หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 87
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 87
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 87
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2556
พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเราพิจารณาปฏิสังขาโยกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยิ่งเวลาขบฉันรับประทานข้าวปลาอาหารนี่จะเห็นชัดเจน กายของเราหิวใจจะเกิดความอยาก อันโน้นก็อร่อย อันนี้ก็อร่อย เอาน้อยๆ ก็กลัวไม่อิ่ม ให้กะประมาณพิจารณา ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมาให้รู้จักสร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละให้มีให้เกิดขึ้นที่กายที่ใจของเรา
เรามาฝึกฝนตัวเราเอง ไม่ใช่ว่า มาสร้างความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เรามาสร้างความขยัน มาขัดเกลา มาสํารวจ มาทำความเข้าใจ มาเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเรา ถ้าเราไม่แก้ไขเราแล้วไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย นอกจากตัวเราเอง ให้รีบแก้ไขตัวเรา วันคืนวันเดือนผ่านไปๆ เร็วไว ขณะที่ยังมีกำลังมีลมหายใจ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นบุญเราก็รีบทำเสีย ก่อนที่ธาตุขันธ์ของเราจะแตกจะดับ สภาพร่างกายของคนเรานี่อยู่ได้ไม่นาน
เมื่อวานนี้ก็ไปเยี่ยมหลวงพ่อประชา ท่านเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายวันเห็นว่าผ่าตัด ไปแล้วก็เห็นสิ่งต่างต่างเยอะแยะมากมาย เห็นคนเจ็บคนป่วยเป็นโน่นเป็นนี่ เห็นแล้วก็สลดสังเวช ไม่ว่าพระว่าโยม เพราะว่าความไม่แน่นอนความไม่เที่ยงความทุกข์ คนเราเกิดมาอยู่กับกองทุกข์ กายของเราเป็นก้อนทุกข์ แล้วก็เจ็บ แล้วก็เป็นโน่นเป็นนี่ ไปเห็นแล้วก็สลดสังเวช ไม่อยากจะเห็น ไม่อยากจะเป็น มันก็เป็น บางคนก็ผ่าสมอง บางคนก็ โอ้เยอะแยะเข้าไปโรงพยาบาล ให้เห็นคนเจ็บคนป่วยเยอะ
ท่านยังบอกกายของเรานี้เป็นรังแห่งโรค รังแห่งโรค พยายามพิจารณาตักตวงสร้างประโยชน์ให้มีให้เกิดขึ้น ให้แก่จิตใจของเราเป็นบุญเป็นกุศลขณะที่กำลังกายยังแข็งแรงอยู่ ถ้าหมดสภาพแล้วก็หมด มีตั้งแต่จะเผา ขณะที่ยังมีกำลังอยู่ก็อย่าพากันประมาท หมั่นสร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดี รีบๆ ทำ เดี๋ยวจะหมดเวลาเสียก่อน มีโอกาสก็พยายามสร้างคุณงามความดี ทำได้ระดับไหน ทำได้มากได้น้อยก็ต้องพยายามทำ อย่าให้ใจของเราไปตกสู่ที่ต่ำ พยายามยกระดับใจของเราให้ขึ้นสู่ที่สูง
ยิ่งพระยิ่งชีมีโอกาสได้เข้ามาบวชเข้ามาศึกษาก็พยายามให้มากๆ เป็นคนว่านอนสอนง่าย บอกง่าย ใช้ตัวเองให้เป็น เวลาเช้าเวลาเย็นก็พากันมาทำวัตรสวดมนต์ อย่าพากันเกียจคร้าน อะไรก็วางไว้ให้หมดแล้ว ท่านอาจารย์ต้าหรือว่าท่านก็พาทำ พาหมู่พาคณะทำ ส่วนกิเลสภายในเราต้องจัดการตัวของเรา ความสมัครสมานสามัคคี สภาพร่างกายของหลวงพ่อก็ไม่รู้จะอยู่กับพวกท่านได้นานสักเท่าไร บางวันก็แทบเดินไม่ไหว บางวันก็แทบลุกไม่ขึ้น ก็ฝืนอัตภาพร่างกาย เพราะว่าร่างกายนี่ก็ฉีดยาทุกวัน อยู่ด้วยยา ฉันเช้า ฉันเย็น ฉันเที่ยง ทั้งฉีดบางวันก็หนักอยู่ แต่ใจไม่ทุกข์เท่านั้นเอง ประคับประคองเขาสร้างบุญสร้างกุศล ให้กับทุกคนให้เต็มที่
พวกท่านนี้จะพากันมัวเมาประมาท อย่าพากันประมาท ช่วยกันทุกอย่าง อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นกุศลทั้ง ระดับของสมมติของวิมุตติ ทั้งทางโลกทั้งทางธรรม ธรรมกับโลกก็อยู่ด้วยกัน ดูความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละพื้นฐาน ทั้งพื้นฐานระดับของสมมติของโลกียะ เราก็ทำให้เต็มที่ ก็จะส่งผลถึงทางด้านจิตใจๆ ก็จะปล่อย ก็จะวางได้เร็วได้ไว ความเสียสละไม่มี ความพิจารณาฝักใฝ่สนใจไม่มี มันก็ยากที่จะปล่อยจะวางได้ ความเสียสละเต็มเปี่ยม เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา พิจารณา
สักวันหนึ่งก็คงจะรู้เห็นความเป็นจริง เห็นการเกิดการดับของจิต เห็นการเกิดการดับของความคิดของอารมณ์ รู้จักจุดแก้ จุดปล่อย จุดวาง ถ้าอานิสงส์บุญบารมีมันไม่เต็มมันก็ยาก เป็นแค่ระดับสมมติก็ยังแก้ไขยาก ยังลำบากอยู่ เพียงแค่ทำสมมติให้บริบูรณ์ มันก็ยังยากอยู่ เราก็ต้องพยายามเอา ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายาม ล้มลุกขึ้น ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขตัวเราใหม่
ยิ่งบวชเข้ามา แล้วพากันเกียจคร้านงอมืองอเท้า แล้วก็ยิ่งแย่ใหญ่ ทำตัวเหมือนกับอยู่บ้านเกียจคร้านก็ใช้การไม่ได้ ถ้าบอกไม่ได้ ใช้ไม่ได้แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เสียเวลาเปล่าๆ พากันมาเช้าเย็นก็พากันมาทำวัตรสวดมนต์ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ดูตามตําราตามหนังสือ จะได้ไปไว้พิจารณา ไประลึก ถ้ามัวตั้งแต่ความเกียจคร้านแล้วก็ มันก็ประโยชน์มันน้อย ให้เราดูแลช่วยกัน สภาพร่างกายของหลวงพ่อก็ทำให้ทุกคนมามากต่อมากแล้วแหละ จะไปดุไปด่าไปว่าก็จะหาว่าอคติเพ่งโทษกันอย่างนั้นอย่างนี้ ก็บอกกล่าวกันทุกคน โตกันทุกคนแล้ว ใหญ่กันทุกคนแล้ว อย่าให้เป็นบุคคลที่บอกยากสอนยาก ถ้าเรามาอยู่ด้วยกัน บอกไม่เชื่อบ้าง ผู้นํามันก็ลำบาก นําไปในทางที่ดี คิดดีทำดี อะไรไม่ดีก็ให้ทักท้วงตักเตือนกันได้ ก็จะได้รีบแก้ไข
อะไรที่จะนําความทุกข์ความลำบาก นําความวุ่นวายมาให้เราก็พยายามรีบจัดการ อย่าให้มีอย่าให้เกิด เพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ความเป็นระเบียบ ในหลักธรรมแล้วก็จัดการกับตัวเราให้จบ ไม่ใช่วิ่งตามกิเลสคนโน้นตามกิเลสคนนี้ จัดการกิเลสภายในของเราให้มันจบ แล้วก็อนุเคราะห์ช่วยเหลือสังคม สมมติที่จะเข้ามาหาเรา คนที่จะแสวงหาธรรม คนที่จะเอาธรรม ไม่จำเป็นต้องไปวิ่ง ไปบอกยากหรอก เขาเงี่ยหูฟังน้อมเข้าไปใส่ตัวนิดเดียวเท่านั้นนะ การแก้ไขตัวเอง การละกิเลส ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละ จิตใจมีความอ่อนน้อมถ่อมตน จะสํารวจตรวจตราตัวเองอยู่ตลอดเวลา อะไรควรละ อะไรควรเจริญ ก็จะได้พิจารณาตัวเองเป็น ไม่จำเป็นต้องไปเที่ยววิ่งประกาศอันโน่นประกาศอันนี้หรอก ให้เราประกาศตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา
ยิ่งอยู่ด้วยกันก็ความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ เสียสละระดับของสมมติก็ทำให้ได้ก่อน ถึงจะจัดการกับกิเลสภายในไม่ได้ เพียงแค่ระดับของสมมติ ยังสมมติให้กับมหาชนให้กับส่วนรวมให้ได้ ก็จะพลอยส่งผลถึงข้างใน จะไปเอาตั้งแต่ธรรมแต่ไม่รู้จักธรรม มันก็ยากอยู่เหมือนกันหลวงพ่อก็ได้เพียงแค่บอกแค่กล่าวแค่เตือนแค่เล่าให้ฟัง อะไรที่จะนําความทุกข์ ความวุ่นวายมาให้ เราก็รีบแก้ไข เรื่องพระของเราก็พยายาม การดูเลขดูหวยดูหมอดูยามหรือว่าดูดวงต่างๆ ก็อย่าให้มี อย่าให้เกิด มันไม่ใช่หนทางไม่ใช่แนวทาง ใครมาปาวรณาเอาไว้ยิ่งห่างไกล อย่าเข้าไปวิ่งเข้าไปหา ให้มาด้วยแรงบุญ แม้แต่ความอยากที่เกิดจากจิตวิญญาณ ก็อย่าให้มี รีบกำจัด
หลวงพ่อพยายามแก้ไขตรงนี้มาตั้งแต่เข้ามาอยู่ในป่า ไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้น จะนําความวุ่นวายมาให้ นี่ทีนี้ความวุ่นวายเกิดขึ้นก็ไปโทษออกภายนอกนําความวุ่นวายอย่างนั้นอย่างนี้ ความวุ่นวายก็เกิดจากตัวของเรานั่นแหละ ไม่ได้เกิดจากใครหรอก เกิดจากที่เราก่อขึ้นมาจากน้อยๆ นั่นแหละ มันถึงวุ่นวายกันมากมาย ไม่รู้จักแก้ไข เราพยายามแก้ไขเสียขณะที่ยังมันไม่เกิด ทีนี้ข้างนอกมันมีมายังไง แล้วก็จัดสรรประโยชน์ให้มันเกิดอานิสงส์ เกิดเป็นบุญให้มากมาย ถึงจะมีมากมีน้อย ความวุ่นวายมันก็ไม่เกิด เรามาแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ยิ่งพระเข้ามาบวชก็พยายามขัดเกลาตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง อย่าให้เป็นภาระกับตัวเรา เป็นภาระกับสถานที่ จัดการกิเลสภายในให้มันจบ ถึงไม่จบก็รู้จักวิธีแก้ไข มันก็จะได้ไม่ได้ลำบากในวันข้างหน้า
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง ความต่อเนื่อง ความสืบต่อตรงนี้แหละ พวกเราไม่ชํานาญกัน อาจจะรู้ได้เป็นบางครั้งบางคราว ทำอย่างไรเราถึงจะสืบต่อให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวต่อเนื่อง ถ้าพลั้งเผลอก็เริ่มขึ้นมาใหม่ภายใน 1 นาที 2 นาที ไปหา 5 หา 10 หาชั่วโมง หาวัน หาเดือน หาปี จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ จนเอาไปใช้การใช้งานได้นั่นแหละ ถึงเรียกว่าปัญญา
สติความระลึกรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ยังไม่ต่อเนื่องกัน ส่วนมากจะไม่ค่อยจะสนใจ ก็เลยเอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ ทั้งที่ใจก็อยากจะได้ธรรมอยากจะรู้ธรรม มันปิดกั้นตัวเอาไว้หมดเลยทีเดียว เราต้องแจงให้ออกกัน อันนี้สติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้คือใจ การควบคุมใจ การควบคุมอารมณ์ จนกว่าจะสังเกตการเกิดของใจ รวมกับความคิด ซึ่งเรียกว่าแยกรูปแยกนาม หรือว่าวิปัสสนา ความรู้แจ้งเห็นจริง สัมมาทิฏฐิความรู้เห็นที่ถูกต้อง เพียงแค่แยกรูปแยกนาม รู้เห็นที่ถูกต้อง อันนี้เพียงแค่เริ่มต้น การตามทำความเข้าใจทุกเรื่องอีก ไม่ว่ากิเลสหยาบ กิเลสละเอียดอีก จัดการออกให้หมด แม้แต่การเกิดของวิญญาณอีก นั่นแหละถึงจะรู้เรื่องคําสอนของพระพุทธเจ้า เข้าใจในคําสอนพระพุทธเจ้า เพียงแค่แยกแยะได้ เพียงแค่เริ่มต้น การละกิเลส การทำความเข้าใจให้หมดจดอีก มันถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้
จะว่ายากก็ว่ายากจะว่าง่ายก็ง่าย แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ค่อยสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมี ค่อยเพิ่มพูนไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งมันก็เต็มได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็อย่าไปทิ้งบุญ ส่วนมากจะเอาตั้งแต่ปัญญาที่เกิดจากกิเลส มันก็ยิ่งปิดกั้นตัวเอาไว้หมด ปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา เกิดจากการเจริญสติ มีเหตุมีผล ชี้เหตุที่ผล เหตุผลทางด้านนามธรรม เหตุผลทางด้านรูปธรรม โลกธรรมก็อยู่ด้วยกัน กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร อยู่ อยู่คนเดียวเราก็ดูใจ แก้ไขเรา อยู่หลายคนเราก็แก้ไขเรา เราก็จะได้ไม่ได้ลำบาก ไม่ได้ลำบากขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ อาจจะลำบากอยู่เฉพาะกายเป็นก้อนทุกข์ ส่วนทางด้านจิตใจนี้มองเห็นหนทาง สติปัญญามองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิด
กิเลสมันยังค้างคาอยู่ตรงไหน มันเหลืออยู่ในระดับไหน เราก็จะได้จัดการกับตัวเรา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน เสียเวลาเปล่าๆ เราต้องแก้ไขตัวเรา เราอยู่ร่วมกัน ก็เพียงแค่ชี้แนะแนวทางให้เท่านั้นนะ แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านเอามาแจกแจงมาเปิดเผยหมดแล้ว อยู่ด้วยกัน เราก็พยายาม เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามช่วยกัน จนกระทั่งถึง ความหลุดพ้นของเรานั่นแหละ
ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะไป ไปอยู่ที่โน่นที่นี่จะเข้าใจในธรรม ถ้าการปฏิบัติการขัดเกลาการละกิเลส การทำความเข้าใจไม่มี มันก็ยากที่จะถึงจุดหมายปลายทางกัน เราได้ทำได้เท่าไรก็เอา ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสียสละ ความอดทน การยังประโยชน์ระดับของสมมติ มาแก้ไขตัวเราเอง ทั้งที่ทั้งพระทั้งชีนั่นแหละ ก็จะคอยสร้างสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เอง
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเขาออกให้ชัดเจนกัน
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ได้เท่าไรก็ดี
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2556
พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเราพิจารณาปฏิสังขาโยกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยิ่งเวลาขบฉันรับประทานข้าวปลาอาหารนี่จะเห็นชัดเจน กายของเราหิวใจจะเกิดความอยาก อันโน้นก็อร่อย อันนี้ก็อร่อย เอาน้อยๆ ก็กลัวไม่อิ่ม ให้กะประมาณพิจารณา ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมาให้รู้จักสร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละให้มีให้เกิดขึ้นที่กายที่ใจของเรา
เรามาฝึกฝนตัวเราเอง ไม่ใช่ว่า มาสร้างความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เรามาสร้างความขยัน มาขัดเกลา มาสํารวจ มาทำความเข้าใจ มาเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเรา ถ้าเราไม่แก้ไขเราแล้วไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย นอกจากตัวเราเอง ให้รีบแก้ไขตัวเรา วันคืนวันเดือนผ่านไปๆ เร็วไว ขณะที่ยังมีกำลังมีลมหายใจ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นบุญเราก็รีบทำเสีย ก่อนที่ธาตุขันธ์ของเราจะแตกจะดับ สภาพร่างกายของคนเรานี่อยู่ได้ไม่นาน
เมื่อวานนี้ก็ไปเยี่ยมหลวงพ่อประชา ท่านเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายวันเห็นว่าผ่าตัด ไปแล้วก็เห็นสิ่งต่างต่างเยอะแยะมากมาย เห็นคนเจ็บคนป่วยเป็นโน่นเป็นนี่ เห็นแล้วก็สลดสังเวช ไม่ว่าพระว่าโยม เพราะว่าความไม่แน่นอนความไม่เที่ยงความทุกข์ คนเราเกิดมาอยู่กับกองทุกข์ กายของเราเป็นก้อนทุกข์ แล้วก็เจ็บ แล้วก็เป็นโน่นเป็นนี่ ไปเห็นแล้วก็สลดสังเวช ไม่อยากจะเห็น ไม่อยากจะเป็น มันก็เป็น บางคนก็ผ่าสมอง บางคนก็ โอ้เยอะแยะเข้าไปโรงพยาบาล ให้เห็นคนเจ็บคนป่วยเยอะ
ท่านยังบอกกายของเรานี้เป็นรังแห่งโรค รังแห่งโรค พยายามพิจารณาตักตวงสร้างประโยชน์ให้มีให้เกิดขึ้น ให้แก่จิตใจของเราเป็นบุญเป็นกุศลขณะที่กำลังกายยังแข็งแรงอยู่ ถ้าหมดสภาพแล้วก็หมด มีตั้งแต่จะเผา ขณะที่ยังมีกำลังอยู่ก็อย่าพากันประมาท หมั่นสร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดี รีบๆ ทำ เดี๋ยวจะหมดเวลาเสียก่อน มีโอกาสก็พยายามสร้างคุณงามความดี ทำได้ระดับไหน ทำได้มากได้น้อยก็ต้องพยายามทำ อย่าให้ใจของเราไปตกสู่ที่ต่ำ พยายามยกระดับใจของเราให้ขึ้นสู่ที่สูง
ยิ่งพระยิ่งชีมีโอกาสได้เข้ามาบวชเข้ามาศึกษาก็พยายามให้มากๆ เป็นคนว่านอนสอนง่าย บอกง่าย ใช้ตัวเองให้เป็น เวลาเช้าเวลาเย็นก็พากันมาทำวัตรสวดมนต์ อย่าพากันเกียจคร้าน อะไรก็วางไว้ให้หมดแล้ว ท่านอาจารย์ต้าหรือว่าท่านก็พาทำ พาหมู่พาคณะทำ ส่วนกิเลสภายในเราต้องจัดการตัวของเรา ความสมัครสมานสามัคคี สภาพร่างกายของหลวงพ่อก็ไม่รู้จะอยู่กับพวกท่านได้นานสักเท่าไร บางวันก็แทบเดินไม่ไหว บางวันก็แทบลุกไม่ขึ้น ก็ฝืนอัตภาพร่างกาย เพราะว่าร่างกายนี่ก็ฉีดยาทุกวัน อยู่ด้วยยา ฉันเช้า ฉันเย็น ฉันเที่ยง ทั้งฉีดบางวันก็หนักอยู่ แต่ใจไม่ทุกข์เท่านั้นเอง ประคับประคองเขาสร้างบุญสร้างกุศล ให้กับทุกคนให้เต็มที่
พวกท่านนี้จะพากันมัวเมาประมาท อย่าพากันประมาท ช่วยกันทุกอย่าง อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นกุศลทั้ง ระดับของสมมติของวิมุตติ ทั้งทางโลกทั้งทางธรรม ธรรมกับโลกก็อยู่ด้วยกัน ดูความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละพื้นฐาน ทั้งพื้นฐานระดับของสมมติของโลกียะ เราก็ทำให้เต็มที่ ก็จะส่งผลถึงทางด้านจิตใจๆ ก็จะปล่อย ก็จะวางได้เร็วได้ไว ความเสียสละไม่มี ความพิจารณาฝักใฝ่สนใจไม่มี มันก็ยากที่จะปล่อยจะวางได้ ความเสียสละเต็มเปี่ยม เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา พิจารณา
สักวันหนึ่งก็คงจะรู้เห็นความเป็นจริง เห็นการเกิดการดับของจิต เห็นการเกิดการดับของความคิดของอารมณ์ รู้จักจุดแก้ จุดปล่อย จุดวาง ถ้าอานิสงส์บุญบารมีมันไม่เต็มมันก็ยาก เป็นแค่ระดับสมมติก็ยังแก้ไขยาก ยังลำบากอยู่ เพียงแค่ทำสมมติให้บริบูรณ์ มันก็ยังยากอยู่ เราก็ต้องพยายามเอา ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายาม ล้มลุกขึ้น ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขตัวเราใหม่
ยิ่งบวชเข้ามา แล้วพากันเกียจคร้านงอมืองอเท้า แล้วก็ยิ่งแย่ใหญ่ ทำตัวเหมือนกับอยู่บ้านเกียจคร้านก็ใช้การไม่ได้ ถ้าบอกไม่ได้ ใช้ไม่ได้แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เสียเวลาเปล่าๆ พากันมาเช้าเย็นก็พากันมาทำวัตรสวดมนต์ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ดูตามตําราตามหนังสือ จะได้ไปไว้พิจารณา ไประลึก ถ้ามัวตั้งแต่ความเกียจคร้านแล้วก็ มันก็ประโยชน์มันน้อย ให้เราดูแลช่วยกัน สภาพร่างกายของหลวงพ่อก็ทำให้ทุกคนมามากต่อมากแล้วแหละ จะไปดุไปด่าไปว่าก็จะหาว่าอคติเพ่งโทษกันอย่างนั้นอย่างนี้ ก็บอกกล่าวกันทุกคน โตกันทุกคนแล้ว ใหญ่กันทุกคนแล้ว อย่าให้เป็นบุคคลที่บอกยากสอนยาก ถ้าเรามาอยู่ด้วยกัน บอกไม่เชื่อบ้าง ผู้นํามันก็ลำบาก นําไปในทางที่ดี คิดดีทำดี อะไรไม่ดีก็ให้ทักท้วงตักเตือนกันได้ ก็จะได้รีบแก้ไข
อะไรที่จะนําความทุกข์ความลำบาก นําความวุ่นวายมาให้เราก็พยายามรีบจัดการ อย่าให้มีอย่าให้เกิด เพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ความเป็นระเบียบ ในหลักธรรมแล้วก็จัดการกับตัวเราให้จบ ไม่ใช่วิ่งตามกิเลสคนโน้นตามกิเลสคนนี้ จัดการกิเลสภายในของเราให้มันจบ แล้วก็อนุเคราะห์ช่วยเหลือสังคม สมมติที่จะเข้ามาหาเรา คนที่จะแสวงหาธรรม คนที่จะเอาธรรม ไม่จำเป็นต้องไปวิ่ง ไปบอกยากหรอก เขาเงี่ยหูฟังน้อมเข้าไปใส่ตัวนิดเดียวเท่านั้นนะ การแก้ไขตัวเอง การละกิเลส ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละ จิตใจมีความอ่อนน้อมถ่อมตน จะสํารวจตรวจตราตัวเองอยู่ตลอดเวลา อะไรควรละ อะไรควรเจริญ ก็จะได้พิจารณาตัวเองเป็น ไม่จำเป็นต้องไปเที่ยววิ่งประกาศอันโน่นประกาศอันนี้หรอก ให้เราประกาศตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา
ยิ่งอยู่ด้วยกันก็ความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ เสียสละระดับของสมมติก็ทำให้ได้ก่อน ถึงจะจัดการกับกิเลสภายในไม่ได้ เพียงแค่ระดับของสมมติ ยังสมมติให้กับมหาชนให้กับส่วนรวมให้ได้ ก็จะพลอยส่งผลถึงข้างใน จะไปเอาตั้งแต่ธรรมแต่ไม่รู้จักธรรม มันก็ยากอยู่เหมือนกันหลวงพ่อก็ได้เพียงแค่บอกแค่กล่าวแค่เตือนแค่เล่าให้ฟัง อะไรที่จะนําความทุกข์ ความวุ่นวายมาให้ เราก็รีบแก้ไข เรื่องพระของเราก็พยายาม การดูเลขดูหวยดูหมอดูยามหรือว่าดูดวงต่างๆ ก็อย่าให้มี อย่าให้เกิด มันไม่ใช่หนทางไม่ใช่แนวทาง ใครมาปาวรณาเอาไว้ยิ่งห่างไกล อย่าเข้าไปวิ่งเข้าไปหา ให้มาด้วยแรงบุญ แม้แต่ความอยากที่เกิดจากจิตวิญญาณ ก็อย่าให้มี รีบกำจัด
หลวงพ่อพยายามแก้ไขตรงนี้มาตั้งแต่เข้ามาอยู่ในป่า ไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้น จะนําความวุ่นวายมาให้ นี่ทีนี้ความวุ่นวายเกิดขึ้นก็ไปโทษออกภายนอกนําความวุ่นวายอย่างนั้นอย่างนี้ ความวุ่นวายก็เกิดจากตัวของเรานั่นแหละ ไม่ได้เกิดจากใครหรอก เกิดจากที่เราก่อขึ้นมาจากน้อยๆ นั่นแหละ มันถึงวุ่นวายกันมากมาย ไม่รู้จักแก้ไข เราพยายามแก้ไขเสียขณะที่ยังมันไม่เกิด ทีนี้ข้างนอกมันมีมายังไง แล้วก็จัดสรรประโยชน์ให้มันเกิดอานิสงส์ เกิดเป็นบุญให้มากมาย ถึงจะมีมากมีน้อย ความวุ่นวายมันก็ไม่เกิด เรามาแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ยิ่งพระเข้ามาบวชก็พยายามขัดเกลาตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง อย่าให้เป็นภาระกับตัวเรา เป็นภาระกับสถานที่ จัดการกิเลสภายในให้มันจบ ถึงไม่จบก็รู้จักวิธีแก้ไข มันก็จะได้ไม่ได้ลำบากในวันข้างหน้า
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง ความต่อเนื่อง ความสืบต่อตรงนี้แหละ พวกเราไม่ชํานาญกัน อาจจะรู้ได้เป็นบางครั้งบางคราว ทำอย่างไรเราถึงจะสืบต่อให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวต่อเนื่อง ถ้าพลั้งเผลอก็เริ่มขึ้นมาใหม่ภายใน 1 นาที 2 นาที ไปหา 5 หา 10 หาชั่วโมง หาวัน หาเดือน หาปี จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ จนเอาไปใช้การใช้งานได้นั่นแหละ ถึงเรียกว่าปัญญา
สติความระลึกรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ยังไม่ต่อเนื่องกัน ส่วนมากจะไม่ค่อยจะสนใจ ก็เลยเอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ ทั้งที่ใจก็อยากจะได้ธรรมอยากจะรู้ธรรม มันปิดกั้นตัวเอาไว้หมดเลยทีเดียว เราต้องแจงให้ออกกัน อันนี้สติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้คือใจ การควบคุมใจ การควบคุมอารมณ์ จนกว่าจะสังเกตการเกิดของใจ รวมกับความคิด ซึ่งเรียกว่าแยกรูปแยกนาม หรือว่าวิปัสสนา ความรู้แจ้งเห็นจริง สัมมาทิฏฐิความรู้เห็นที่ถูกต้อง เพียงแค่แยกรูปแยกนาม รู้เห็นที่ถูกต้อง อันนี้เพียงแค่เริ่มต้น การตามทำความเข้าใจทุกเรื่องอีก ไม่ว่ากิเลสหยาบ กิเลสละเอียดอีก จัดการออกให้หมด แม้แต่การเกิดของวิญญาณอีก นั่นแหละถึงจะรู้เรื่องคําสอนของพระพุทธเจ้า เข้าใจในคําสอนพระพุทธเจ้า เพียงแค่แยกแยะได้ เพียงแค่เริ่มต้น การละกิเลส การทำความเข้าใจให้หมดจดอีก มันถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้
จะว่ายากก็ว่ายากจะว่าง่ายก็ง่าย แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ค่อยสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมี ค่อยเพิ่มพูนไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งมันก็เต็มได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็อย่าไปทิ้งบุญ ส่วนมากจะเอาตั้งแต่ปัญญาที่เกิดจากกิเลส มันก็ยิ่งปิดกั้นตัวเอาไว้หมด ปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา เกิดจากการเจริญสติ มีเหตุมีผล ชี้เหตุที่ผล เหตุผลทางด้านนามธรรม เหตุผลทางด้านรูปธรรม โลกธรรมก็อยู่ด้วยกัน กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร อยู่ อยู่คนเดียวเราก็ดูใจ แก้ไขเรา อยู่หลายคนเราก็แก้ไขเรา เราก็จะได้ไม่ได้ลำบาก ไม่ได้ลำบากขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ อาจจะลำบากอยู่เฉพาะกายเป็นก้อนทุกข์ ส่วนทางด้านจิตใจนี้มองเห็นหนทาง สติปัญญามองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิด
กิเลสมันยังค้างคาอยู่ตรงไหน มันเหลืออยู่ในระดับไหน เราก็จะได้จัดการกับตัวเรา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน เสียเวลาเปล่าๆ เราต้องแก้ไขตัวเรา เราอยู่ร่วมกัน ก็เพียงแค่ชี้แนะแนวทางให้เท่านั้นนะ แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านเอามาแจกแจงมาเปิดเผยหมดแล้ว อยู่ด้วยกัน เราก็พยายาม เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามช่วยกัน จนกระทั่งถึง ความหลุดพ้นของเรานั่นแหละ
ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะไป ไปอยู่ที่โน่นที่นี่จะเข้าใจในธรรม ถ้าการปฏิบัติการขัดเกลาการละกิเลส การทำความเข้าใจไม่มี มันก็ยากที่จะถึงจุดหมายปลายทางกัน เราได้ทำได้เท่าไรก็เอา ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสียสละ ความอดทน การยังประโยชน์ระดับของสมมติ มาแก้ไขตัวเราเอง ทั้งที่ทั้งพระทั้งชีนั่นแหละ ก็จะคอยสร้างสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เอง
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเขาออกให้ชัดเจนกัน
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ได้เท่าไรก็ดี