หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 104

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 104
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 104
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ท่านได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง หรือว่าได้เจริญสติแล้วหรือยัง ทำความเข้าใจน้อมเข้าไปดู รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ อบรมใจของตัวเราเป็นแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวนี่ก็ ก็ทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่องหรือว่าไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าไหร่ จะเอาตั้งแต่ธรรม อยากได้ตั้งแต่ธรรม อยากได้ตั้งแต่บุญ ความอยาก ศรัทธาความอยากนั้นมีกันทุกคน แต่การเจริญสติ รู้ลักษณะของการสร้างความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันธรรมทำให้ต่อเนื่อง ตรงนี้ไม่ค่อยจะสนใจกัน ทั้งที่ก็หายใจเข้าออกตั้งแต่เกิด ก็หยุดหายใจภายในนาทีสองนาทีก็หมดแล้ว แต่คนเราขาดการทำความเข้าใจ

ใจนั้นเป็นทาสรู้แต่เขาหลงมานาน เขาหลงเกิดมานาน ทั้งรู้ ทั้งหลง ทั้งเกิด สารพัดอย่าง เขาเกิด เขาหลงตั้งแต่ยังไม่ได้มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ หลงวนเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้ภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งมาสร้างขันธ์ห้า เมื่อว่ามาสร้างร่างกายของมนุษย์ขึ้นมา มีขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอง ท่านถึงบอกว่าให้เจริญสติลงที่กายของเรา แล้วก็อบรมใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ทำไมใจถึงเกิดทำไมใจถึงหลงมายึดขันธ์ห้าร่างกายนี้ยังไม่พอ ก็ไปยึดเอาโลกธรรมอีกสารพัดอย่าง เป็นทาสของกิเลสอีก ก็เลยปิดมิดดวงใจเอาไว้เสียจนคลี่คลายออกยาก นอกจากบุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์สร้างตบะ สร้างบารมีขัดเกลากิเลส หมั่นสังเกตมั่น วิเคราะห์หมั่นสํารวจ หมั่นทำความเข้าใจ อบรมใจ รู้ลักษณะของการเจริญสติ คําว่าปัจจุบันธรรม

แนวทางนั้นมีมานานพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผย การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ใจที่สงบปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กายเกิดขึ้นที่ใจ กายทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างนี้ ท่านแจงเอาไว้ให้หมดทุกอย่าง เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะเจริญสติเข้าไปดู รู้เห็นเหตุเห็นผลจนกว่าใจจะคลายออกจากขันธ์ห้าให้ได้เสียก่อน ตามดูรู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของตัวเรา ก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน

ทุกคนตื่นขึ้นมาเอาตามอำนาจของใจตัวเอง เอาตามอำนาจของความความทะเยอทะยานอยากของใจของตัวเราเอง ทั้งอยากด้วย หวังด้วย ยึดด้วยสารพัดอย่าง กว่าจะคลี่คลายออกมาได้แต่ละจุด แต่ละชิ้นแต่ละอัน ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียร ความเพียรการเจริญสติ การวิเคราะห์ รู้ลักษณะของสติ รู้ลักษณะของใจ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ขันธ์ห้านั้นเขามีมาตั้งนาน ส่วนรูปส่วนนาม ส่วนรูปส่วนนามเขามีมาตั้งแต่เกิด เขาพัฒนามาด้วยกันมาตั้งนาน เราจะให้เขาคลายออกง่ายๆ ก็ต้องเจริญสติเข้าไปเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจมองเห็นความเป็นจริงหมด นั่นแหละเขาถึงจะปล่อยจะวางได้ ก็ต้องพยายาม สร้างอานิสงส์สร้างคุณงามความดี

หลวงพ่อจะพูดแต่ของเก่านี่แหละ ถ้าแยกแยะได้แล้วตามดูได้แล้ว หมดความสงสัยแล้ว เราก็จะเข้าใจในคําสอน มองเห็นหนทางเดิน แต่ถ้ายังแยกไม่ได้ก็ขอให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ อยู่ในคุณงามความดีเอาไว้ เพราะคนเราเกิดมาเท่าไรตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว ก่อนที่จะถึงเวลานั้นก็พยายามสร้างเข้าพกเข้าห่อเสบียงในการเดินทาง จนกว่าใจของเราจะไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

เพราะความจริงมีอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล วันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี ในภพต่างๆ ที่เรามองเห็นสัตว์เดรัจฉาน เราก็มองเห็นพวกมนุษย์ เราก็มองเห็นภพสูงๆ ขึ้นไป ทั้งนรกทั้งสวรรค์ อยากจะรู้ความจริงก็ปฏิบัติให้ปรากฏให้เห็นที่ใจของเรา เราก็จะได้มองเห็น เราพยายามแก้ไขอีกขณะที่เรายังมีกําลัง มีลมหายใจอยู่ จะได้ไม่เสียที่เสียเที่ยวที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็ได้พบพระพุทธศาสนาอีกด้วย แล้วก็มีใจเป็นสัมมาทิฏฐิ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ว่าท่านสอนเรื่องอะไรเราจะดำเนินอย่างไร ถึงจะเข้าถึงตรงนั้น

วิธีการแนวทางต่างๆ จะคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหนก็เพื่อที่จะละกิเลส เพื่อที่จะคลายความหลง ก็เพื่อให้ทำใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์กลับคืนสู่สภาพเดิมคือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน แต่เวลานี้กําลังสติมีน้อย ไม่ค่อยจะสร้างกันเลย

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พาไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง