หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 60
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 60
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 60
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2556
พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา เวลาทางสมมติเราก็พยายามยังประโยชน์สมมติให้เต็มที่ เวลาดูใจ รู้ใจ ต้องรู้ทุกขณะจิตทุกขณะใจ ทุกขณะลมหายใจเข้าออกถึงจะถูกต้อง พยายามดู แต่ละวันอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ช่วยกันยังประโยชน์ ช่วยกันปลูกต้นไม้ เมื่อวานนี้ก็ปลูกได้หลายต้น ปลูกต้นสาละ โตขึ้นมาจะได้ออกดอก วันนี้พระเราช่วยกัน ช่วยกันปลูกต้นสาละ ทั้งสาละ ทั้งต้นปีบ ทั้งต้นไทร ไทรใหญ่ให้ร่มเงา วันนี้ไทรเข้ามาถึงยังก็ไม่รู้ ว่าจะมาส่งอีก 2 ต้น ได้มีเทวดาผู้ใจบุญ ท่านให้มาปลูก ไม่ได้ลำบาก จะทำอะไรก็ช่วยกัน ให้ร่มรื่นก่อนที่จะได้ฉลองสมโภชกัน ญาติโยมท่านใดจะน้อมนำธงมาถวายก็มาร่วมกันฝากเอาไว้คนละเล็กละน้อยเป็นอานิสงส์
ความเจริญเข้ามา ความเสื่อมก็เกิดขึ้น ทำไมถึงพูดอย่างนั้น ยิ่งเจริญเท่าไร ความไม่เป็นระเบียบมันก็ตามเข้ามา ทิ้งขยะกันเกลื่อน คนเราถ้าไม่ได้ฝึกพวกนี้ก็ทิ้งไปทั่ว เราก็ช่วยกันดูแลที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน คนเรานี่เห็นแก่อยากได้ความสุข แต่ไม่รู้จักทำหน้าที่ของตัวเรา มีตั้งแต่แสวงตั้งแต่ปลายเหตุไม่ดูต้นเหตุ ต้นเหตุทางสมมติก็ทำให้ดี ให้เป็นระเบียบถ้ายิ่งอยู่ด้วยกันเยอะๆ ถ้าไม่มีความรับผิดชอบก็ยิ่งเละเทะ ต้องพยายามรับผิดชอบตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา บอกเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น โทษตัวเราเอง ยิ่งคนมากเท่าไรถ้าไม่มีความรับผิดชอบที่เข้มแข็ง ความเละเทะก็ตามมา ความเสื่อมก็ตามมาเร็ว เราก็ต้องพยายามวางรากฐานให้เข้มแข็ง ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสียสละ ความอดทน แม้ตั้งแต่ความคิดอารมณ์ต่างๆ เราก็รู้จักแก้ไขความคิดอารมณ์ภายในของเรา เราก็จะอยู่กับบุญ อยู่กับสมมติที่สมบูรณ์แบบ อยู่กับสมมติที่มีความสุข
อีกอย่างหนึ่งนั้น ขโมยขโจรก็ตามเข้ามาเยอะ ก็พยายามระวัง ระวังดูแลรักษาทรัพย์สินของเรา บางคนก็มาคอยขโมยก็มี ขโมยขโจรมาแอบลักแอบฉก เป็นโดยสันดานก็มี เป็นโดยอุปนิสัยก็มี ก็ยกให้เป็นกรรม เราก็ระวังของเรา คนขโมยก็คอยที่จะเอาที่เราเผลอ จะไปโทษใครก็ไม่ได้ก็ยกให้เป็นกรรม ยิ่งเยอะเข้าหลายคนเข้า มาทุกทิศทุกที่ทุกทาง บางคนก็มาจากครอบครัวที่เป็นตระกูลสัมมาทิฏฐิ บางคนก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ บางคนก็มีความพร้อมทางสมมติ บางคนก็ไม่มีความพร้อม นำมาแก้ไขตัวเรา มาปรับปรุงตัวเรา ต่างคนก็ต่างแสวงหาความสงบความสุข บางคนก็มีความเกียจคร้าน บางคนก็มีความขยัน ถ้าคนขยันหมั่นเพียรมีความเสียสละ ไปที่ไหนก็ไม่ตกอับ ช่วยเหลือตัวเองได้ล้นเหลือไปช่วยเหลือคนอื่น บางคนก็เกียจคร้าน ทำอะไรก็ไม่ทำ มีตั้งแต่มือไม่ทำ เอาเท้าราน้ำ ก็เยอะ
ไม่ต้องไปโทษใคร โทษหลวงพ่อนี่แหละ ถ้าหลวงพ่อไม่มาอยู่มาตั้งมาทำมันก็คงจะไม่ คนก็คงจะไม่หลั่งไหลมา ก็ยกให้เป็นกรรมยกให้เป็นบุญ ใครมารีบตักตวงในทางที่ดีก็ได้บุญไป คนไหนมาสร้างกรรมไม่ดีก็ยกให้เป็นวิบากกรรมไป ยิ่งมาอยู่ร่วมกันก็ยิ่งให้ช่วยเหลือกัน อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน วิ่งตามกิเลสของคนอื่นมันจบไม่เป็น มันจบที่เรา แก้ไขที่เรา
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง อันนี้เป็นเพียงแค่การสร้างความรู้ตัว แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่องก็เพื่อที่จะเข้าไปดูรู้ใจของเรา รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของอาการของขันธ์ห้าในส่วนที่เป็นนามธรรม แต่เวลานี้ความรู้ตัวของพวกเรายังไม่ต่อเนื่องกันเลย มีตั้งแต่จะเอาปัญญาของโลกของสมมติไปใช้ ก็ถูกต้องอยู่ระดับของสมมติเท่านั้นเอง แต่ในหลักส่วนลึกๆ แล้วเราต้องคลายใจหรือว่าแยกรูปแยกนาม คลายวิญญาณออกรับรู้ สติปัญญาตามดูให้ชัดเจนหมด ตรงนี้ถ้าไม่มีความเปลี่ยนจริงๆ นี้มันยาก ยากอยู่
ถ้าคนมีความเพียรมีศรัทธามีความพร้อมจะง่าย ของยากก็จะเป็นของง่าย จากของง่ายแทบจะไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่ดูรู้เท่าทัน แล้วก็รู้จักละ รู้จักดับ ทำความเข้าใจกับสมมติ อยู่กับสมมติ เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ ใจของเราก็จะเป็นบุญ กายก็จะเป็นบุญ วาจาก็จะเป็นบุญ รู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา พยายามนะ อย่าพากันไปทิ้ง อย่าพากันทิ้ง พยายามรู้จักการเจริญสติ ลักษณะของคำว่าสติปัญญา ปัจจุบันธรรม ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้ต่อเนื่องจนกลายเป็นมหาสติ จนกลายเป็นมหาปัญญา กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกันนะ ถ้าเราไม่เข้าใจ ถ้าเราเข้าใจแล้วเราก็อยู่กับกิเลสนั่นแหละ ใช้กิเลสให้เป็นประโยชน์ กายของเรานี่แหละก้อนกิเลส เดี๋ยวก็หิว เดี๋ยวก็หนาว เดี๋ยวก็ร้อน ทวารทั้งหกก็ทำหน้าที่ดู ทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว
ถ้าเรามีสติปัญญาแยกภายในแล้ว เราก็แยกรูป รส กลิ่น เสียง ออกจากตัววิญญาณของเรา ทุกอย่างก็ทำหน้าที่เหมือนเดิม เราอยากยังสมมติของเราให้เกิดประโยชน์ เราก็ยังสมมติของเราให้น่าอยู่ น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ ขยันหมั่นเพียร ไม่เกียจคร้าน ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน เราพยายามทำขึ้นมา ทำสมมติ ทำธรรมชาติขึ้นมาให้น่าอยู่
หลวงพ่อก็พาทำมาตั้งแต่ 20-30 ปีนู้น จากความไม่มีป่าจนเป็นป่า จากความไม่มีอะไรจนล้นเหลือให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ได้ร่วมกันช่วยกันหลายรุ่นหลายชุดหลายฝ่ายมา คนโน้นช่วยกันคนนี้ช่วยกัน พวกเราก็มาอยู่ร่วมกัน ก็มาช่วยกัน พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะสานต่อโดยไม่ต้องไปเริ่มจากศูนย์ ก็จะยิ่งเพิ่มหรืออานิสงส์แห่งบุญ มหาบุญมากมาย ทำแล้วบริบูรณ์แล้ว ปีหน้าหลวงพ่อก็จะพาฉลองสมโภชให้บริบูรณ์ทุกอย่าง ตั้งโรงทานตลอดไป ทำบุญตลอดทุกปี บุญก็ยิ่งจะหลั่งไหลมามากมายมหาศาล มีความสุขกันทั่วทุกคน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2556
พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา เวลาทางสมมติเราก็พยายามยังประโยชน์สมมติให้เต็มที่ เวลาดูใจ รู้ใจ ต้องรู้ทุกขณะจิตทุกขณะใจ ทุกขณะลมหายใจเข้าออกถึงจะถูกต้อง พยายามดู แต่ละวันอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ช่วยกันยังประโยชน์ ช่วยกันปลูกต้นไม้ เมื่อวานนี้ก็ปลูกได้หลายต้น ปลูกต้นสาละ โตขึ้นมาจะได้ออกดอก วันนี้พระเราช่วยกัน ช่วยกันปลูกต้นสาละ ทั้งสาละ ทั้งต้นปีบ ทั้งต้นไทร ไทรใหญ่ให้ร่มเงา วันนี้ไทรเข้ามาถึงยังก็ไม่รู้ ว่าจะมาส่งอีก 2 ต้น ได้มีเทวดาผู้ใจบุญ ท่านให้มาปลูก ไม่ได้ลำบาก จะทำอะไรก็ช่วยกัน ให้ร่มรื่นก่อนที่จะได้ฉลองสมโภชกัน ญาติโยมท่านใดจะน้อมนำธงมาถวายก็มาร่วมกันฝากเอาไว้คนละเล็กละน้อยเป็นอานิสงส์
ความเจริญเข้ามา ความเสื่อมก็เกิดขึ้น ทำไมถึงพูดอย่างนั้น ยิ่งเจริญเท่าไร ความไม่เป็นระเบียบมันก็ตามเข้ามา ทิ้งขยะกันเกลื่อน คนเราถ้าไม่ได้ฝึกพวกนี้ก็ทิ้งไปทั่ว เราก็ช่วยกันดูแลที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน คนเรานี่เห็นแก่อยากได้ความสุข แต่ไม่รู้จักทำหน้าที่ของตัวเรา มีตั้งแต่แสวงตั้งแต่ปลายเหตุไม่ดูต้นเหตุ ต้นเหตุทางสมมติก็ทำให้ดี ให้เป็นระเบียบถ้ายิ่งอยู่ด้วยกันเยอะๆ ถ้าไม่มีความรับผิดชอบก็ยิ่งเละเทะ ต้องพยายามรับผิดชอบตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา บอกเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น โทษตัวเราเอง ยิ่งคนมากเท่าไรถ้าไม่มีความรับผิดชอบที่เข้มแข็ง ความเละเทะก็ตามมา ความเสื่อมก็ตามมาเร็ว เราก็ต้องพยายามวางรากฐานให้เข้มแข็ง ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสียสละ ความอดทน แม้ตั้งแต่ความคิดอารมณ์ต่างๆ เราก็รู้จักแก้ไขความคิดอารมณ์ภายในของเรา เราก็จะอยู่กับบุญ อยู่กับสมมติที่สมบูรณ์แบบ อยู่กับสมมติที่มีความสุข
อีกอย่างหนึ่งนั้น ขโมยขโจรก็ตามเข้ามาเยอะ ก็พยายามระวัง ระวังดูแลรักษาทรัพย์สินของเรา บางคนก็มาคอยขโมยก็มี ขโมยขโจรมาแอบลักแอบฉก เป็นโดยสันดานก็มี เป็นโดยอุปนิสัยก็มี ก็ยกให้เป็นกรรม เราก็ระวังของเรา คนขโมยก็คอยที่จะเอาที่เราเผลอ จะไปโทษใครก็ไม่ได้ก็ยกให้เป็นกรรม ยิ่งเยอะเข้าหลายคนเข้า มาทุกทิศทุกที่ทุกทาง บางคนก็มาจากครอบครัวที่เป็นตระกูลสัมมาทิฏฐิ บางคนก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ บางคนก็มีความพร้อมทางสมมติ บางคนก็ไม่มีความพร้อม นำมาแก้ไขตัวเรา มาปรับปรุงตัวเรา ต่างคนก็ต่างแสวงหาความสงบความสุข บางคนก็มีความเกียจคร้าน บางคนก็มีความขยัน ถ้าคนขยันหมั่นเพียรมีความเสียสละ ไปที่ไหนก็ไม่ตกอับ ช่วยเหลือตัวเองได้ล้นเหลือไปช่วยเหลือคนอื่น บางคนก็เกียจคร้าน ทำอะไรก็ไม่ทำ มีตั้งแต่มือไม่ทำ เอาเท้าราน้ำ ก็เยอะ
ไม่ต้องไปโทษใคร โทษหลวงพ่อนี่แหละ ถ้าหลวงพ่อไม่มาอยู่มาตั้งมาทำมันก็คงจะไม่ คนก็คงจะไม่หลั่งไหลมา ก็ยกให้เป็นกรรมยกให้เป็นบุญ ใครมารีบตักตวงในทางที่ดีก็ได้บุญไป คนไหนมาสร้างกรรมไม่ดีก็ยกให้เป็นวิบากกรรมไป ยิ่งมาอยู่ร่วมกันก็ยิ่งให้ช่วยเหลือกัน อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน วิ่งตามกิเลสของคนอื่นมันจบไม่เป็น มันจบที่เรา แก้ไขที่เรา
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง อันนี้เป็นเพียงแค่การสร้างความรู้ตัว แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่องก็เพื่อที่จะเข้าไปดูรู้ใจของเรา รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของอาการของขันธ์ห้าในส่วนที่เป็นนามธรรม แต่เวลานี้ความรู้ตัวของพวกเรายังไม่ต่อเนื่องกันเลย มีตั้งแต่จะเอาปัญญาของโลกของสมมติไปใช้ ก็ถูกต้องอยู่ระดับของสมมติเท่านั้นเอง แต่ในหลักส่วนลึกๆ แล้วเราต้องคลายใจหรือว่าแยกรูปแยกนาม คลายวิญญาณออกรับรู้ สติปัญญาตามดูให้ชัดเจนหมด ตรงนี้ถ้าไม่มีความเปลี่ยนจริงๆ นี้มันยาก ยากอยู่
ถ้าคนมีความเพียรมีศรัทธามีความพร้อมจะง่าย ของยากก็จะเป็นของง่าย จากของง่ายแทบจะไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่ดูรู้เท่าทัน แล้วก็รู้จักละ รู้จักดับ ทำความเข้าใจกับสมมติ อยู่กับสมมติ เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ ใจของเราก็จะเป็นบุญ กายก็จะเป็นบุญ วาจาก็จะเป็นบุญ รู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา พยายามนะ อย่าพากันไปทิ้ง อย่าพากันทิ้ง พยายามรู้จักการเจริญสติ ลักษณะของคำว่าสติปัญญา ปัจจุบันธรรม ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้ต่อเนื่องจนกลายเป็นมหาสติ จนกลายเป็นมหาปัญญา กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกันนะ ถ้าเราไม่เข้าใจ ถ้าเราเข้าใจแล้วเราก็อยู่กับกิเลสนั่นแหละ ใช้กิเลสให้เป็นประโยชน์ กายของเรานี่แหละก้อนกิเลส เดี๋ยวก็หิว เดี๋ยวก็หนาว เดี๋ยวก็ร้อน ทวารทั้งหกก็ทำหน้าที่ดู ทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว
ถ้าเรามีสติปัญญาแยกภายในแล้ว เราก็แยกรูป รส กลิ่น เสียง ออกจากตัววิญญาณของเรา ทุกอย่างก็ทำหน้าที่เหมือนเดิม เราอยากยังสมมติของเราให้เกิดประโยชน์ เราก็ยังสมมติของเราให้น่าอยู่ น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ ขยันหมั่นเพียร ไม่เกียจคร้าน ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน เราพยายามทำขึ้นมา ทำสมมติ ทำธรรมชาติขึ้นมาให้น่าอยู่
หลวงพ่อก็พาทำมาตั้งแต่ 20-30 ปีนู้น จากความไม่มีป่าจนเป็นป่า จากความไม่มีอะไรจนล้นเหลือให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ได้ร่วมกันช่วยกันหลายรุ่นหลายชุดหลายฝ่ายมา คนโน้นช่วยกันคนนี้ช่วยกัน พวกเราก็มาอยู่ร่วมกัน ก็มาช่วยกัน พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะสานต่อโดยไม่ต้องไปเริ่มจากศูนย์ ก็จะยิ่งเพิ่มหรืออานิสงส์แห่งบุญ มหาบุญมากมาย ทำแล้วบริบูรณ์แล้ว ปีหน้าหลวงพ่อก็จะพาฉลองสมโภชให้บริบูรณ์ทุกอย่าง ตั้งโรงทานตลอดไป ทำบุญตลอดทุกปี บุญก็ยิ่งจะหลั่งไหลมามากมายมหาศาล มีความสุขกันทั่วทุกคน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ