เท่าท่านเลย นั่นแหละคนที่ได้อานิสงส์มากก็คือแม่ครัว ก็ต้องพยายามเอา ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่ง ลองดูซิ ตามความเป็นจริงเราต้องทำความเข้าใจตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แล้วก็หมั่นวิเคราะห์จิตของเรา หมั่นวิเคราะห์กายของเราให้ได้ทุกอิริยาบถ ถ้าความรู้สึกตัวพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ เพียงแค่เราเริ่มให้ต่อเนื่องพวกเราก็ยังไม่ค่อยจะทำกันให้ต่อเนื่องกัน
เราต้องพยายามทำให้ต่อเนื่อง ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ รู้ให้ชัดแจ้งว่าอันนี้คือความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ส่วนจิตนั้นเขาก็เกิดๆ ดับๆ เราก็พยายามกระตุ้นความรู้สึกที่การหายใจเข้าออก จิตก็จะกลับมาอยู่กับการหายใจเข้าออก สงบระงับตั้งมั่นอยู่ในกายของเรา เวลาจะคิดพิจารณาส่วนสติส่วนปัญญาส่วนสมองก็จะเป็นตัวคิด ตัวจิตก็จะรับรู้ แต่เวลานี้จิตทั้งเกิดด้วย ส่งออกไปภายนอกด้วย ทั้งหลงด้วย
ตราบใดที่ยังแยกจิตออกจากความคิดไม่ได้นี่หลง หลงในส่วนลึกๆ ซึ่งเป็นนามธรรมด้วยกัน แต่ในสภาพสมมติ เราก็ว่าเรายังไม่ได้หลงอยู่ เพราะว่าเราไม่หลงอยู่ แต่ในหลักธรรมแล้วต้องคลายเสียก่อน แยกได้ตามรู้ได้ ดูเห็นตามความเป็นจริงได้นั่นแหละ ถึงจะคลายความหลงได้
ความหลงนี่เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนลุ่มลึก ต้องมีกำลังสติปัญญาที่แหลมคม แล้วก็อานิสงส์บารมีในการสังเกตในการวิเคราะห์ แต่ทุกคนก็สร้างบารมีกันมา บารมีตั้งแต่ความเสียสละ ความอดทน ผ่านกาลผ่านเวลา มีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดี มีความเสียสละ มีพรหมวิหารอยู่ในระดับหนึ่ง อันนี้เป็นการสร้างบารมีอยู่ระดับของสมมติ แต่ยังขาดการสร้างสติเข้าไปแยกรูปแยกนาม ถ้าเปรียบเสมือนกับการขึ้นบันไดก็ขึ้นเกือบจะถึงตัวเรือน แต่ไม่ยอมก้าวเข้าไปในตัวเรือน ทำความสะอาดตัวเรือน ก็มีตั้งแต่ขึ้นได้ 6-7 ขั้น แล้วก็ถอยลงมา 6-7 ขั้น แล้วก็ถอยลงมา อยู่ในกองบุญกองกุศล ก็ความเพียรทางด้านการเจริญสติการเจริญปัญญาเข้าไปแยกรูปแยกนามไม่มีกำลังเพียงพอ
เราก็ต้องไปพยายามกันนะ พยายามกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา เจริญพรหมวิหารให้มากๆ มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำความเข้าใจกับสมมติ เคารพสมมติ เราอยู่กับสมมติ กายของเรานี่แหละเป็นก้อนสมมติ เราหนีสมมติไม่ได้หรอก โน่นแหละ หมดลมหายใจนั่นแหละ จึงจะได้วางสมมติ ให้เราวางขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราไปแยกรูปแยกนาม ทำความเข้าใจภายใน
อะไรคือนามธรรมอะไรคือรูปธรรม อะไรคือลักษณะของอัตตา อะไรคือลักษณะของอนัตตา เหมือนกับน้ำกลิ้งอยู่บนใบบอน เหมือนกับฝ่ามือกับหลังมือ เขาก็อยู่ด้วยกันแต่เขาก็อยู่กันคนละด้าน ถ้าเรามองดูฝ่ามือของเรา ถ้าเราคว่ำลงฝ่ามือก็อยู่ข้างล่างหลังมือก็อยู่ข้างบน จิตก็เปรียบเสมือนกับฝ่ามือ สมมติก็เปรียบเสมือนกับหลังมือ ถ้าเราแยกจิตออกจากความคิดได้ จิตก็จะพลิกขึ้นมาอยู่ข้างบน
นั่นแหละวิมุตติก็ปรากฏ หลังมือก็อยู่ข้างล่างสมมติก็อยู่ข้างล่างก็อยู่ด้วยกัน ฝ่ามือกับหลังมือก็อยู่ด้วยกัน เพียงแค่เราพลิกเราแยกให้ได้ ให้รู้ให้เห็น แล้วก็ทำความเข้าใจ แล้วก็ละกิเลสต่างๆ ออก หลวงพ่อก็พูดของเก่า เล่าของเก่าอยู่นี่แหละ เพราะว่าไม่มีอะไรจะเล่า ไม่มีอะไรมากมายเลยในร่างกายของมนุษย์เรา ก็ต้องมาดูตรงนี้ ถ้าไม่เล่า เล่าอย่างอื่นหลวงพ่อก็ไม่เล่า เพราะว่ามันไม่ใช่หนทางดับทุกข์ ก็เล่าตั้งแต่ของเก่าเนี่ยแหละ พวกท่านก็ยังไม่ไปทำให้ต่อเนื่องกัน แม้ตั้งแต่เรื่องการเจริญสติการทำความเข้าใจก็ยังทำไม่ได้ต่อเนื่องกัน
ก็ต้องไปทำให้เห็นด้วย รู้ด้วย เข้าถึงด้วย แม้แต่เรื่องการหายใจเข้าออกก็ยังรู้ไม่ต่อเนื่อง แม้แต่เรื่องรับประทานอาหารก็ยังไม่สังเกตดูให้รู้ทุกเรื่อง ว่ากายหิวหรือจิตเกิดความอยาก ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาความรู้ตัวต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง หรือว่าจิตส่งออกไปข้างนอก สักกี่เรื่องสักกี่เที่ยว เป็นกุศลหรือว่าอกุศล ใครเคยมาวัดก็ได้ยินตั้งแต่หลวงพ่อพูดของพวกนี้อยู่ตลอด
ถ้าไปทำตาม ไม่เห็นจากน้อยๆ ไปหามากๆ ตามทำความเข้าใจดู ก็จะเห็นอะไรรายละเอียดลงไปอีกเยอะ ไม่ต้องไปเห็นอะไรมากมายหรอก ให้เข้าถึงตรงจุดนี้ให้ได้ สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องกลัวจะไม่มีปัญญา ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รู้ธรรมถึงธรรมหรอก ถ้าเราเห็นเราแล้วเราก็มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เราชนะเราก็ชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ต้องพยายามเอาขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ สนุกสร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้กับตัวเรา บุญภายนอกเราก็ทำ บุญภายในเราก็ทำ อยู่กับบุญ
สร้างสติระลึกรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนนะ
เมื่อวานนี้ก็เป็นวันลงอุโบสถสังฆกรรมกัน พระคุณเจ้าก็ประมาณสักเท่าไรนะ เมื่อวานนี้ประมาณเท่าไร 85 รูป ที่มาร่วมลงสังฆกรรมกันทั้ง 23 วัด ก็เป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนายินดี มีความพร้อมเพรียงกันๆ มีความสุข ญาติโยมก็พากันมาถวายทานกันเยอะ ถวายทานกับข้าวกับปลา
วันที่ 16 ก็จะเป็นบุญใหญ่ของทุกคนๆ เพราะว่าจะได้อัญเชิญ ทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่ท่านเสด็จมาประดิษฐานที่วิหาร แล้วก็จะได้ทำบุญกับผู้สูงอายุ กับพวกผู้เฒ่าผู้แก่ แล้วก็ญาติโยมที่ทำงานให้กับชาวบ้าน พวกอสม. แล้วก็รปภ. ที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับหมู่บ้าน ตำรวจ สถานีตำรวจ อนุเคราะห์ให้ไปพัฒนาสถานีตำรวจทั้งในบ้าน พวกเรามีโอกาสก็ขอเชิญมาตั้งโรงทานด้วยกัน มาตั้งโรงทาน
ญาติโยมที่ปวารณามาตั้งโรงทานเอาไว้ก็ร่วม 20 กว่าโรง มีโอกาสก็ได้มาร่วมกัน โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ ต่อไปข้างหน้าหลวงพ่อก็จะพาตั้งโรงทานตลอด เดี๋ยวนี้กำลังขยายโรงครัวโรงอาหารให้ใหญ่ขึ้น แล้วก็ที่ทานข้าวทานปลาของทุกคนให้สะดวกสบายขึ้น เพื่อที่จะรองรับวันงาน แล้วก็ตั้งโรงทานตลอด
มีโอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ พากันมา อย่าว่าไม่มา ทำมากทำน้อยก็เป็นของเรา กายไม่ได้มาก็น้อมใจเข้ามาอนุโมทนาสาธุด้วย ให้เป็นอานิสงส์บุญ ก็ขอขอบคุณทุกคนช่วยกันทำ ทั้งชีก็ช่วยกันพระเราก็ช่วยกัน ช่วยกันหลายทางหลายฝ่าย เดินน้ำเดินสายน้ำประปาใหม่ มาช่วยกันเดินเพื่อที่จะรองรับไม่ให้น้ำขาดตกบกพร่อง เดินน้ำเดินไฟใหม่ ทางโรงอาหารโรงทานก็ขยายใหม่ ต่อไปข้างหน้าใครมาวัดมากราบไหว้ก็จะได้ไม่อดไม่อยาก ไม่หิวมีแต่ความอิ่ม จะตั้งโรงทานก๋วยเตี๋ยวด้วย มีให้เป็นประจำ หลักประจำโรงทาน อาหารต่างๆ ให้ยืนพื้นตลอด
วันที่ 16 ก็คงจะได้มาทำพิธีกันอยู่ที่ศาลาวิหารพระหยกของเรา หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านก็มาด้วย ทั้งเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ ท่านก็มาหมด มีโอกาสได้มาสร้างอานิสงส์ใหญ่สร้างบุญใหญ่
ก็ขอเชิญกันนะ ทุกคนทุกท่าน มีโอกาสอยากจะสร้างโรงทานก็ไปลงชื่อเอาไว้ โรงทานอาหารเราจะทำอาหารประเภทไหน กับข้าวกับปลา ผลหมากรากไม้ก็เอามาร่วมกัน ร่วมกันมาช่วยกันทำ ต่อไปข้างหน้าก็ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่อดไม่อยาก ไม่หิวไม่โหย เพราะว่าเราได้ทำเอาไว้ก่อน เรามีการทำบุญมีการให้ทานเอาไว้ก่อน จะอยู่ที่ไหนก็ไม่อดไม่อยาก ถ้าคนไม่เคยทำไม่มี ยิ่งไม่มีเท่าไรยิ่งอดยิ่งอยาก ยิ่งหิวเท่าไรก็ยิ่งอดยิ่งอยากๆ ทั้งอดทั้งอยากทั้งหิวทั้งโหย ถ้ามีความพร้อมไม่อดไม่อยาก นี่แหละให้พากันรีบทำ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะส่งผลถึงอนาคต เราทำบุญไว้ดีก็ส่งผลถึงอนาคต ไม่ได้ลำบาก
ความขยันหมั่นเพียร การชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเรา หลวงพ่อก็พยายามที่จะทำขณะที่กำลังกายยังพอมีไหวอยู่ ถ้าหมดกำลังแล้วก็คงจะไม่ได้ทำ เดี๋ยวนี้กำลังกายก็ร่อยหรอลงเต็มที กำลังวาจาก็หนุนให้หมู่ให้คณะเข้าไปทำ อยู่เบื้องหลัง เข้าไปทำเพื่อที่จะยังประโยชน์ให้กับมหาชน ให้กับคนหมู่มาก
ในวันข้างหน้า จากกองน้อยๆ นี่แหละ หลายจิตหลายใจหล่อหลอมรวมกัน ก็จะเป็นกองบุญอันมหาศาลในวันข้างหน้า ความเป็นสิริมงคลอยู่ที่ไหน เหล่ามนุษย์ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล เหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาทั้งหลายก็มากราบมาไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
อยากจะให้สูงขึ้นไปอีก ก็ประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตามคำสั่งสอนของท่าน ละกิเลสออกจากจิตจากใจของตัวเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ทำความเข้าใจกับหนทางเดิน หรือว่ามรรค มรรคก็คือหนทาง เดินอย่างไรถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง
การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างไร การควบคุมจิต ควบคุมอารมณ์ การปล่อยการวาง การเจริญพรหมวิหาร มองโลกในทางที่ดี อะไรที่เป็นอกุศลก็พยายามรีบละรีบดับ แม้ตั้งแต่คิด ให้ละอกุศลเจริญกุศล สูงขึ้นไปก็เจริญตั้งแต่กุศล สร้างตั้งแต่อานิสงส์ สร้างประโยชน์แต่ไม่ยึด ก็เลยอยู่กับบุญ กายของเราก็เป็นบุญ วาจาของเราก็เป็นบุญ ใจของเราก็อยู่กับบุญ สนุกสร้างบุญอิ่มบุญตลอดเวลานั่นแหละ ก็ต้องพยายามรีบๆ กัน อย่าไปปิดกั้นตัวเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็รีบสำรวจจิต สำรวจกาย สำรวจภาระหน้าที่ของเราให้เรียบร้อย นั่นก็ได้บุญแล้ว
มีโอกาสเราก็น้อมกายของเราเข้ามาวัดมาทำบุญให้ทาน ถวายทานทางด้านวัตถุทาน ใจก็มีความสุขระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ใจก็อิ่มปีติเบิกบาน ถ้าคนเราไม่เคยสร้างบุญ ไม่เคยสร้างอานิสงส์ ไม่เคยทำบุญให้ทาน จะระลึกนึกถึงเท่าไรก็ไม่เจอ เพราะไม่เคยทำ
อย่าไปมองข้ามว่าอานิสงส์ผลบุญไม่มี… มี…. อานิสงส์ผลบุญมีจริง บาปบุญคุณโทษมีจริง นรกสวรรค์ก็มีจริง วันพรุ่งนี้ก็มี วันเมื่อวานนี้ที่ผ่านมาแล้วก็มี โลกหน้ามี
ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ตรงนี้ ให้เรารู้ใจของเราให้ได้เสียก่อน แยกรูปแยกนาม เดินปัญญา ละวิบากกรรมให้ได้เสียก่อน ให้อยู่เหนือวิบากกรรม ให้อยู่เหนือกรรม กรรมเก่าก็ตามไม่ทัน กรรมใหม่ก็ไม่ยึด เราก็จะอยู่กับบุญ มองเห็นหนทางว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิด ก็ต้องพยายามเอา ไม่เหลือวิสัย
ตราบใดที่จิตยังไม่หลุดพ้นก็ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน ไม่เห็นแก่หลับแก่นอนแก่กิน มีความขยันมีความรับผิดชอบมีความเสียสละ สักวันหนึ่งก็จะส่งผลให้เราเดินถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ ก็ต้องพยายามกัน
วันนี้พระเราหลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ ส่วนหนึ่งก็ไปช่วยคุณโยมโยธินท่านไปลงสายน้ำประปาหน่อยนะ ช่วยกันญาติโยมเราว่างก็ช่วยกัน พระเรา ก็พวกเรานั่นแหละได้รับความสงบได้รับความสุข ใครไปใครมาก็ได้รับความสุขสบาย ส่วนหนึ่งก็ช่วยทางโรงอาหารทางโรงครัวขยายโรงทาน อย่าไปเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น มาอยู่ด้วยกันก็ให้เชื่อฟัง ถ้าบอกไม่เชื่อฟังแล้วก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็บอกให้เชื่อฟัง อย่าไปดื้อรั้น ถ้าดื้อรั้นแล้วก็ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุข
ในเมื่อเราปวารณาตัวเข้ามาเพื่อที่จะมาฝึกฝนตนเอง ละกิเลส ละมานะทิฏฐิ อยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านหลายองค์ก็ให้มีตั้งแต่พรหมวิหาร มีตั้งแต่ความเมตตา อยู่ด้วยกันก็จะมีตั้งแต่ความสุข เหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนพ่อเหมือนแม่
การชำระสะสางกิเลสก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ว่าเราจะละได้มากละได้น้อยก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา การฝึกฝนตนเองอย่าให้คนอื่นได้บังคับ เราต้องบังคับตัวเราแก้ไขตัวเรา เราก็จะเข้าถึงธรรมได้เร็วได้ไว ถ้าไปมัวตั้งแต่ให้คนอื่นเขาบังคับ ไม่มีวันที่จะเดินถึงจุดหมายปลายทางได้ มีตั้งแต่คนโง่เท่านั้นแหละชอบให้คนอื่นบังคับ คนฉลาดนี่เขาสอนตัวเองแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเอง เพียงแค่รู้ทางนิดเดียว เร่งทำความเพียร ทำความเข้าใจให้ถึงจุดหมายให้เร็วให้ไว ตัดความลังเลความสงสัยความกังวลออกไป เดินตามทางที่พระพุทธองค์ท่านชี้แนะแนวทางให้
ศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยเป็นอย่างไร การสร้างสติสร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเป็นอย่างไร การควบคุม การแยกรูปแยกนาม หมดความสงสัย มีตั้งแต่จะทำความเพียรให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว ไม่ต้องไปติดอยู่ตรงโน้นไปติดอยู่ตรงนี้ หมั่นสร้างอานิสงส์สร้างบารมี คนที่ได้อานิสงส์มากมายก็คือคนที่มีความเสียสละอย่างยิ่งยวด เสียสละทั้งภายนอก เสียสละทั้งภายใน
จะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง มีคณะปฏิบัติธรรมอยู่กลุ่มใหญ่ วันเสาร์วันอาทิตย์ก็จะพากันไปปฏิบัติธรรมเป็นร้อยๆ แล้วก็มีครูบาอาจารย์ไปสอนให้ อบรมธรรมกัน ปฏิบัติธรรมกันอยู่บนตึก 2-3 ชั้น มีห้องโถงใหญ่ๆ เปิดแอร์เปิดพัดลมเย็นสบาย ถึงเวลาแล้วก็ไปนัดกันไปปฏิบัติธรรม แล้วก็มีคนฝึกอบรมให้พาเดินพานั่ง
แต่มีอีกคนหนึ่งไม่ได้เข้าฟังธรรม ไม่ได้เข้าไปฟังธรรมเพราะไม่มีโอกาส โอกาสไม่มีเพราะว่าอยู่โรงครัวทำกับข้าวกับปลาเลี้ยงญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม มีตั้งแต่ความอิ่มความปีติความสุขว่าตัวเองได้ทำกับข้าว ทำกับข้าวกับปลาให้บุคคลให้ญาติโยมที่มา ให้คนหมู่มากที่มาฟังธรรมมาปฏิบัติธรรมได้มีโอกาสได้ฟังธรรม มีตั้งแต่อยู่ครัว ขลุกอยู่ตั้งแต่ครัว อยู่กับเตาถ่านอยู่กับความร้อน แต่ใจมีตั้งแต่ความเย็น มีตั้งแต่ความสุขว่าตัวเองได้ทำบุญ ได้อนุเคราะห์ ได้มีความเสียสละ ใจเป็นบุญ ใจเป็นธรรม แต่ไม่มีสติปัญญาที่ไปรู้ว่านั้นคือธรรม
ไอ้คนที่ไปนั่งอบรมปฏิบัติธรรม มีตั้งแต่ความกังวลมีตั้งแต่ความลังเล ใจก็เลยไม่สงบ ไอ้คนที่อยู่ในโรงครัว กลับมีตั้งแต่ความสุข เพราะว่ามีตั้งแต่ความเสียสละ ได้บุญ ช่วงที่แม่ครัวคนนั้นอยู่กับครัวมาตั้งแต่เป็นสาวจนอายุถึง 70 กว่า ไม่ได้เข้าไปมีโอกาสได้ไปนั่งฟังธรรมได้ปฏิบัติกับหมู่กับคณะเลย ท่านมรณภาพไป เอาไปเผา อัฐิของท่านจนกลายเป็นพระธาตุ
เพราะว่าอะไร เพราะว่าจิตของท่านปล่อยวางหมด ปล่อยวางหมด ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น มีแต่ความสุข แต่ท่านไม่รู้ว่านั่นคือตัวธรรม อันนั้นคือองค์ธรรม สภาพกายเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ซักฟอกของเขา สภาพจิตก็ไม่มีความยึดมั่นเพราะมีตั้งแต่ความสุขในการทำ มีความเสียสละคนที่ปฏิบัติธรรมก็เลยได้ไม่เท่าท่านเลย นั่นแหละคนที่ได้อานิสงส์มากก็คือแม่ครัว ก็ต้องพยายามเอา ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่ง ลองดูซิ ตามความเป็นจริงเราต้องทำความเข้าใจตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แล้วก็หมั่นวิเคราะห์จิตของเรา หมั่นวิเคราะห์กายของเราให้ได้ทุกอิริยาบถ ถ้าความรู้สึกตัวพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ เพียงแค่เราเริ่มให้ต่อเนื่องพวกเราก็ยังไม่ค่อยจะทำกันให้ต่อเนื่องกัน
เราต้องพยายามทำให้ต่อเนื่อง ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ รู้ให้ชัดแจ้งว่าอันนี้คือความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ส่วนจิตนั้นเขาก็เกิดๆ ดับๆ เราก็พยายามกระตุ้นความรู้สึกที่การหายใจเข้าออก จิตก็จะกลับมาอยู่กับการหายใจเข้าออก สงบระงับตั้งมั่นอยู่ในกายของเรา เวลาจะคิดพิจารณาส่วนสติส่วนปัญญาส่วนสมองก็จะเป็นตัวคิด ตัวจิตก็จะรับรู้ แต่เวลานี้จิตทั้งเกิดด้วย ส่งออกไปภายนอกด้วย ทั้งหลงด้วย
ตราบใดที่ยังแยกจิตออกจากความคิดไม่ได้นี่หลง หลงในส่วนลึกๆ ซึ่งเป็นนามธรรมด้วยกัน แต่ในสภาพสมมติ เราก็ว่าเรายังไม่ได้หลงอยู่ เพราะว่าเราไม่หลงอยู่ แต่ในหลักธรรมแล้วต้องคลายเสียก่อน แยกได้ตามรู้ได้ ดูเห็นตามความเป็นจริงได้นั่นแหละ ถึงจะคลายความหลงได้
ความหลงนี่เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนลุ่มลึก ต้องมีกำลังสติปัญญาที่แหลมคม แล้วก็อานิสงส์บารมีในการสังเกตในการวิเคราะห์ แต่ทุกคนก็สร้างบารมีกันมา บารมีตั้งแต่ความเสียสละ ความอดทน ผ่านกาลผ่านเวลา มีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดี มีความเสียสละ มีพรหมวิหารอยู่ในระดับหนึ่ง อันนี้เป็นการสร้างบารมีอยู่ระดับของสมมติ แต่ยังขาดการสร้างสติเข้าไปแยกรูปแยกนาม ถ้าเปรียบเสมือนกับการขึ้นบันไดก็ขึ้นเกือบจะถึงตัวเรือน แต่ไม่ยอมก้าวเข้าไปในตัวเรือน ทำความสะอาดตัวเรือน ก็มีตั้งแต่ขึ้นได้ 6-7 ขั้น แล้วก็ถอยลงมา 6-7 ขั้น แล้วก็ถอยลงมา อยู่ในกองบุญกองกุศล ก็ความเพียรทางด้านการเจริญสติการเจริญปัญญาเข้าไปแยกรูปแยกนามไม่มีกำลังเพียงพอ
เราก็ต้องไปพยายามกันนะ พยายามกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา เจริญพรหมวิหารให้มากๆ มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำความเข้าใจกับสมมติ เคารพสมมติ เราอยู่กับสมมติ กายของเรานี่แหละเป็นก้อนสมมติ เราหนีสมมติไม่ได้หรอก โน่นแหละ หมดลมหายใจนั่นแหละ จึงจะได้วางสมมติ ให้เราวางขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราไปแยกรูปแยกนาม ทำความเข้าใจภายใน
อะไรคือนามธรรมอะไรคือรูปธรรม อะไรคือลักษณะของอัตตา อะไรคือลักษณะของอนัตตา เหมือนกับน้ำกลิ้งอยู่บนใบบอน เหมือนกับฝ่ามือกับหลังมือ เขาก็อยู่ด้วยกันแต่เขาก็อยู่กันคนละด้าน ถ้าเรามองดูฝ่ามือของเรา ถ้าเราคว่ำลงฝ่ามือก็อยู่ข้างล่างหลังมือก็อยู่ข้างบน จิตก็เปรียบเสมือนกับฝ่ามือ สมมติก็เปรียบเสมือนกับหลังมือ ถ้าเราแยกจิตออกจากความคิดได้ จิตก็จะพลิกขึ้นมาอยู่ข้างบน
นั่นแหละวิมุตติก็ปรากฏ หลังมือก็อยู่ข้างล่างสมมติก็อยู่ข้างล่างก็อยู่ด้วยกัน ฝ่ามือกับหลังมือก็อยู่ด้วยกัน เพียงแค่เราพลิกเราแยกให้ได้ ให้รู้ให้เห็น แล้วก็ทำความเข้าใจ แล้วก็ละกิเลสต่างๆ ออก หลวงพ่อก็พูดของเก่า เล่าของเก่าอยู่นี่แหละ เพราะว่าไม่มีอะไรจะเล่า ไม่มีอะไรมากมายเลยในร่างกายของมนุษย์เรา ก็ต้องมาดูตรงนี้ ถ้าไม่เล่า เล่าอย่างอื่นหลวงพ่อก็ไม่เล่า เพราะว่ามันไม่ใช่หนทางดับทุกข์ ก็เล่าตั้งแต่ของเก่าเนี่ยแหละ พวกท่านก็ยังไม่ไปทำให้ต่อเนื่องกัน แม้ตั้งแต่เรื่องการเจริญสติการทำความเข้าใจก็ยังทำไม่ได้ต่อเนื่องกัน
ก็ต้องไปทำให้เห็นด้วย รู้ด้วย เข้าถึงด้วย แม้แต่เรื่องการหายใจเข้าออกก็ยังรู้ไม่ต่อเนื่อง แม้แต่เรื่องรับประทานอาหารก็ยังไม่สังเกตดูให้รู้ทุกเรื่อง ว่ากายหิวหรือจิตเกิดความอยาก ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาความรู้ตัวต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง หรือว่าจิตส่งออกไปข้างนอก สักกี่เรื่องสักกี่เที่ยว เป็นกุศลหรือว่าอกุศล ใครเคยมาวัดก็ได้ยินตั้งแต่หลวงพ่อพูดของพวกนี้อยู่ตลอด
ถ้าไปทำตาม ไม่เห็นจากน้อยๆ ไปหามากๆ ตามทำความเข้าใจดู ก็จะเห็นอะไรรายละเอียดลงไปอีกเยอะ ไม่ต้องไปเห็นอะไรมากมายหรอก ให้เข้าถึงตรงจุดนี้ให้ได้ สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องกลัวจะไม่มีปัญญา ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รู้ธรรมถึงธรรมหรอก ถ้าเราเห็นเราแล้วเราก็มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เราชนะเราก็ชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ต้องพยายามเอาขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ สนุกสร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้กับตัวเรา บุญภายนอกเราก็ทำ บุญภายในเราก็ทำ อยู่กับบุญ
สร้างสติระลึกรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนนะ