หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 117

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 117
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 117
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 117
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 กันยายน 2556

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ทำใจให้สงบ วางกายให้สบาย ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียก สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ พยายามศึกษา พยายามสังเกต พยายามสร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่องให้ได้ทุกอิริยาบถ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อันนี้เป็นพื้นฐานในการที่จะเข้าไปทำความเข้าใจกับตัวจิต ตัววิญญาณในกายในขันธ์ห้าของเรา เข้าไปทำความเข้าใจในชีวิตของเรา

แต่พื้นฐานในทางสมมตินั้นสร้างกันมาดี สร้างกันมาเต็มเปี่ยม ฝักใฝ่ในการทำบุญ ในการให้ทาน มีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดีอยู่ในระดับของสมมติ แต่การเกิดของวิญญาณในกายของเราตรงนี้แหละ เราต้องมาสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติตัวใหม่ ปัญญาตัวใหม่ เข้าไปอบรมใจของเรา ไปสอนใจของเรา ถ้าขณะนี้ใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเรามีความบริสุทธิ์ ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส ทำไมใจถึงเป็นทาสของอารมณ์ ทำไมใจของเราถึงหลงกายของเรา

เราต้องมาสร้างความรู้ตัวให้รู้เท่าทัน ถ้าเรารู้ไม่ทันการเกิดของวิญญาณ หรือว่าใจของเรา เราก็พยายามควบคุมใจของเรา ซึ่งภาษาธรรมะท่านเรียกว่า สมถภาวนา จะเห็น 2 ส่วน ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี่ส่วนหนึ่ง ส่วนใจนั้นส่วนหนึ่ง รู้จักควบคุมใจ ส่วนมากสติตัวที่เราสร้างขึ้นมาใหม่นี้จะไม่ค่อยจะต่อเนื่อง ปัญญาเก่า ของเก่า ที่เกิดจากตัวใจซึ่งเขาหลงมาตั้งนานกับขันธ์ห้า ตัวใจหลงมาก่อน ถึงได้มาสร้างขันธ์ห้าขึ้นมา มีหนังมาห่อหุ้ม มาปิดกั้นตัววิญญาณตัวใจเอาไว้ ตรงนั้นก็เลยครอบงำอยู่ เรียกว่าสมมติเข้าครอบงำอยู่ กว่าจะสะสางลงไปได้ เราก็ต้องพยายาม ใช้ความเพียร ใช้ตบะใช้บารมีละกิเลส ขัดเกลากิเลส เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน

ใจของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภ ด้วยการให้ด้วยการเอาออก ให้ ให้ทั้งระดับของสมมติ ให้ระดับของอภัยทาน ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามหยุด ดับความโกรธ เราดับตั้งแต่ข้างใน ดับข้างในไม่ได้ก็ไม่ให้ส่งออกทางกาย ทางวาจา แล้วก็ให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี ใจของเราเกิดกิเลสหยาบกิเลสละเอียด มีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน มีการดิ้นรนสารพัดอย่าง เราต้องเจริญสติให้ต่อเนื่องเข้าไปอบรม เข้าไปหมั่นพร่ำสอน หมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณา หาเหตุหาผล ชี้เหตุชี้ผล ให้มองเห็นความเป็นจริง เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนเกิดจากเหตุ พระพุทธองค์ท่านจึงชี้ลงที่เหตุ ทำไมใจถึงทุกข์ มันก็ต้องมีเหตุ สาเหตุ

การเกิดเป็นทุกข์ ไม่อยากจะทุกข์ก็ต้องไม่เกิด เกิดอยู่ในระดับไหน อยู่ในภพไหนอีก เดี๋ยวนี้เรามาอยู่ในภพของมนุษย์ ในกายเนื้อของเราในภพของมนุษย์นี่มีอะไรบ้าง ส่วนมากพวกเราพากันไปมองข้ามกัน ไปสร้างหาความสุขตั้งแต่ภายนอกกัน ลืมความสุขภายใน ก็เลยปิดกั้นตัวเองเอาไว้ ในหลักธรรมท่านก็ให้ทำความเข้าใจทั้งข้างนอกทั้งข้างใน ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ละภายในให้ใจสะอาด ให้ใจบริสุทธิ์ ให้มีความสุข เราทำได้มากได้น้อย ก็ต้องพยายามทำ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกลมหายใจเข้าออกนั่นแหละ ให้รู้กาย รู้ รู้กายแล้วก็รู้ใจ รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักขวนขวาย รู้จักสร้างขึ้นมาให้มีให้เกิดขึ้น

เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร เราไม่มีความรับผิดชอบ เราพยายามสร้างความรับผิดชอบ ใจของเรามีความแข็งกระด้าง เราก็พยายามแก้ไขให้มีความอ่อนโยน แก้ไขปรับปรุงจนถึงจุดหมายปลายทาง คือความสะอาด ความบริสุทธิ์กันนั่นแหละ ‘ปฏิบัติธรรม’ เราต้องมี ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ‘การเจริญสติ’ ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างไร เราสร้างขึ้นมาได้ต่อเนื่องแล้วหรือยัง เราเอาไปใช้การใช้งาน วิเคราะห์ใจ หมั่นพร่ำสอนใจของเราได้แล้วหรือยัง หรือว่ามีตั้งแต่กิเลสมันเล่นงานอยู่ตลอดเวล เราอยู่กับกิเลส เราอยู่กับกองของกิเลส ก็กายของเรานี่แหละกองกิเลส มีใจมาอาศัยครอบครอง เป็นนายใช้อยู่อย่างนี้ แหละ

เราต้องเจริญสติเข้าไปเป็นที่พึ่งของใจ อบรมใจ แก้ไขใจของเรา คลายใจออกจากความยึดมั่น ซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม หรือว่าคลายความหลงเก่า แล้วก็มาละกิเลสที่ใจ หนุนกำลังสติเข้าไปพิจารณาหาเหตุหาผล อยู่อย่างมีความสุข ไปอย่างมีความสุข มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ก็ต้องพยายามนะ การพูดนี้ง่าย การพูดง่าย การลงมือ การทำ การละกิเลส ต้องอาศัยความเพียร อาศัยกาลอาศัยเวลา เราจะไปบังคับกันไม่ได้หรอกสิ่งพวกนี้ เพราะว่าวิบากกรรมของแต่ละบุคคลสร้างมาไม่เหมือนกัน บางคนก็สร้างมามาก บางคนก็สร้างมาน้อย บางคนก็กิเลสหนา บางคนก็กิเลสบาง

เราพยายามแก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา ใช้เราให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น เฉพาะร่างกายของเราก็เป็นภาระที่หนักต่อจิตใจของเรา เราอย่าเอาสภาพของเราไปเป็นภาระให้กับหมู่กับคณะกับสังคม พยายามช่วยเหลือตัวเราให้ได้อยู่ในระดับหนึ่ง ระดับสมมติ เราก็พยายาม ถึงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็พยายามประคับประคองให้กายมีความสุข ให้ใจมีความสุข

การอนุเคราะห์ เราก็อนุเคราะห์ให้กันได้อยู่ในระดับของสมมติ แต่การละกิเลส เราต้องละเอา ทำความเข้าใจเอา ละทิฏฐิ ละมานะ ละความเห็นแก่ตัว สร้างความเห็นถูกให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ถึงเร็ว ไม่ถึงจริงๆ ไม่ถึงวันนี้ พรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า มันไม่ถึงจริงๆ ก็ไปต่อภพหน้า เพราะว่าตราบใดที่ใจหรือวิญญาณยังเกิดอยู่ ใจยังเกิดอยู่มันก็ต้องไปสร้างภพสร้างชาติใหม่ แต่ขอให้เป็นภพชาติที่มีความสุข สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าไม่กลับมาเกิดกันนั่นแหละ

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง