หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 46
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 46
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 46
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 6 เมษายน 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจของเราให้ชัดเจน สักพักหนึ่ง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราได้สร้างความรู้ตัว แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสร้างความรับรู้ ให้ต่อเนื่อง ก็เลยพลาดโอกาสอันใหญ่ ก็เลยพลาดโอกาสที่จะรู้เท่าทันใจ รู้ลักษณะของใจ ว่าใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่เกิดกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่เป็นบุญเป็นอย่างไร เราจะรักษาบุญได้อย่างไร เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องศึกษาทำความเข้าใจ แล้วก็ค้นคว้า ทำความเข้าใจให้ถูกต้องทุกเรื่อง
ลักษณะกายของเราที่เป็นกองเป็นขันธ์เป็นลักษณะอย่างไร ที่ท่านว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก ขันธ์ห้าเป็นของทุกข์ ของสังขาร ของอดีต กองกุศล กองอกุศล ทำไมท่านถึงเรียกว่าเป็นกอง ทำไมท่านถึงเรียกว่าเป็นขันธ์ เป็นชิ้นเป็นอัน แต่เวลานี้มันรวมกันหมด รวมกันหมดทั้ง ทั้งใจทั้งกายเนื้อ มองเห็นรู้ว่าเป็นคน แต่พระพุทธองค์ท่านให้เจริญสติไปแจงลงไปอีก จากคน มนุษย์มีอะไรบ้าง มีธาตุสี่ขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง
ลักษณะของวิญญาณที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ลักษณะวิญญาณที่ไม่หลงเป็นอย่างไร คำว่าวิญญาณ แต่คนทั่วไปนึกว่าไปโทษเอาผีโน่น มันไม่ใช่ ก็วิญญาณในกายของเรานี่แหละ รู้จักชี้แนะแนวทางตัวเราเองให้รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างบุญสร้างบารมี ให้มีให้เกิดขึ้น มองเห็นความเป็นจริง ทั้งทางด้านรูปธรรม ทั้งทางด้านนามธรรม ระดับสมมติระดับโลกธรรมก็ยังประโยชน์ให้ถูกที่ถูกทาง ให้ถูกแนวทาง ละอกุศล เจริญกุศล ก็พยายามกัน
เกิด ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็นับว่ามีบุญอยู่ในระดับสูงมากทีเดียว ทีนี้เราก็มาสร้าง มาสานต่อ มาทำความเข้าใจต่อ ให้รู้แจ้งเห็นจริงว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องหลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐสี่ในชีวิตของเรา สอนเรื่องอัตตา สอนเรื่องอนัตตา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา สอนเรื่องความเกิดความดับ มีอยู่ในกายของเราหมดทุกอย่าง ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงตรงจุดนี้
เราก็ต้องมาเจริญสติ เพียงแค่การสร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่องกันสัก 5 นาทีก็ยังไม่ปะติดปะต่อ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ถ้าอยากจะรู้ความจริง เราก็ต้องพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง พอรู้จักวิธีแล้ว พอรู้จักแนวทางแล้ว ไปหมั่นสังเกตตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างนี้นะ ใจที่ไม่เกิดกิเลสเป็นนี้นะ ใจปรุงแต่ง เราควบคุม เราดับ เราระงับยับยั้ง เราควบคุมได้ระดับไปตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ไม่แสดงออกมาทางกายทางวาจา ใจจะเกิดกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความรู้ตัว ความรู้สึกรับรู้ของเราพลั้งเผลอ เราเริ่มขึ้นมาใหม่ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้
บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์เพียงแค่ได้ยินได้ฟังแล้ว รีบน้อมเข้าไปพิจารณารู้ใจของเรา มันพร่ำสอนใจของตัวเอง แล้วก็รู้จักแก้ไข อยู่คนเดียวก็หมั่นพร่ำสอนใจ แก้ไขใจของเรา ไม่ให้ใจของเราเกิดกิเลส ไม่ให้ใจของเราปรุงแต่ง ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจได้อย่างไร มันเป็นเรื่องอะไร ค่อยๆ แจงลงไปเรื่อยๆเราก็จะเห็น รู้ด้วยเห็นด้วยตามทำความเข้าใจได้ด้วย ใจคลายออกรับรู้ มองเห็นตามความเป็นจริง น้อมเข้าไปวิเคราะห์พิจารณาดั่งที่พระพุทธองค์ท่านได้ชี้แนะแนวทางเอาไว้ให้ หมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะละกิเลสออกให้มันหมดจด เดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง
ถึงเดินไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ก็ขอให้อยู่ในกองบุญ อยู่ในกองกุศล ไปในทางกุศล หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล สร้างตบะบารมี แต่ละวันเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็รู้จักละ เรามีความโกรธ เราก็รู้จักดับ รู้จักให้อภัย รู้จักอโหสิกรรม ไม่มีความตระหนี่เหนียวแน่น ละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากจิตจากใจของเรา รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจขยันหมั่นเพียรอยู่ตลอดเวลา ทั้งภายนอกภายใน ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์ในโลกนี้
ทำปัจจุบันให้ดีเถอะ ก็จะส่งผลถึงอนาคต พยายามทำให้ดี ทุกวันทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล ให้มองให้ลึก ให้ละเอียดในสิ่งเล็กๆ น้อยๆอย่าไปมองข้ามเพียงแค่ความอยาก อยากมี อยากเป็น ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง ความอยากที่เกิดจากตัววิญญาณของเรานั่นแหละ มันเป็นบ่อเกิดโมหะ ความหลง
ความหลง ตัววิญญาณเนี่ยมาสร้างภพ มาสร้างภพมาสร้างชาติ แล้วก็มาก่อร่างสร้างกายมนุษย์มาปิดห่อหุ้มดวงวิญญาณตัวเขาเองเอาไว้ ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปสังเกตเข้าไปวิเคราะห์ รู้จักควบคุม แยกแยะไม่ได้ ใจของเรายังแยกรูปแยกนามไม่ได้ ก็รู้จักควบคุมให้เขาอยู่ในกองบุญกองกุศล จนกว่าเขาจะแยกได้ แล้วก็ตามทำความเข้าใจให้เขารับรู้ความเป็นจริงทุกเรื่องได้นั่นแหละ เขาถึงจะมองเห็นความเป็นจริง ถึงจะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ได้ ก็ต้องพยายามกันนะ แต่ละวันๆ ก็ให้ใจของเราอยู่ในกองบุญ พากันสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน
วันนี้ก็เป็นวันที่ 6 เมษายน วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ 7 ก็จะได้ทำพิธีไถ่ชีวิตโค มีท่านผู้ใจบุญจากทางกรุงเทพโน่นแหละ พากันมาไถ่ชีวิตโคกัน ประมาณ 19 คู่ ประมาณ 3 โมงเช้า มีโอกาสก็อยากจะเชิญพี่น้องเรามาร่วมกันอนุโมทนาสาธุร่วมกัน ในการยืดชีวิตเขาให้ยืนยาวต่อไป พวกเราก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้าถึงเวลาก็ได้ไป จะไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไป ก็ประมาณสัก 3 โมงเช้า ก็จะได้ทำพิธีกัน ก็ขอเชิญทุกคน อานิสงส์บุญกุศล เรารีบทำรีบสร้าง ทำมากทำน้อยก็เป็นของเรา อย่าว่าไม่ทำ คนอื่นเขาทำ ก็เป็นส่วนของคนอื่น คนอื่นเขาทำเราก็พลอยยินดีอนุโมทนาสาธุ เราก็มีอานิสงส์แห่งบุญนั้นด้วย ไม่ใช่ว่าไปอิจฉาริษยา เรามีความอนุโมทนาสาธุ มีความยินดี เราก็พลอยได้รับอานิสงส์แห่งบุญนั้น ถึงกายของเราเขาไม่ได้เข้ามาร่วม ก็ให้ใจของเราอนุโมทนาสาธุ ไม่ว่าใครที่ไหนเขาสร้างคุณงามความดี
ความอคติ ความมลทิน หรือ อิจฉาริษยาต่างๆ เราพยายามขัดเกลา ละออกให้หมดจากจิตจากใจของเรา ให้มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี สะสมคุณงามความดีอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่เดินถึงช้าก็ต้องเดินถึงเร็ว ไม่ถึงวันนี้ก็ต้องถึงวันพรุ่งนี้ ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็เดือนหน้า ปีหน้า ถ้าไม่ถึงจริงๆ สิ่งที่พวกเราทำ พวกเราสร้างขึ้นมาก็จะไปต่อเอาภพหน้า เพราะว่าอะไร ตราบใดที่จิตหรือว่าวิญญาณยังเกิดอยู่ ไม่มีวันที่จะหยุดได้ เขาก็ต้องเกิด ตราบใดที่เรายังดับความเกิดไม่ได้ ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ อย่าไปทิ้ง
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 6 เมษายน 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจของเราให้ชัดเจน สักพักหนึ่ง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราได้สร้างความรู้ตัว แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสร้างความรับรู้ ให้ต่อเนื่อง ก็เลยพลาดโอกาสอันใหญ่ ก็เลยพลาดโอกาสที่จะรู้เท่าทันใจ รู้ลักษณะของใจ ว่าใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่เกิดกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่เป็นบุญเป็นอย่างไร เราจะรักษาบุญได้อย่างไร เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องศึกษาทำความเข้าใจ แล้วก็ค้นคว้า ทำความเข้าใจให้ถูกต้องทุกเรื่อง
ลักษณะกายของเราที่เป็นกองเป็นขันธ์เป็นลักษณะอย่างไร ที่ท่านว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก ขันธ์ห้าเป็นของทุกข์ ของสังขาร ของอดีต กองกุศล กองอกุศล ทำไมท่านถึงเรียกว่าเป็นกอง ทำไมท่านถึงเรียกว่าเป็นขันธ์ เป็นชิ้นเป็นอัน แต่เวลานี้มันรวมกันหมด รวมกันหมดทั้ง ทั้งใจทั้งกายเนื้อ มองเห็นรู้ว่าเป็นคน แต่พระพุทธองค์ท่านให้เจริญสติไปแจงลงไปอีก จากคน มนุษย์มีอะไรบ้าง มีธาตุสี่ขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง
ลักษณะของวิญญาณที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ลักษณะวิญญาณที่ไม่หลงเป็นอย่างไร คำว่าวิญญาณ แต่คนทั่วไปนึกว่าไปโทษเอาผีโน่น มันไม่ใช่ ก็วิญญาณในกายของเรานี่แหละ รู้จักชี้แนะแนวทางตัวเราเองให้รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างบุญสร้างบารมี ให้มีให้เกิดขึ้น มองเห็นความเป็นจริง ทั้งทางด้านรูปธรรม ทั้งทางด้านนามธรรม ระดับสมมติระดับโลกธรรมก็ยังประโยชน์ให้ถูกที่ถูกทาง ให้ถูกแนวทาง ละอกุศล เจริญกุศล ก็พยายามกัน
เกิด ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็นับว่ามีบุญอยู่ในระดับสูงมากทีเดียว ทีนี้เราก็มาสร้าง มาสานต่อ มาทำความเข้าใจต่อ ให้รู้แจ้งเห็นจริงว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องหลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐสี่ในชีวิตของเรา สอนเรื่องอัตตา สอนเรื่องอนัตตา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา สอนเรื่องความเกิดความดับ มีอยู่ในกายของเราหมดทุกอย่าง ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงตรงจุดนี้
เราก็ต้องมาเจริญสติ เพียงแค่การสร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่องกันสัก 5 นาทีก็ยังไม่ปะติดปะต่อ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ถ้าอยากจะรู้ความจริง เราก็ต้องพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง พอรู้จักวิธีแล้ว พอรู้จักแนวทางแล้ว ไปหมั่นสังเกตตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างนี้นะ ใจที่ไม่เกิดกิเลสเป็นนี้นะ ใจปรุงแต่ง เราควบคุม เราดับ เราระงับยับยั้ง เราควบคุมได้ระดับไปตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ไม่แสดงออกมาทางกายทางวาจา ใจจะเกิดกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความรู้ตัว ความรู้สึกรับรู้ของเราพลั้งเผลอ เราเริ่มขึ้นมาใหม่ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้
บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์เพียงแค่ได้ยินได้ฟังแล้ว รีบน้อมเข้าไปพิจารณารู้ใจของเรา มันพร่ำสอนใจของตัวเอง แล้วก็รู้จักแก้ไข อยู่คนเดียวก็หมั่นพร่ำสอนใจ แก้ไขใจของเรา ไม่ให้ใจของเราเกิดกิเลส ไม่ให้ใจของเราปรุงแต่ง ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจได้อย่างไร มันเป็นเรื่องอะไร ค่อยๆ แจงลงไปเรื่อยๆเราก็จะเห็น รู้ด้วยเห็นด้วยตามทำความเข้าใจได้ด้วย ใจคลายออกรับรู้ มองเห็นตามความเป็นจริง น้อมเข้าไปวิเคราะห์พิจารณาดั่งที่พระพุทธองค์ท่านได้ชี้แนะแนวทางเอาไว้ให้ หมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะละกิเลสออกให้มันหมดจด เดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง
ถึงเดินไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ก็ขอให้อยู่ในกองบุญ อยู่ในกองกุศล ไปในทางกุศล หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล สร้างตบะบารมี แต่ละวันเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็รู้จักละ เรามีความโกรธ เราก็รู้จักดับ รู้จักให้อภัย รู้จักอโหสิกรรม ไม่มีความตระหนี่เหนียวแน่น ละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากจิตจากใจของเรา รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจขยันหมั่นเพียรอยู่ตลอดเวลา ทั้งภายนอกภายใน ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์ในโลกนี้
ทำปัจจุบันให้ดีเถอะ ก็จะส่งผลถึงอนาคต พยายามทำให้ดี ทุกวันทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล ให้มองให้ลึก ให้ละเอียดในสิ่งเล็กๆ น้อยๆอย่าไปมองข้ามเพียงแค่ความอยาก อยากมี อยากเป็น ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง ความอยากที่เกิดจากตัววิญญาณของเรานั่นแหละ มันเป็นบ่อเกิดโมหะ ความหลง
ความหลง ตัววิญญาณเนี่ยมาสร้างภพ มาสร้างภพมาสร้างชาติ แล้วก็มาก่อร่างสร้างกายมนุษย์มาปิดห่อหุ้มดวงวิญญาณตัวเขาเองเอาไว้ ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปสังเกตเข้าไปวิเคราะห์ รู้จักควบคุม แยกแยะไม่ได้ ใจของเรายังแยกรูปแยกนามไม่ได้ ก็รู้จักควบคุมให้เขาอยู่ในกองบุญกองกุศล จนกว่าเขาจะแยกได้ แล้วก็ตามทำความเข้าใจให้เขารับรู้ความเป็นจริงทุกเรื่องได้นั่นแหละ เขาถึงจะมองเห็นความเป็นจริง ถึงจะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ได้ ก็ต้องพยายามกันนะ แต่ละวันๆ ก็ให้ใจของเราอยู่ในกองบุญ พากันสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน
วันนี้ก็เป็นวันที่ 6 เมษายน วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ 7 ก็จะได้ทำพิธีไถ่ชีวิตโค มีท่านผู้ใจบุญจากทางกรุงเทพโน่นแหละ พากันมาไถ่ชีวิตโคกัน ประมาณ 19 คู่ ประมาณ 3 โมงเช้า มีโอกาสก็อยากจะเชิญพี่น้องเรามาร่วมกันอนุโมทนาสาธุร่วมกัน ในการยืดชีวิตเขาให้ยืนยาวต่อไป พวกเราก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้าถึงเวลาก็ได้ไป จะไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไป ก็ประมาณสัก 3 โมงเช้า ก็จะได้ทำพิธีกัน ก็ขอเชิญทุกคน อานิสงส์บุญกุศล เรารีบทำรีบสร้าง ทำมากทำน้อยก็เป็นของเรา อย่าว่าไม่ทำ คนอื่นเขาทำ ก็เป็นส่วนของคนอื่น คนอื่นเขาทำเราก็พลอยยินดีอนุโมทนาสาธุ เราก็มีอานิสงส์แห่งบุญนั้นด้วย ไม่ใช่ว่าไปอิจฉาริษยา เรามีความอนุโมทนาสาธุ มีความยินดี เราก็พลอยได้รับอานิสงส์แห่งบุญนั้น ถึงกายของเราเขาไม่ได้เข้ามาร่วม ก็ให้ใจของเราอนุโมทนาสาธุ ไม่ว่าใครที่ไหนเขาสร้างคุณงามความดี
ความอคติ ความมลทิน หรือ อิจฉาริษยาต่างๆ เราพยายามขัดเกลา ละออกให้หมดจากจิตจากใจของเรา ให้มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี สะสมคุณงามความดีอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่เดินถึงช้าก็ต้องเดินถึงเร็ว ไม่ถึงวันนี้ก็ต้องถึงวันพรุ่งนี้ ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็เดือนหน้า ปีหน้า ถ้าไม่ถึงจริงๆ สิ่งที่พวกเราทำ พวกเราสร้างขึ้นมาก็จะไปต่อเอาภพหน้า เพราะว่าอะไร ตราบใดที่จิตหรือว่าวิญญาณยังเกิดอยู่ ไม่มีวันที่จะหยุดได้ เขาก็ต้องเกิด ตราบใดที่เรายังดับความเกิดไม่ได้ ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ อย่าไปทิ้ง
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ