หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 62
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 62
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 62
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง ถึงเราสร้างความรู้ตัวไม่ต่อเนื่องกันทั้งวัน ถึงเราเอาเจริญสติเอาไปใช้กับชีวิตประจำวันของเราไม่ได้ ก็ขอให้ทำความเข้าใจ รู้จักสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกัน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ อารมณ์ต่าง ๆ พันธะภาระหน้าที่การงานต่างๆ อย่าเพิ่งเอาเก็บมาคิด ให้หยุดเอาไว้เสียก่อน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้คิด ได้คิดแน่นอนแหละ เพราะว่าความเคยชินของใจมันเกิดอยู่ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา นอนหลับมันก็ยังไป ถ้าคนไม่ได้ฝึก
ในหลักธรรมท่านบอกว่าคิดให้เป็นทำให้เป็น แต่เราต้องรู้ความคิดรู้อารมณ์ของเราให้ได้เสียก่อน เราต้องสร้างความรู้ตัว ส่วนใจนั้นเป็นธาตุรู้ แต่เวลานี้เขายังหลงอยู่ ทั้งหลงทั้งรู้ แต่มันรู้แบบหลงๆ รู้แบบยังเกิดยังยึดอยู่ เราต้องมาสร้างความรู้ตัวเข้าไปหมั่นอบรมใจของเรา ไปแก้ไขใจของเรา ว่าแต่ละวันตื่นขึ้นมาจิตใจของเราเป็นอย่าง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความแข็งกระด้าง หรือว่ามีความฟุ้งซ่าน เรารู้จักหยุดรู้จัก รู้จักระงับยับยั้ง รู้จักวิเคราะห์พิจารณาหรือไม่ ก็ต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่สอนตัวเราแล้ว ไม่ได้เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนตัวเราแล้ว ไม่มีใครจะสอนเราให้ได้หรอก
อะไรผิดอะไรถูก เพียงแค่ระดับของสมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้บริบูรณ์ก็จะส่งผลทางวิมุตติ สมมติภายนอกของเราความเป็นอยู่โลกธรรมของเรา เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดี ทุกคนก็มีบุญแล้วแหละถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้เราก็มาวิเคราะห์มาทำความเข้าใจเสียให้ถูกต้องตามหลักของความเป็นจริงของชีวิต ว่าการเกิดมาคนเราเกิดมาแล้วเกิดมาทำไม อยู่อย่างไร ไปอย่างไร กายแตกดับแล้วจะไปอย่างไรเราอยู่กับยมทูตตลอดเวลา ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มาเตือนเรานี่แหละคือยมทูตมาเตือนเรา เราก็ต้องมาวิเคราะห์พิจารณา ทำใจของเราให้รู้ความเป็นจริง แล้วก็ไม่หลงไม่ยึด แล้วก็บริหารสมมติของเราให้ดีเสียขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดลมหายใจแล้ว เราก็มีตั้งแต่ไปเสวยอานิสงส์แห่งบุญ ตราบใดที่ใจของเรายังเกิดอยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนแสวงหากันมาเต็มเปี่ยม ไปปฏิบัติธรรมที่โน่นบ้างทีนี่บ้าง อันนั้นเป็นแค่เพียงไปหาวิธีหาอุบายหาประสบการณ์ ถ้าบุคคลที่มีสติมีปัญญาแล้วก็ปฏิบัติลงที่กายที่ใจของตัวเราเอง รีบแก้ไข นอกนั้นก็เปลี่ยนบรรยากาศ ว่าใจของเราขณะนี้มีกิเลสเกิด กิเลสสักกี่เที่ยวสักกี่ครั้ง ใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง เราเจริญสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้หรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ไม่ใช่ว่าไปขึ้นอยู่กับอาจารย์องค์โน้นอาจารย์องค์นี้ สติปัญญานั่นแหละ เป็นครูบาอาจารย์คอยตรวจสอบใจของเรา
แนวทางนั้นมีพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย เอามาจำแนกแจกแจงว่ากายของเรานี้มีอะไรบ้างที่ท่านเรียกว่าขันธ์ห้า ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง มันหลงนั่นแหละถึงได้มาเกิด แต่มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ กายเนื้อก็มีแล้วแต่ยังเกิดต่อ แต่ยังอาศัยพบมนุษย์อยู่ แถมยังเป็นทาสของความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานยาก เต็มอัตราศึกอีก ยังสมมติเข้ามาครอบงำใจของเราอีก เราต้องสะสางออกให้กลับคืนสู่สภาพเดิม คือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ต้องขัดต้องเกลา ต้องหมั่นสอนใจของเราตลอดเวลา สตินี่ก็จะเป็นเพื่อน หมั่นพร่ำสอนใจของเรา เราก็จะได้ไม่เหงา เจริญสติเขาเป็นยิ่งคู่มิตรชิดอยู่กับใจ ใจรับรู้สติปัญญาหมั่นพร่ำสอนอยู่ตลอดเวลา เราก็จะมีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ
แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เราก็ต้องพยายามนะ อย่าไปทิ้งบุญ อย่าไปทิ้งวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็จะเข้าถึงความหมายของชีวิตของเรา แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรายังประโยชน์อะไร ประโยชน์ภายนอกประโยชน์ภายในประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์สูงสุดในชีวิตประจำวัน และก็ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า มีหมด วันนี้มี วันพรุ่งนี้มี เดือนหน้ามี ปีหน้ามี ภพหน้ามี ทุกคนเกิดมาด้วยแรงกรรมทั้งนั้น หลงมาทั้งนั้น เรามาวิเคราะห์ให้ดีๆ เราก็จะได้มองเห็นหนทางเดิน อะไรผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขให้มันดีเสีย ใช้ชีวิตให้มันมีความสุขขณะที่ยังมีลมหายใจ
เมื่อวานนี้ก็ช่วยกันหลายสิ่งหลายอย่าง ช่วยกันทุกวัน ทั้งพระทั้งชีทั้งโยม ช่วยกันยังประโยชน์กับสมมติตรงนี้ หลวงพ่อก็จะพา ปีหน้าก็จะพาฉลองสมโภชใหญ่ ก็คงจะเป็นประมาณช่วงก่อนวันมาฆะช่วงกัลปพฤกษ์ ต้นกัลปพฤกษ์ออกดอกเต็มสวนมะลิวัลย์นั่นแหละ ก็จะได้พาฉลองสมโภชใหญ่ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจะบรรลุเป้าหมาย ในการอย่างสมมติตรงนี้ให้เป็นสิริมงคลของชีวิตของทุกคน ทั้งพระบรมสารีริกธาตุก็ได้อัญเชิญมา ทั้งพระพุทธรูปหยกใหญ่ องค์หลวงปู่ใหญ่ สถานที่ต่างๆ ก็ด้วยอำนาจแรงบุญของทุกคนหล่อหลอมรวมกันจนเป็นแหล่งบุญใหญ่ ทีนี้ก็คงจะสำเร็จลุล่วงลงไป ก็คงจะเหลืออีกไม่มากที่จะบรรลุเป้าหมาย ก็คงจะเหลืออยู่ที่สถานที่ของเราเล็กน้อย
การทำโรงทาน เมื่อวานนี้ก็พากันช่วยกันเทเสา ผูกเสา มัดเสา มัดคาน มาตั้งรากฐานของศาลาโรงทานกัน วันนี้ก็คงจะได้มัดคานเทคาน ช่วยกันก่อเสาอีก ส่วนทางศาลารวมญาติโน้น ก็พากันเช็ดเหล็ก พากันเช็ดเหล็กย้อมเหล็ก ก็เพื่อที่จะมาทำศาลาโรงทานกัน กะว่าให้ทันงานฉลองสมโภช ทุกคนก็จะได้มีความสุข มีที่อยู่ที่นั่ง ที่กินที่ทาน ที่สะดวกสบาย ในทางสมมติก็อนุเคราะห์ส่งผลถึงทางด้านจิตใจ นี้แหละคือหลักของการปฏิบัติ ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยม ถ้าไม่มีความเสียสละ เราก็คงจะทำไม่ได้ ถ้าการกระทำทางสมมติของเราไม่บริบูรณ์ สมมติเราก็ลำบาก ถ้าสมมติของเราขาดตกบกพร่อง ลองสิที่พักที่อาศัยของเราไม่เพียบพร้อมมันก็ลำบากทางกาย ที่พักที่อาศัยที่อยู่ที่หลับที่นอน ที่ถ่ายที่เยี่ยว ปัจจัยสี่ของสมมติไม่บริบูรณ์ จะไปปฏิบัติธรรมที่ไหนมันก็พร่อง ถ้าสมมติของเราเต็มแล้วอยู่ที่ไหนก็มีความสุข
เรามายังสมมติให้เต็มบริบูรณ์ก็ส่งผลทางวิมุตติ จิตใจก็พลอยสะดวกสบายไปด้วย คนเราทั่วไปก็ยากที่จะทำความเข้าใจตรงนี้ เพียงแค่สมมติบางครั้งบางคราวก็ขาดตกบกพร่อง แม้แต่สภาพตัวของเราสมมติก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องพยายามช่วยกันประคับประคอง อะไรที่ไม่ดีเราก็ทำให้ดีเสีย มันก็จะดีขึ้นๆ ไป ลึกลงไปกระทั่งจิตใจของเรา ถ้ามองโลกในทางไม่ดีเราก็พยายามกำจัด จิตใจของเรามีมลทินหรือว่ามีอคติมีกิเลส เราก็พยายามละพยายามกำจัดออกจากจิตจากใจของเรา เราละกิเลสได้ เราไม่อยากจะได้ความสงบเราก็ได้ เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้ ทว่าใจไม่มีกิเลส ใจที่ปราศจากการเกิดเขาก็นิ่ง เขาก็ว่าง เขาก็โล่ง
แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ ยังหลงอยู่ เพียงแค่ระดับสมมติมันก็ยังแก้ไขปัญหาของสมมติยังไม่เด็ดขาด จะไปแก้ไขปัญหาทางด้านวิมุตติก็ต้องอาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียรที่ต่อเนื่องค่อยแก้ไขทั้งข้างนอกทั้งข้างใน ก็จะส่งผลถึงอนาคต ปัจจุบันก็ดี อนาคตก็จะออกมาดีเอง ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจวิเคราะห์กันเอา
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง ถึงเราสร้างความรู้ตัวไม่ต่อเนื่องกันทั้งวัน ถึงเราเอาเจริญสติเอาไปใช้กับชีวิตประจำวันของเราไม่ได้ ก็ขอให้ทำความเข้าใจ รู้จักสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกัน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ อารมณ์ต่าง ๆ พันธะภาระหน้าที่การงานต่างๆ อย่าเพิ่งเอาเก็บมาคิด ให้หยุดเอาไว้เสียก่อน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้คิด ได้คิดแน่นอนแหละ เพราะว่าความเคยชินของใจมันเกิดอยู่ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา นอนหลับมันก็ยังไป ถ้าคนไม่ได้ฝึก
ในหลักธรรมท่านบอกว่าคิดให้เป็นทำให้เป็น แต่เราต้องรู้ความคิดรู้อารมณ์ของเราให้ได้เสียก่อน เราต้องสร้างความรู้ตัว ส่วนใจนั้นเป็นธาตุรู้ แต่เวลานี้เขายังหลงอยู่ ทั้งหลงทั้งรู้ แต่มันรู้แบบหลงๆ รู้แบบยังเกิดยังยึดอยู่ เราต้องมาสร้างความรู้ตัวเข้าไปหมั่นอบรมใจของเรา ไปแก้ไขใจของเรา ว่าแต่ละวันตื่นขึ้นมาจิตใจของเราเป็นอย่าง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความแข็งกระด้าง หรือว่ามีความฟุ้งซ่าน เรารู้จักหยุดรู้จัก รู้จักระงับยับยั้ง รู้จักวิเคราะห์พิจารณาหรือไม่ ก็ต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่สอนตัวเราแล้ว ไม่ได้เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนตัวเราแล้ว ไม่มีใครจะสอนเราให้ได้หรอก
อะไรผิดอะไรถูก เพียงแค่ระดับของสมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้บริบูรณ์ก็จะส่งผลทางวิมุตติ สมมติภายนอกของเราความเป็นอยู่โลกธรรมของเรา เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดี ทุกคนก็มีบุญแล้วแหละถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้เราก็มาวิเคราะห์มาทำความเข้าใจเสียให้ถูกต้องตามหลักของความเป็นจริงของชีวิต ว่าการเกิดมาคนเราเกิดมาแล้วเกิดมาทำไม อยู่อย่างไร ไปอย่างไร กายแตกดับแล้วจะไปอย่างไรเราอยู่กับยมทูตตลอดเวลา ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มาเตือนเรานี่แหละคือยมทูตมาเตือนเรา เราก็ต้องมาวิเคราะห์พิจารณา ทำใจของเราให้รู้ความเป็นจริง แล้วก็ไม่หลงไม่ยึด แล้วก็บริหารสมมติของเราให้ดีเสียขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดลมหายใจแล้ว เราก็มีตั้งแต่ไปเสวยอานิสงส์แห่งบุญ ตราบใดที่ใจของเรายังเกิดอยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนแสวงหากันมาเต็มเปี่ยม ไปปฏิบัติธรรมที่โน่นบ้างทีนี่บ้าง อันนั้นเป็นแค่เพียงไปหาวิธีหาอุบายหาประสบการณ์ ถ้าบุคคลที่มีสติมีปัญญาแล้วก็ปฏิบัติลงที่กายที่ใจของตัวเราเอง รีบแก้ไข นอกนั้นก็เปลี่ยนบรรยากาศ ว่าใจของเราขณะนี้มีกิเลสเกิด กิเลสสักกี่เที่ยวสักกี่ครั้ง ใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง เราเจริญสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้หรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ไม่ใช่ว่าไปขึ้นอยู่กับอาจารย์องค์โน้นอาจารย์องค์นี้ สติปัญญานั่นแหละ เป็นครูบาอาจารย์คอยตรวจสอบใจของเรา
แนวทางนั้นมีพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย เอามาจำแนกแจกแจงว่ากายของเรานี้มีอะไรบ้างที่ท่านเรียกว่าขันธ์ห้า ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง มันหลงนั่นแหละถึงได้มาเกิด แต่มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ กายเนื้อก็มีแล้วแต่ยังเกิดต่อ แต่ยังอาศัยพบมนุษย์อยู่ แถมยังเป็นทาสของความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานยาก เต็มอัตราศึกอีก ยังสมมติเข้ามาครอบงำใจของเราอีก เราต้องสะสางออกให้กลับคืนสู่สภาพเดิม คือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ต้องขัดต้องเกลา ต้องหมั่นสอนใจของเราตลอดเวลา สตินี่ก็จะเป็นเพื่อน หมั่นพร่ำสอนใจของเรา เราก็จะได้ไม่เหงา เจริญสติเขาเป็นยิ่งคู่มิตรชิดอยู่กับใจ ใจรับรู้สติปัญญาหมั่นพร่ำสอนอยู่ตลอดเวลา เราก็จะมีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ
แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เราก็ต้องพยายามนะ อย่าไปทิ้งบุญ อย่าไปทิ้งวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็จะเข้าถึงความหมายของชีวิตของเรา แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรายังประโยชน์อะไร ประโยชน์ภายนอกประโยชน์ภายในประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์สูงสุดในชีวิตประจำวัน และก็ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า มีหมด วันนี้มี วันพรุ่งนี้มี เดือนหน้ามี ปีหน้ามี ภพหน้ามี ทุกคนเกิดมาด้วยแรงกรรมทั้งนั้น หลงมาทั้งนั้น เรามาวิเคราะห์ให้ดีๆ เราก็จะได้มองเห็นหนทางเดิน อะไรผิดพลาดเราก็รีบแก้ไขให้มันดีเสีย ใช้ชีวิตให้มันมีความสุขขณะที่ยังมีลมหายใจ
เมื่อวานนี้ก็ช่วยกันหลายสิ่งหลายอย่าง ช่วยกันทุกวัน ทั้งพระทั้งชีทั้งโยม ช่วยกันยังประโยชน์กับสมมติตรงนี้ หลวงพ่อก็จะพา ปีหน้าก็จะพาฉลองสมโภชใหญ่ ก็คงจะเป็นประมาณช่วงก่อนวันมาฆะช่วงกัลปพฤกษ์ ต้นกัลปพฤกษ์ออกดอกเต็มสวนมะลิวัลย์นั่นแหละ ก็จะได้พาฉลองสมโภชใหญ่ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจะบรรลุเป้าหมาย ในการอย่างสมมติตรงนี้ให้เป็นสิริมงคลของชีวิตของทุกคน ทั้งพระบรมสารีริกธาตุก็ได้อัญเชิญมา ทั้งพระพุทธรูปหยกใหญ่ องค์หลวงปู่ใหญ่ สถานที่ต่างๆ ก็ด้วยอำนาจแรงบุญของทุกคนหล่อหลอมรวมกันจนเป็นแหล่งบุญใหญ่ ทีนี้ก็คงจะสำเร็จลุล่วงลงไป ก็คงจะเหลืออีกไม่มากที่จะบรรลุเป้าหมาย ก็คงจะเหลืออยู่ที่สถานที่ของเราเล็กน้อย
การทำโรงทาน เมื่อวานนี้ก็พากันช่วยกันเทเสา ผูกเสา มัดเสา มัดคาน มาตั้งรากฐานของศาลาโรงทานกัน วันนี้ก็คงจะได้มัดคานเทคาน ช่วยกันก่อเสาอีก ส่วนทางศาลารวมญาติโน้น ก็พากันเช็ดเหล็ก พากันเช็ดเหล็กย้อมเหล็ก ก็เพื่อที่จะมาทำศาลาโรงทานกัน กะว่าให้ทันงานฉลองสมโภช ทุกคนก็จะได้มีความสุข มีที่อยู่ที่นั่ง ที่กินที่ทาน ที่สะดวกสบาย ในทางสมมติก็อนุเคราะห์ส่งผลถึงทางด้านจิตใจ นี้แหละคือหลักของการปฏิบัติ ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยม ถ้าไม่มีความเสียสละ เราก็คงจะทำไม่ได้ ถ้าการกระทำทางสมมติของเราไม่บริบูรณ์ สมมติเราก็ลำบาก ถ้าสมมติของเราขาดตกบกพร่อง ลองสิที่พักที่อาศัยของเราไม่เพียบพร้อมมันก็ลำบากทางกาย ที่พักที่อาศัยที่อยู่ที่หลับที่นอน ที่ถ่ายที่เยี่ยว ปัจจัยสี่ของสมมติไม่บริบูรณ์ จะไปปฏิบัติธรรมที่ไหนมันก็พร่อง ถ้าสมมติของเราเต็มแล้วอยู่ที่ไหนก็มีความสุข
เรามายังสมมติให้เต็มบริบูรณ์ก็ส่งผลทางวิมุตติ จิตใจก็พลอยสะดวกสบายไปด้วย คนเราทั่วไปก็ยากที่จะทำความเข้าใจตรงนี้ เพียงแค่สมมติบางครั้งบางคราวก็ขาดตกบกพร่อง แม้แต่สภาพตัวของเราสมมติก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องพยายามช่วยกันประคับประคอง อะไรที่ไม่ดีเราก็ทำให้ดีเสีย มันก็จะดีขึ้นๆ ไป ลึกลงไปกระทั่งจิตใจของเรา ถ้ามองโลกในทางไม่ดีเราก็พยายามกำจัด จิตใจของเรามีมลทินหรือว่ามีอคติมีกิเลส เราก็พยายามละพยายามกำจัดออกจากจิตจากใจของเรา เราละกิเลสได้ เราไม่อยากจะได้ความสงบเราก็ได้ เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้ ทว่าใจไม่มีกิเลส ใจที่ปราศจากการเกิดเขาก็นิ่ง เขาก็ว่าง เขาก็โล่ง
แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ ยังหลงอยู่ เพียงแค่ระดับสมมติมันก็ยังแก้ไขปัญหาของสมมติยังไม่เด็ดขาด จะไปแก้ไขปัญหาทางด้านวิมุตติก็ต้องอาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียรที่ต่อเนื่องค่อยแก้ไขทั้งข้างนอกทั้งข้างใน ก็จะส่งผลถึงอนาคต ปัจจุบันก็ดี อนาคตก็จะออกมาดีเอง ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจวิเคราะห์กันเอา