หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 65
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 65
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 65(new)
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2556
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เราได้วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ
การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็มีความรู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็มีความตั้งมั่นอยู่ในกายของเรา มีความรู้สึกรับรู้อยู่ภายใน ความรู้สึกรับรู้อยู่ส่วนบนส่วนสมอง รู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้ารู้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามสร้างความรู้สึกตัวทั่วพร้อมแล้วก็รู้เราก็รู้ให้ต่อเนื่อง
ถ้าพลั้งเผลอหรือว่าหลุดไปเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ จนเกิดความเคยชินในการรู้กาย แล้วก็รู้ใจ รู้ฐานของใจ รู้การเกิดของใจ รู้การเกิดของความคิดว่าเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร ทำไมใจของเราถึงเกิด ทำไมใจของเราถึงปรุงถึงแต่งส่งออกไปภายนอก ในความเป็นคิดนั้นเป็นกุศลหรือว่าอกุศล ในกายเนื้อของเราซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้า ซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครองเข้ามาสร้างภพสร้างชาติ เขาเป็นลักษณะอย่างไร วิญญาณหรือว่าใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ใจที่สงบภาษาธรรมเขาเรียกว่าอย่างไร สมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา การแยกรูป รส กลิ่น เสียงออกจากใจของเรา ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราต้องหมั่นตรวจสอบแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา
ถ้าเราฝึกหัดปฏิบัติไม่เข้าถึงความหมาย มันก็เป็นการปฏิบัติที่ใจยังเกิด ยังวิ่ง ยังหลงอยู่ อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ ไม่ใช่ว่าไม่ดี ก็ดีอยู่ ได้บุญอยู่ในระดับของสมมติ แต่เราต้องทำความเข้าใจคลายใจออกจากขันธ์ห้าให้รับรู้อยู่ในกายของเรา เพราะว่าทุกคนก็มีใจเป็นใหญ่ แต่กำลังสติมีน้อยที่จะไปหมั่นอบรมใจ แล้วก็ควบคุมใจ แล้วก็คลายใจ ชี้เหตุชี้ผลให้ใจมองเห็นความเป็นจริง ว่าอันนี้มันไม่เที่ยง การเป็นทาสของกิเลสมันก็เป็นทุกข์ การ การที่ใจของเราเกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความทะยานทะยานอยาก มันก็เป็นทุกข์
ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างนี้ ใจที่รู้เห็นความเป็นจริง เข้าใจ มองเห็นหนทางเดินเป็นอย่างนี้ คือใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่ปราศจากการเกิด แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของตัวเรา แล้วก็รู้จักหมั่นพร่ำละกิเลส กิเลสตัวไหนเกิดขึ้นเมื่อไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ แล้วจัดการกับเขาเสีย การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือ ต้องลงมืออยู่ตลอดเวลาจนไม่มีอะไรเหลือที่ใจของเรา จนกำลังสติปัญญาของเราไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่อง จนกว่าจะหมดลมหายใจ อยู่ด้วยปัญญา ไปด้วยปัญญา บริหารด้วยปัญญา ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี
คนเรานี่เกิดมาก็มีบุญแล้ว บุญเก่ามี บุญใหม่เราก็มาสร้างมาทำความเข้าใจ ปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริงเราต้องสร้างขึ้นมา แล้วก็ทำความเข้าใจให้กระจ่าง แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราต้องวิเคราะห์ตัวเราว่าเราขาดตกบกพร่องอะไร อะไรเราควรทำก่อน อะไรควรทำหลัง อะไรควรละ อะไรควรเจริญ ก็ต้องพยายามกัน ไปอยู่ที่ไหนก็จะได้ไม่ตกอับ อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข อย่าไปเกียจคร้าน ถ้าคนเราเกียจคร้านแล้วไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ เกียจคร้านทั้งภายนอก เกียจคร้านทั้งภายใน สร้างสะสมความเกียจคร้าน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีการขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ยากที่จะเข้าถึงธรรม การที่จะรู้ธรรมต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความขยันในการวิเคราะห์ในการพิจารณา ทั้งหยาบทั้งละเอียด ทั้งใกล้ทั้งไกล มองลงไปที่ใจของเรา ว่าขณะนี้ใจของเราเป็นอย่างไร หลายสิ่งหลายอย่าง เพราะว่าคนเรายังอาศัยสมมติ จิตใจก็มาอาศัยกาย กายก็อาศัยโลกธรรมอาศัยปัจจัยสี่เกี่ยวเนื่องกันอยู่ สมมติกับวิมุตก็อาศัยกันอยู่ เราต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างเสีย ก่อนที่จะหมดลมหายใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พระเราชีเราก็พยายามขยันหมั่นเพียร
วันนี้รวมพลกัน วันนี้รวมพลกันช่วยกันติดหินกาบเสาศาลาโรงทานกันนะ ติดหินกาบเสาศาลาโรงทานกัน ช่วงบ่ายๆ คงจะได้เทปูน เทปูนคานศาลาโรงทาน ศาลาที่จะทำศาลาโรงทาน ตั้งโรงทานที่แจกทาน เพื่อที่จะไม่ให้ได้ลำบากกัน มีโอกาสเราก็ได้ช่วยกันยังสมมติให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตรงไหนไม่ดีเราก็รีบช่วยกันทำ ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ห้องส้วมห้องน้ำ เราก็ช่วยกันดูแล คนเราถ้าไม่ได้ฝึกนี่ก็ลำบาก ขนาดช่วยกันทำ ช่วยกันฝึกอยู่ คนภายนอกก็เข้ามา บางทีก็ทิ้งเกลื่อนกลาดไปทั่ว นั่นแหละคนไม่ได้ฝึก จะเอาตั้งแต่ผล อยากได้ตั้งแต่ผล อยากได้แต่ความสุข เข้ามาก็มีความสุขอยู่ แต่ความเป็นระเบียบก็ทิ้งเกลื่อนไปทั่ว เพราะว่าขาดการฝึก ขาดการอบรม ขาดความเป็นระเบียบ
เราก็ช่วยกัน ขนาดฝึกอยู่แท้ๆ หาความเป็นระเบียบบางทีก็พลั้งเผลอก็มี ก็ต้องเริ่มใหม่ ถ้าคนเราขาดความเป็นระเบียบมันก็ยากที่จะเข้าถึงภายในได้ เราต้องจัดการทั้งภายนอกจัดการทั้งภายใน แล้วก็ล้นเหลือออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย ไม่เลือกกาลเลือกเวลา อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็รีบทำเสีย เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาเขาพลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ถ้าเราไปงอมืองอเท้า อยู่คนเดียวก็หนัก อยู่หลายคนก็หนัก หนักตัวเอง หนักสถานที่ เบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนคนอื่น แต่ส่วนมากจะไปชอบเบียดเบียนคนคนโน้นคนนี้ ไม่ว่ากระทั่งวาจา กระทั่งความคิด ไปอยู่ที่ไหนคนนู้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี สถานที่นั้นเป็นอย่างนั้นสถานที่นี้เป็นอย่างนี้ ทั้งกิเลสมันก็เกิดขึ้นจากภายในของเรานั่นแหละ ไม่รู้จักจัดการ
ถ้าใจของเราดีแล้ว เราก็มองเห็นโลกเป็นดีไปหมดนั่นแหละ ถ้าใจเราไม่ดีเราก็มองเห็นโลกไม่ดี รีบแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราเสียก่อนที่จะหมดลมหายใจ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ส่วนญาติโยมที่ชาวคณะโรงปูนที่ได้มาก็มีอะไรก็ช่วยกัน ให้ถือเสียว่ามาที่นี่มาบ้านของเรา มีอะไรก็ช่วยกันทำ ผู้บริหาร หัวหน้างานท่านก็ได้ทำบุญให้กับบริวาร จัดสรรบริวารมาวัด มาช่วยการช่วยงาน วางภาระหน้าที่การงานทางสมมติที่เคยทำอยู่ นี่แหละมีจิตใจที่เป็นบุญ อยากจะให้ทุกคนได้มีความสุข เข้ามาวัดก็ไม่นิ่งดูดาย ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบมีติดตามตัวมาตลอด อะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วยอะไรพอทำได้ก็ทำ ตั้งแต่จากความไม่มีอะไร มาช่วยกันทำจนบริบูรณ์จนสมบูรณ์นั่นแหละ พวกเราก็พลอยได้รับอานิสงส์
ในหน่วยงานต่างๆ ที่ได้มาช่วยกัน หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคน ขอบใจผู้บริหารที่ได้นำพาบริวารมาสร้างอานิสงส์สร้างกุศลกัน พวกเราก็ได้มาสร้างบุญสร้างบารมีทั้งกำลังกาย กำลังใจ ทั้งกำลังทรัพย์ อยู่ที่บ้านเราก็ทำ อยู่ที่โรงงานเราก็ทำ มีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละเพียงพอเต็มที่หรือไม่ เรามีความขยันเต็มที่หรือไม่ เรามีความรับผิดชอบเต็มที่หรือไม่ นั่นแหละอานิสงส์ก็จะติดตามตัวเราไป ถ้าเราไม่มีความเสียสละ เราก็คงจะทำงานให้กับส่วนรวมได้ยาก ทำงานให้กับส่วนรวมไม่ค่อยจะได้ ถ้าคนเรามีความเสียสละอยู่ที่ไหนก็เป็นงาน ทำงานให้เป็นงาน เราก็พลอยได้รับประโยชน์ในสิ่งที่เราทำ คนอื่นมาก็พอได้รับประโยชน์ ไม่ใช่ว่าฉันจะไปปฏิบัติธรรม ทำอะไรก็ไม่เป็น นั่นแหละโง่ ทั้งโง่ทั้งหลง ช่วยเหลือตัวเองก็ไม่ได้ ใช้ตัวเองก็ไม่เป็น หนักตัวเองหนักคนอื่น เป็นพันธะเป็นภาระให้กับหมู่กับคณะ เราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ไม่เหลือวิสัยหรอก
ยิ่งพระเราชีเรา หมั่นขยันหมั่นเพียรกันไม่ว่ากลางวันกลางคืน เรามาช่วยกันสร้างกองบุญกองนี้ให้ยิ่งใหญ่ เดี๋ยวนี้ก็ยิ่งใหญ่แล้วแหละ ยิ่งใหญ่ ใครไปใครมาก็มีความสุขยิ่งใหญ่ทางด้านจิตใจ มาแล้วก็มีความสุขทั้งใกล้ทั้งไกล อานิสงส์ผลบุญจากที่พวกเราทำก็ล้นเหลือเผื่อแผ่ไปทั่ว ก็พยายามประคับประคองให้เต็มที่ ปีหน้าก็จะได้พาฉลองสมโภชใหญ่ ก็คงจะประมาณช่วงก่อนมาฆะหรือว่าช่วงที่ต้นกัลปพฤกษ์ สวนมะลิวัลย์ออกดอกกันเต็มส่วนนั่นแหละ ปีหน้าก็คงจะเกือบเต็มเพราะปีนี้ก็ออกหลายต้น ออก 6-7 ต้น เกือบเต็มต้น ปีหน้าก็คงจะออกเกือบ เกือบเต็มหมดทั้งสวน ไม้ดอกไม้หอม สารพัดไม้ที่ลงมา ปีนี้ก็ลงมาเยอะ ลงมาเยอะในป่านี้ ลงสาละเยอะ ยังเหลืออีกประมาณสัก 300-400 ต้นน่ะ ที่จะเอามาลง ต้นเล็กๆ ต้นใหญ่ก็เยอะ ไม้หอม
ไม้สาละ ไม้ประวัติศาสตร์ที่เป็นไม้ที่พระพุทธองค์ท่านได้ประสูติอยู่ใต้ต้นสาละ ถ้าเติบโตขึ้นมานี่ออกดอกเต็มป่า เป็นสวนประวัติศาสตร์ของจังหวัดขอนแก่น หรืออาจจะเป็นของประเทศไทยก็ได้ เพราะว่าเอาไม้สาละมาปลูกเยอะหลายร้อยต้น 400-500 ต้น ทั้งไม้สาละ ไม้ปีบหอม ไม้กันเกรา ไม้หอมให้ร่มเงา ทั้งต้นไทรใหญ่ไทรเล็ก เอามาปลูกเพื่อความร่มรื่นร่มเย็น สมัย 30 ปีก่อนไม่เป็นอย่างนี้ จะหาที่เดินก็ยากลำบาก มีตั้งแต่ป่าเพ็กป่าหนาม มีตั้งแต่กองกระดูก ไม่มีใครอยากจะย่างกรายเข้ามา เพราะว่าไม่น่าอยู่เป็นสถานที่น่ากลัว แต่ทุกวันนี้เราทำสถานที่น่ากลัวให้เป็นสวนน่ารื่นรมย์น่าอาศัย ให้เป็นกองบุญใหญ่ด้วยแรงบุญแรงใจของทุกคนที่หล่อหลอมรวมกัน อาศัยกาล อาศัยเวลา อาศัยความเพียร อาศัยความเป็นหนึ่ง เรามา ก็อย่างอมืองอเท้า มาช่วยกันทำ จากคนรุ่นแรกสู่รุ่นต่อๆ ไป ถึงเราจากไป รุ่นหลังก็สร้างสานต่อไม่ได้ลำบาก ไม่ต้องมาเริ่มจากศูนย์ ไม่ต้องมาเริ่มใหม่ ก็จะได้เป็นอานิสงส์ใหญ่ของทุกคนของสถานที่ อานิสงส์ก็ตกอยู่กับพวกเรานั่นแหละ ไม่ได้ตกอยู่กับใครหรอก
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2556
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เราได้วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ
การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็มีความรู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็มีความตั้งมั่นอยู่ในกายของเรา มีความรู้สึกรับรู้อยู่ภายใน ความรู้สึกรับรู้อยู่ส่วนบนส่วนสมอง รู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้ารู้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามสร้างความรู้สึกตัวทั่วพร้อมแล้วก็รู้เราก็รู้ให้ต่อเนื่อง
ถ้าพลั้งเผลอหรือว่าหลุดไปเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ จนเกิดความเคยชินในการรู้กาย แล้วก็รู้ใจ รู้ฐานของใจ รู้การเกิดของใจ รู้การเกิดของความคิดว่าเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร ทำไมใจของเราถึงเกิด ทำไมใจของเราถึงปรุงถึงแต่งส่งออกไปภายนอก ในความเป็นคิดนั้นเป็นกุศลหรือว่าอกุศล ในกายเนื้อของเราซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้า ซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครองเข้ามาสร้างภพสร้างชาติ เขาเป็นลักษณะอย่างไร วิญญาณหรือว่าใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ใจที่สงบภาษาธรรมเขาเรียกว่าอย่างไร สมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา การแยกรูป รส กลิ่น เสียงออกจากใจของเรา ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราต้องหมั่นตรวจสอบแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา
ถ้าเราฝึกหัดปฏิบัติไม่เข้าถึงความหมาย มันก็เป็นการปฏิบัติที่ใจยังเกิด ยังวิ่ง ยังหลงอยู่ อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ ไม่ใช่ว่าไม่ดี ก็ดีอยู่ ได้บุญอยู่ในระดับของสมมติ แต่เราต้องทำความเข้าใจคลายใจออกจากขันธ์ห้าให้รับรู้อยู่ในกายของเรา เพราะว่าทุกคนก็มีใจเป็นใหญ่ แต่กำลังสติมีน้อยที่จะไปหมั่นอบรมใจ แล้วก็ควบคุมใจ แล้วก็คลายใจ ชี้เหตุชี้ผลให้ใจมองเห็นความเป็นจริง ว่าอันนี้มันไม่เที่ยง การเป็นทาสของกิเลสมันก็เป็นทุกข์ การ การที่ใจของเราเกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความทะยานทะยานอยาก มันก็เป็นทุกข์
ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างนี้ ใจที่รู้เห็นความเป็นจริง เข้าใจ มองเห็นหนทางเดินเป็นอย่างนี้ คือใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่ปราศจากการเกิด แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของตัวเรา แล้วก็รู้จักหมั่นพร่ำละกิเลส กิเลสตัวไหนเกิดขึ้นเมื่อไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ แล้วจัดการกับเขาเสีย การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือ ต้องลงมืออยู่ตลอดเวลาจนไม่มีอะไรเหลือที่ใจของเรา จนกำลังสติปัญญาของเราไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่อง จนกว่าจะหมดลมหายใจ อยู่ด้วยปัญญา ไปด้วยปัญญา บริหารด้วยปัญญา ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี
คนเรานี่เกิดมาก็มีบุญแล้ว บุญเก่ามี บุญใหม่เราก็มาสร้างมาทำความเข้าใจ ปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริงเราต้องสร้างขึ้นมา แล้วก็ทำความเข้าใจให้กระจ่าง แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราต้องวิเคราะห์ตัวเราว่าเราขาดตกบกพร่องอะไร อะไรเราควรทำก่อน อะไรควรทำหลัง อะไรควรละ อะไรควรเจริญ ก็ต้องพยายามกัน ไปอยู่ที่ไหนก็จะได้ไม่ตกอับ อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข อย่าไปเกียจคร้าน ถ้าคนเราเกียจคร้านแล้วไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ เกียจคร้านทั้งภายนอก เกียจคร้านทั้งภายใน สร้างสะสมความเกียจคร้าน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีการขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ยากที่จะเข้าถึงธรรม การที่จะรู้ธรรมต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความขยันในการวิเคราะห์ในการพิจารณา ทั้งหยาบทั้งละเอียด ทั้งใกล้ทั้งไกล มองลงไปที่ใจของเรา ว่าขณะนี้ใจของเราเป็นอย่างไร หลายสิ่งหลายอย่าง เพราะว่าคนเรายังอาศัยสมมติ จิตใจก็มาอาศัยกาย กายก็อาศัยโลกธรรมอาศัยปัจจัยสี่เกี่ยวเนื่องกันอยู่ สมมติกับวิมุตก็อาศัยกันอยู่ เราต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างเสีย ก่อนที่จะหมดลมหายใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พระเราชีเราก็พยายามขยันหมั่นเพียร
วันนี้รวมพลกัน วันนี้รวมพลกันช่วยกันติดหินกาบเสาศาลาโรงทานกันนะ ติดหินกาบเสาศาลาโรงทานกัน ช่วงบ่ายๆ คงจะได้เทปูน เทปูนคานศาลาโรงทาน ศาลาที่จะทำศาลาโรงทาน ตั้งโรงทานที่แจกทาน เพื่อที่จะไม่ให้ได้ลำบากกัน มีโอกาสเราก็ได้ช่วยกันยังสมมติให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตรงไหนไม่ดีเราก็รีบช่วยกันทำ ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ห้องส้วมห้องน้ำ เราก็ช่วยกันดูแล คนเราถ้าไม่ได้ฝึกนี่ก็ลำบาก ขนาดช่วยกันทำ ช่วยกันฝึกอยู่ คนภายนอกก็เข้ามา บางทีก็ทิ้งเกลื่อนกลาดไปทั่ว นั่นแหละคนไม่ได้ฝึก จะเอาตั้งแต่ผล อยากได้ตั้งแต่ผล อยากได้แต่ความสุข เข้ามาก็มีความสุขอยู่ แต่ความเป็นระเบียบก็ทิ้งเกลื่อนไปทั่ว เพราะว่าขาดการฝึก ขาดการอบรม ขาดความเป็นระเบียบ
เราก็ช่วยกัน ขนาดฝึกอยู่แท้ๆ หาความเป็นระเบียบบางทีก็พลั้งเผลอก็มี ก็ต้องเริ่มใหม่ ถ้าคนเราขาดความเป็นระเบียบมันก็ยากที่จะเข้าถึงภายในได้ เราต้องจัดการทั้งภายนอกจัดการทั้งภายใน แล้วก็ล้นเหลือออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย ไม่เลือกกาลเลือกเวลา อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็รีบทำเสีย เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาเขาพลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ถ้าเราไปงอมืองอเท้า อยู่คนเดียวก็หนัก อยู่หลายคนก็หนัก หนักตัวเอง หนักสถานที่ เบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนคนอื่น แต่ส่วนมากจะไปชอบเบียดเบียนคนคนโน้นคนนี้ ไม่ว่ากระทั่งวาจา กระทั่งความคิด ไปอยู่ที่ไหนคนนู้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี สถานที่นั้นเป็นอย่างนั้นสถานที่นี้เป็นอย่างนี้ ทั้งกิเลสมันก็เกิดขึ้นจากภายในของเรานั่นแหละ ไม่รู้จักจัดการ
ถ้าใจของเราดีแล้ว เราก็มองเห็นโลกเป็นดีไปหมดนั่นแหละ ถ้าใจเราไม่ดีเราก็มองเห็นโลกไม่ดี รีบแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราเสียก่อนที่จะหมดลมหายใจ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ส่วนญาติโยมที่ชาวคณะโรงปูนที่ได้มาก็มีอะไรก็ช่วยกัน ให้ถือเสียว่ามาที่นี่มาบ้านของเรา มีอะไรก็ช่วยกันทำ ผู้บริหาร หัวหน้างานท่านก็ได้ทำบุญให้กับบริวาร จัดสรรบริวารมาวัด มาช่วยการช่วยงาน วางภาระหน้าที่การงานทางสมมติที่เคยทำอยู่ นี่แหละมีจิตใจที่เป็นบุญ อยากจะให้ทุกคนได้มีความสุข เข้ามาวัดก็ไม่นิ่งดูดาย ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบมีติดตามตัวมาตลอด อะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วยอะไรพอทำได้ก็ทำ ตั้งแต่จากความไม่มีอะไร มาช่วยกันทำจนบริบูรณ์จนสมบูรณ์นั่นแหละ พวกเราก็พลอยได้รับอานิสงส์
ในหน่วยงานต่างๆ ที่ได้มาช่วยกัน หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคน ขอบใจผู้บริหารที่ได้นำพาบริวารมาสร้างอานิสงส์สร้างกุศลกัน พวกเราก็ได้มาสร้างบุญสร้างบารมีทั้งกำลังกาย กำลังใจ ทั้งกำลังทรัพย์ อยู่ที่บ้านเราก็ทำ อยู่ที่โรงงานเราก็ทำ มีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละเพียงพอเต็มที่หรือไม่ เรามีความขยันเต็มที่หรือไม่ เรามีความรับผิดชอบเต็มที่หรือไม่ นั่นแหละอานิสงส์ก็จะติดตามตัวเราไป ถ้าเราไม่มีความเสียสละ เราก็คงจะทำงานให้กับส่วนรวมได้ยาก ทำงานให้กับส่วนรวมไม่ค่อยจะได้ ถ้าคนเรามีความเสียสละอยู่ที่ไหนก็เป็นงาน ทำงานให้เป็นงาน เราก็พลอยได้รับประโยชน์ในสิ่งที่เราทำ คนอื่นมาก็พอได้รับประโยชน์ ไม่ใช่ว่าฉันจะไปปฏิบัติธรรม ทำอะไรก็ไม่เป็น นั่นแหละโง่ ทั้งโง่ทั้งหลง ช่วยเหลือตัวเองก็ไม่ได้ ใช้ตัวเองก็ไม่เป็น หนักตัวเองหนักคนอื่น เป็นพันธะเป็นภาระให้กับหมู่กับคณะ เราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ไม่เหลือวิสัยหรอก
ยิ่งพระเราชีเรา หมั่นขยันหมั่นเพียรกันไม่ว่ากลางวันกลางคืน เรามาช่วยกันสร้างกองบุญกองนี้ให้ยิ่งใหญ่ เดี๋ยวนี้ก็ยิ่งใหญ่แล้วแหละ ยิ่งใหญ่ ใครไปใครมาก็มีความสุขยิ่งใหญ่ทางด้านจิตใจ มาแล้วก็มีความสุขทั้งใกล้ทั้งไกล อานิสงส์ผลบุญจากที่พวกเราทำก็ล้นเหลือเผื่อแผ่ไปทั่ว ก็พยายามประคับประคองให้เต็มที่ ปีหน้าก็จะได้พาฉลองสมโภชใหญ่ ก็คงจะประมาณช่วงก่อนมาฆะหรือว่าช่วงที่ต้นกัลปพฤกษ์ สวนมะลิวัลย์ออกดอกกันเต็มส่วนนั่นแหละ ปีหน้าก็คงจะเกือบเต็มเพราะปีนี้ก็ออกหลายต้น ออก 6-7 ต้น เกือบเต็มต้น ปีหน้าก็คงจะออกเกือบ เกือบเต็มหมดทั้งสวน ไม้ดอกไม้หอม สารพัดไม้ที่ลงมา ปีนี้ก็ลงมาเยอะ ลงมาเยอะในป่านี้ ลงสาละเยอะ ยังเหลืออีกประมาณสัก 300-400 ต้นน่ะ ที่จะเอามาลง ต้นเล็กๆ ต้นใหญ่ก็เยอะ ไม้หอม
ไม้สาละ ไม้ประวัติศาสตร์ที่เป็นไม้ที่พระพุทธองค์ท่านได้ประสูติอยู่ใต้ต้นสาละ ถ้าเติบโตขึ้นมานี่ออกดอกเต็มป่า เป็นสวนประวัติศาสตร์ของจังหวัดขอนแก่น หรืออาจจะเป็นของประเทศไทยก็ได้ เพราะว่าเอาไม้สาละมาปลูกเยอะหลายร้อยต้น 400-500 ต้น ทั้งไม้สาละ ไม้ปีบหอม ไม้กันเกรา ไม้หอมให้ร่มเงา ทั้งต้นไทรใหญ่ไทรเล็ก เอามาปลูกเพื่อความร่มรื่นร่มเย็น สมัย 30 ปีก่อนไม่เป็นอย่างนี้ จะหาที่เดินก็ยากลำบาก มีตั้งแต่ป่าเพ็กป่าหนาม มีตั้งแต่กองกระดูก ไม่มีใครอยากจะย่างกรายเข้ามา เพราะว่าไม่น่าอยู่เป็นสถานที่น่ากลัว แต่ทุกวันนี้เราทำสถานที่น่ากลัวให้เป็นสวนน่ารื่นรมย์น่าอาศัย ให้เป็นกองบุญใหญ่ด้วยแรงบุญแรงใจของทุกคนที่หล่อหลอมรวมกัน อาศัยกาล อาศัยเวลา อาศัยความเพียร อาศัยความเป็นหนึ่ง เรามา ก็อย่างอมืองอเท้า มาช่วยกันทำ จากคนรุ่นแรกสู่รุ่นต่อๆ ไป ถึงเราจากไป รุ่นหลังก็สร้างสานต่อไม่ได้ลำบาก ไม่ต้องมาเริ่มจากศูนย์ ไม่ต้องมาเริ่มใหม่ ก็จะได้เป็นอานิสงส์ใหญ่ของทุกคนของสถานที่ อานิสงส์ก็ตกอยู่กับพวกเรานั่นแหละ ไม่ได้ตกอยู่กับใครหรอก
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ