หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 122

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 122
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 122
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 122
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 6 ตุลาคม 2556

คณะพี่น้องเรา คุณหมอหรือว่านายแพทย์ หรือว่าแพทย์หญิง มาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นคนมีบุญ มีบุญมากมาย เรียนจบ เรียนจบได้ทำการทำงาน อายุยังหนุ่มยังแน่น ทำงานให้ได้ประโยชน์ให้มาก ทำงานอยู่ได้ช่วยเหลือคน เป็นคนมีบุญสร้างบุญมาดี ได้มีโอกาส ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านการศึกษามา ผ่านวิบากกรรมทางสมมติ ได้เรียนจบทีนี้ก็มาเรียนต่อ เรียนมา มาเรียนต่อเฉพาะทางใช่ไหม เอาให้เก่งๆ เอาให้จบเอกไปเลย ด็อกเตอร์ภายใน ด็อกเตอร์ข้างนอกสมมติก็ให้จบ

ทีนี้ด็อกเตอร์ภายในมาศึกษาที่ป่าช้า เอากายเข้ามาศึกษาดู สติปัญญาทางสมมติก็เป็นอัจฉริยะกัน สติปัญญาในทางธรรมเราต้องมาทำความเข้าใจ มาศึกษา มาค้นคว้าวิบากกรรมต่างๆ ทางสมมติ เรียนจบนั่นแหละวิบากกรรมสมมติมันคลายได้เปราะหนึ่ง ทีนี้ใจของเราคลายออกจากความคิดแล้วหรือยัง ตรงนี้แหละสำคัญ

การขับเคลื่อน ตัวใจเป็นตัวขับเคลื่อน หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจเป็นตัวขับเคลื่อน หรือว่าส่วนสมองส่วนปัญญาเป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนมากจะรวมกันไปหมด ตัวใจตัวความคิดเป็นตัวขับเคลื่อนของสติปัญญาของสมองเลยรวมกันไปหมด ขาดการจำแนกแจกแจงก็เลยไม่เข้าใจในชีวิตที่แท้จริง เข้าใจในด้านเดียวเฉพาะด้านทางสมมติ ทางด้านวิมุตติก็เลยขาดความเข้าใจที่ต่อเนื่อง ก็จะรู้อยู่เป็นบางช่วง บางครั้งบางคราว ต้องให้ได้ทั้งสองอย่าง

ทำงานไปด้วย ใจสงบสะอาดบริสุทธิ์ไปด้วย เรียนไป ด้วยมีความสุข ไม่ใช่ว่าใจมุ่งพุ่งไปอย่างเดียว ต้องให้ใจเป็นเอกเป็นหนึ่งรับรู้ รับรู้อยู่ภายในว่าเรากำลังทำอะไร รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดีอยู่ในระดับของสมมติ ตรงนี้พากันเรียนเก่ง ขยันหมั่นเพียร แต่การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม เขามี ได้ยินคนมาพูดให้ฟังหลายคนอยู่ บางคนเรียนหมอ เรียนพยาบาล เรียนหมอเรียนพยาบาลนี่ได้กลัวผี มีกำไรชีวิต กลางคืนดึกๆ ลองเดินไปที่ห้องเก็บศพ เดินขึ้นเฉื่อยๆ ฉากไปก็ได้ อากาศก็โล่งก็โปร่ง ใจก็จะโล่งโปร่งเย็นสบาย เดินไปคนเดียวนะ เดินไปเฉียดๆ เสียก่อน ใจมันจะเกิดความกลัวก็จะเห็น ทั้งที่อยู่กับศพนั่นแหละ ทั้งที่เราผ่าศพอยู่กับศพ เรียนศึกษาดูอันโน้นอันนี้เก่ง แต่เวลาเอาจริงๆ แล้ว ใจมันจะเกิดความกลัว ขาดที่พึ่ง เราสร้างสติเป็นที่พึ่งของใจ เดินเฉียดๆ ห้องเก็บศพเสียก่อน

ถ้ามันกลัวเราก็รู้จักดับ ใช้สมถะดับ อยู่กับการเดินบ้าง อยู่กับลมหายใจบ้าง ความกล้าหาญของใจก็จะมีขึ้น ถ้ามันไม่มีความกลัวความกล้าหาญมีขึ้น ก็แอบเปิดประตูเข้าไปดูศพ ศพโน้นบ้างศพนี้บ้างที่เขาคลุมผ้าเอาไว้ ไปคลี่ไปดู แอบดูอยู่คนเดียว ใจจะเกิดความกล้าหาญ ใจจะปรุงแต่งเราก็รู้จักควบคุมให้สติปัญญาเป็นตัวขับเคลื่อน อันนี้เพียงแค่การสร้างสติกับใจเท่านั้นเองนะ การสร้างกำลังใจ การสร้างความหนักแน่นของใจ ส่วนมากก็มีตั้งแต่ตัวใจเป็นตัวบงการ เป็นตัวกำหนด ใจกับขันธ์ ความคิดที่ไม่ตั้งใจเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์ เราอาจจะเอาความถูกผิดชั่วดีอยู่ระดับของปัญญาของโลกีย์ ถ้าเรารู้จักเห็นใจของเราชัดเจน เราก็รู้จักสร้างใจของเราให้มีกำลังให้มีพลัง

คนเราถ้ามีความกลัวนี่ใจไม่มีกำลัง ต้องละความกลัวออกมันหมด แล้วก็ดับความเกิดออก ดับความเกิดให้ได้ ถ้าใจยังเกิดนี่เขายังหลงอยู่ ยังหลงเกิดอยู่ เราต้องดับความเกิดของใจให้ได้ รู้จักสร้างสติให้ต่อเนื่อง ความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง แต่ส่วนมากจะเอาตั้งแต่ปัญญา ตัวใจเป็นตัวขับเคลื่อน เราก็เลยขาดการรู้แจ้งกันจริงว่าในกายของเรานี้มีอะไรบ้าง สิ่งที่มีวิญญาณหรือว่าใจเข้ามาครอบครอง ลักษณะของวิญญาณที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่วิญญาณที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ทำไมวิญญาณถึงเกิด ทำไมวิญญาณถึงหลง กำลังสติของเราจะตามทำความเข้าใจ หมั่นพร่ำสอนใจ ชี้เหตุชี้ผล ให้ใจมองเห็นความเป็นจริง รู้จักดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง

อยู่กับสมมติ อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ทันที อะไรควรละ อะไรควรเจริญ ลมหายใจเข้าออกเป็นอย่างไร คนอยู่เนื่องด้วยลมหายใจเข้าออก หายใจหยาบหายใจละเอียดเป็นอย่างไร เวลาจะรับประทานข้าวปลาอาหาร กายหิวหรือว่าใจของเราเกิดความอยาก หรือพุ่งไปด้วยความอยาก สมัยเป็นเด็กนักเรียน ต้นเดือนรู้สึกว่าอะไรก็สบาย พอปลายเดือนก็ต้มไข่กับมาม่าแล้วมั้งเนี่ย เป็นคนมีบุญได้เรียนจบแล้วก็รู้จักพิจารณาประหยัดมัธยัสถ์ รู้จักหา รู้จักใช้ ส่งกับธนาคารบ้างหรือเปล่า หรือว่ามีตั้งแต่ไปเบิกไปยืม นอนหลับอยู่ก็เรียกขึ้นมาเบิก

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราหยุดไม่ได้ เราละไม่ได้ ก็ขอให้หยุดขณะที่กำลังฟังอยู่นี่แหละ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก

อุบายในการสร้างความรู้ตัว หรือว่ารู้การหายใจเข้าหายใจออก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิ การสูดลมหายใจ หายใจยาวมีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา เวลาลมหายใจเข้าหายใจออกอย่าไปบังคับ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็มองข้าม จะไปเอาตั้งแต่ปัญญาขั้นสูงๆ อยากจะไปเอาตั้งแต่ความรู้สูงๆ ความรู้อยู่ที่กายของเรา พยายามรู้ให้เท่าทันจากน้อยๆ ไปหามากๆ เราไม่เข้าใจเท่าไร เราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรในการสร้างความรู้ตัว สร้างกำลังสติ รู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้ต่อเนื่อง

คำว่า ปัจจุบันธรรม คือทุกขณะลมหายใจเข้าหายใจออก อันนี้เขาเรียกว่า ปัจจุบันธรรม ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเราก็จะรู้เท่าทันเวลาใจของเราเกิด เวลาใจของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ รู้จักหยุด เวลาความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเรา หรือว่าอาการของขันธ์ห้ามีกันทุกคน บางคนก็มีมากบางคนก็มีน้อย ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงตรงนี้ เราก็ต้องอาศัยปัญญาของผู้รู้ คืออาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ ค่อยศึกษา ค่อยค้นคว้า ค่อยทำความเข้าใจ ค่อยปรับสภาพกายสภาพใจของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ใจของเรามีความแข็งกระด้าง หรือว่ามีความอ่อนน้อม เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเราหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมต่อหมู่ต่อคณะ ความกตัญญูกตเวทีของเรามีเต็มเปี่ยมหรือเปล่า ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น กาลเวลาต่างๆ เราต้องศึกษา เราต้องค้นคว้า

เราทุกคนเป็นบุคคลที่มีบุญมาก่อนถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่เขาเรียกว่าอยู่ในภพ ภพของมนุษย์แต่ก็ยังหลงอยู่นะ ถ้าไม่เกิดก็ไม่หลง แต่มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ในกายของเรานี่มีอะไรดีๆ เยอะ ท่านให้เจริญสติเข้าไปอบรมใจ หมั่นพร่ำสอนใจ ชี้เหตุชี้ผล ให้ใจมองเห็นความเป็นจริง ใจก็จะไม่เป็นทาสของกิเลส ใจก็จะไม่ได้เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ อันนี้เป็นรายละเอียดของส่วนรูปธรรม ของนามธรรม ของนามธรรม เราอาจจะมองเห็นตั้งแต่ส่วนรูป รู้อยู่ในส่วนนาม แต่ไม่เห็นลักษณะหน้าตาอาการของเขาจริงๆ ก็เลยเข้าใจอยู่ในระดับของโลกียะ เข้าใจอยู่ในระดับของสมมติ รับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดีอยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง ก็เป็นสิ่งที่ดี

บุคคลที่มีสติ มีปัญญา มีความเพียร ย่อมจะเดินถึงจุดหมายปลายทางทั้งทรัพย์ภายนอกทรัพย์ภายใน อริยทรัพย์ ทรัพย์ภายในเป็นอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่สะอาดบริสุทธิ์เป็นอย่างไร แนวทางนั้นมีอยู่หมดตำราผืนใหญ่อยู่ที่กายของเรา เราพยายามมาศึกษา มาค้นคว้า เห็นเหตุเห็นผล แล้วก็ให้ชี้ให้ใจของเรามองเห็นความเป็นจริง จนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ นั่นแหละเขาถึงจะปล่อย ถึงจะวาง วางอยู่ในกายของเรานี่แหละ สมมติกับวิมุตติก็อยู่ด้วยกัน โลกกับธรรมก็อยู่ด้วยกัน ขอให้เราทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ขอให้เราทำหน้าที่ให้ดี สักวันหนึ่งเราคงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกันนะ

ลองสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก เราก็ยังขาดการรู้ที่ชำนาญ แต่ปัญญาส่วนอื่นนั้นมีกันเต็มเปี่ยม ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถถึงจะถูกต้อง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง