หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 119

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 119
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 119
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 119
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 30 กันยายน 2556

พากันดูดีๆ นะพระเรา พิจารณาปฏิสังขาโย กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง อย่าไปพลาดโอกาส กายหิว กายต้องการอาหาร ใจเป็นตัวสั่งหรือว่าสติปัญญาเป็นตัวสั่ง ใจเกิดความอยากเกิดความยินดี เราก็พยายามรู้จักดับ รู้จักหยุด กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง เอามากก็เหลือเอาน้อยก็ไม่อิ่ม ให้เราพยายามอย่าเอาด้วยความอยาก อย่าทำด้วยความอยาก จะมีมากมีน้อยก็อย่าให้ใจเกิดความอยาก พิจารณาบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ หนุนกำลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งเราหลับ จนกระทั่งหมดลมหายใจ ให้รู้ใจของตัวเรา ทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง

ส่วนทางวัดของเรานี่ก็คงจะเป็น ให้ท่านหลวงตาท่านเจ้าคุณพากันช่วยกันดูแลเอา มีอะไรก็บอกกล่าว ให้เชื่อฟังกัน ให้เชื่อฟังกันให้เคารพกัน เคารพกันในธรรม ผู้น้อยไม่เคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่เคารพผู้น้อยมันก็วุ่นวาย คนพูดน้อยๆ อายุน้อยๆ ถ้าพูดเป็นธรรม ถ้ามีธรรมมันก็มีอานิสงส์มากกว่าคนที่มีอายุเป็นร้อยปีที่ไม่รู้ธรรม ท่านถึงบอกว่ารู้ธรรมกับไม่รู้ธรรมนี่ต่างกัน เห็นธรรมกับไม่เห็นธรรมก็ต่างกัน มีธรรมกับไม่มีธรรม รู้เฉยๆ แต่ไม่เข้าถึง เราต้องรู้ด้วย เข้าถึงด้วย มันถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง

ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ทุกคนก็ปรารถนาที่จะแสวงหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น ถ้ามามัวเมา มีทิฏฐิมานะเข้าห้ำหั่นกันแล้วก็ มันไปไม่ถึงไหนหรอก มันไปไม่ถึงไหน ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ จะคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหนก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส ในความหมายก็เพื่อที่จะขัดกิเลส ละกิเลส ละความโลภ ละความโกรธ ละกิเลสหยาบกิเลสละเอียดให้ใจสะอาด ให้ใจบริสุทธิ์ แต่เราก็ต้องรักษา ทำความเข้าใจ เคารพสมมติเอาไว้ ถ้าคนเราไม่เคารพสมมติ สมมติก็วุ่นวาย อยู่ที่ไหนก็จะไม่มีความสุข รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ ถ้ารับผิดชอบตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น ก็อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน ไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอก เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวเรา

เรารู้จักวิธี รู้จักแนวทางแล้ว เราก็แก้ไขตัวเรา อยากจะมากูดีมึงดี จัดกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ก๊กเป็นเหล่าอย่างงั้นใช้การไม่ได้ อยู่ที่นี่อย่าให้มี ถ้ามีแล้วก็พิจารณาตัวเองทันที อย่าให้หมู่คณะลำบาก สถานที่ลำบาก เรามาอาศัยสถานที่นี้อยู่ เราพยายาม อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ทำช่วยกันทำ พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสานต่อ จะได้ไม่ได้ลำบาก เรามาอาศัยสมมติอยู่ เราก็ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าจะมาทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ดี อย่างงั้นไม่ดี ถ้ามีเพียงแค่คิดแม้แต่นิดเดียวเราก็พยายามกำจัด ในหลักธรรมเพ่งโทษตัวเอง แก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเราเอง

ใจของเราดี เหตุภายนอกไม่ดี ใจของเราก็ดีอยู่เหมือนเดิม เราต้องพยายาม จะมาดีอยู่กับหลวงพ่อก็ไม่ได้ ก็ใช้การไม่ได้ หลวงพ่อก็พยายาม ทั้งกิเลสภายในทั้งข้างนอกก็พยายามทำให้ดีที่สุด ภายในก็พยายามทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ข้างนอกก็พยายามสร้างประโยชน์ให้กับทุกคนเท่าที่กำลังกายจะอำนวยให้ อันนี้ก็อุตส่าห์ลำบากมาตั้ง 30 ปี พวกท่านมาเห็นช่วงใหม่ๆ ไม่เป็นอย่างนี้หรอกๆ เพียงแค่จะเหยียบจะย่างเข้ามา ขาก็ถลอกปอกเปิกหมดแล้ว มีทั้งป่ารก ป่าหนาม ป่าเพ็ก ป่าหญ้าคา อันนี้มาทำความขยันหมั่นเพียร มายังมาสร้างให้กับทุกคนได้มีความสุข อุตส่าห์ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน ลำบากมาก่อนก็เพื่อที่จะให้ทุกคนได้มีความสุข จนล้นออกไปสู่พี่สู่น้อง ทุกอย่างนั่นแหละเท่าที่กำลังมี อนุเคราะห์ให้ทุกอย่าง ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ทั้งป่า ทั้งอะไรต่างๆ พวกท่านก็ยังพากันเกียจคร้านอยู่ ก็ช่วยไม่ได้นะ

ก็ต้องพยายามพากันขยันหมั่นเพียร หมั่นขัดเกลาตัวเราทั้งข้างนอกทั้งข้างใน อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ เราก็ช่วยกันทำ ประโยชน์ไม่ว่าอยู่ที่ไหน โอกาสเปิดให้เราก็ช่วยกันทำ เป็นอานิสงส์ใหญ่ฝากเอาไว้กับโลกสมมติ

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจของเราให้ชัดเจน เราพยายามสร้างความรู้ตัวเน้นลงอยู่ที่กายของเรา เน้นลงอยู่ที่สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ที่ปลายจมูกของเรา แล้วพยายามทำให้ต่อเนื่อง ถ้าเรามีความรู้ตัวต่อเนื่อง ลึกลงไปแล้วก็รู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของความคิด ถ้าเรารู้เท่าทัน ใจคลายออกจากความคิด คลายออกจากขันธ์ห้า เราก็จะเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าทันที เราก็จะเข้าใจ คำว่าอัตตากับอนัตตามันเป็นลักษณะอย่างไร เราก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า รอบรู้ในกองสังขาร

แต่ตัวใจนั้นฝักใฝ่ในบุญ ปรารถนาอยากจะได้บุญ คนทั่วไปจะอยู่ในระดับนี้ แต่การสังเกต การทำตามความเข้าใจ ให้ใจรับรู้มองเห็นความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่าง ตรงนี้ต้องมีความเพียรเป็นเลิศ ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันจะได้ปั๊บ ค่อยทำ ค่อยเป็นค่อยไป สังเกตไม่ทันเราก็รู้จักดับ รู้จักหยุดเอาไว้ รู้จักพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวพลั้งเผลอ เราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ความรู้ตัวของเรามันจะอ่อนอย่างไร มันจะขาดอย่างไร เราก็พยายามเพิ่มความเพียรเข้าไปใหม่

การสังเกต การทำความเข้าใจ รู้ด้วย เห็นด้วย แล้วก็เข้าถึงความหมาย รู้ลักษณะ ชื่อ อาการ ความหมายนั้นๆ ให้ได้ทุกอย่าง ช่วงใหม่ๆ ทำความเข้าใจใหม่ๆ ถ้าความเพียรของเราไม่ต่อเนื่อง มันก็ยากที่จะเข้าใจ ถ้าเพียรไม่ถูกวิธี เพียรจนกระทั่งวันตายคงไม่เข้าใจ เราต้องพยายามดำเนินตามคำสอนของพระพุทธองค์เสียก่อน ท่านสอนอย่างนี้ ท่านชี้เหตุชี้ผลอย่างนี้ เราพยายามทำ อย่าไปคิดเอาเด็ดขาด การคิดเอา การนึกเอา นั่นเขาเรียกว่า วิปัสสนึก จะพิจารณาในธรรม คิดในธรรม ก็ยังเป็นกิเลสธรรม ให้ใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า คลายความหลงหรือว่าแยกรูปแยกนาม

เพียงแค่เริ่มต้น การทำความเข้าใจ การละกิเลสจากหยาบจากละเอียดให้เต็มเปี่ยมอีก จนดับความเกิดแม้แต่นิดเดียว การเกิดของวิญญาณ การส่งออกไปภายนอกมันก็ยังไม่ให้มี แม้แต่ความยินดียินร้ายในสิ่งต่างๆ กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไรถ้าเราเข้าใจในชีวิตของเรา เราก็จะอยู่กับบุญ ใจของเราก็จะเป็นบุญ เต็มเปี่ยมล้นอยู่ตลอดเวลา กายเป็นบุญ ใจเป็นบุญ วาจาเป็นบุญ จะทำอะไรก็เป็นบุญหมด เทวดาก็ร้อน เทวดาก็ร้อน ไม่ให้ลำบาก ถึงกันทุกคน แต่จะถึงช้าหรือถึงเร็วก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล ไม่ใช่ว่าจะไปขึ้นอยู่กับคนโน้นขึ้นอยู่กับคนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง เรารู้จักทำความเข้าใจให้ถูกต้องแล้วหรือยัง เรารู้จักหน้าที่ของเราแล้วหรือยัง เราละกิเลสของเราได้แล้วหรือยัง

กิเลสชนิดไหนอย่างไรที่มันเกิด กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราดับได้ตั้งแต่ต้นเหตุ ละได้ตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุจนกระทั่งไม่เหลือ จนเหลือตั้งแต่กายเนื้อที่เราจะต้องดูแลเขาไป จนกระทั่งหมดลมหายใจนั่นแหละ ถึงจะได้ละจากสมมติจริงๆ แต่เราละวางที่ตัวใจของเราซึ่งเป็นส่วนนามธรรมให้ได้เสียก่อน ทำความเข้าใจให้ได้เสียก่อน แล้วก็บริหารสมมติให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวยให้ พยายามนะ อย่าพากันทิ้ง

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง