หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 091

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 091
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 091
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน มีโอกาสพวกเราก็ได้มาสร้างบุญร่วมกัน ภายในวันข้างหน้าก็จะเป็นกองบุญอันยิ่งใหญ่มหึมา ไม่จบไม่สิ้น คนรุ่นหลังก็มาสานต่อ พวกเรามีโอกาสมาก มีโอกาสมีจังหวะมีเวลา น้อมใจของเราเข้ามา บุญทานวัตถุทานเราก็ได้ทำ การเจริญสติภาวนา การทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย การเจริญสติ การละกิเลส การแยกรูปแยกนาม น้อมใจของเราให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร ทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร ทุกอย่างมีเหตุมีผลหมด เว้นเสียแต่ว่าเราจะเห็นเหตุเห็นผล เข้าถึงเหตุถึงผล แล้วก็ตามดูรู้ความจริงได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรที่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับการสร้างบารมีที่ถูกต้อง การสร้างบารมีอย่างเรามีความเสียสละเพื่ออะไร เพื่อละกิเลส เพื่อขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจของเรา ทำใจให้สะอาด ทำใจให้บริสุทธิ์ อานิสงส์ผลบุญผลทานก็จะส่งผลให้ ให้ถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ เราพยายามดำเนินให้รู้ ให้เห็น ให้เข้าถึง ขณะยังมีลมหายใจอยู่ มองเห็นหนทางเดินของตัวเรา ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

เพราะว่าทุกคนเกิดมาเท่าไรก็ตายหมด เกิดมาเท่าไรก็ตายหมด ความเป็นจริงหลักสัจธรรมเป็นอยู่อย่างนั้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งทางด้านรูปธรรม ทั้งทางด้านนามธรรม นามธรรมคือความคิด อารมณ์ ตัววิญญาณ ในกายเนื้อของเราซึ่งเป็นส่วนนามธรรม เจริญสติเข้าไปอบรมถึงจะรู้ ถึงจะเห็น ถึงจะเข้าใจ รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย พระพุทธองค์ท่านถึงบอกให้เชื่อ อย่าไปเชื่อแบบงมงาย ต้องเชื่อด้วยปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง ทำความเข้าใจให้ถึงให้ปรากฏ เราถึงจะเข้าใจในเรื่องการทำบุญให้ทาน ในเรื่องการดำเนินชีวิตที่แท้จริง แต่เราก็ยังไม่เข้าถึงตรงนั้น ก็เข้าถึงอยู่เฉพาะปัญญาของสมมติ อาจจะถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติ อะไรที่จะนําความทุกข์มาให้ เราพยายามละเสีย อะไรที่จะนําความสุขมาให้ เราก็พยายามรีบดำเนิน ให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์สูงสุด ประโยชน์ในโลกปัจจุบัน ในโลกหน้า แล้วก็วันพรุ่งนี้มี เดือนหน้ามี ปีหน้ามี ภพหน้ามี ดังนั้นเราทำหน้าที่ดูแลอยู่ปัจจุบันของเราให้ดี จะส่งผลถึงอนาคตได้โดยปริยาย

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง แล้วเราทำให้ต่อเนื่องแล้วหรือยัง เพียงแค่สร้างหรือว่าเจริญให้ต่อเนื่อง พวกเราก็พลั้งเผลอกันเพราะว่าความเคยชินเก่า ศรัทธาที่เกิดจากใจนั้นมีเต็มเปี่ยม การฝักใฝ่ในบุญนั้นก็มีกันเต็มเปี่ยม การค้นคว้า การแสวงหา แต่เป็นการค้นคว้าที่เกิดจากใจ เขายังหลงอยู่ เขายังเกิดอยู่ ยังคิดอยู่

ความคิดนั่นแหละคือความหลง ตัวแรกตัววิญญาณ เพียงแค่คิดส่งออกไปภายนอก ปรุงแต่งไปเป็นเรื่องเป็นราว ทีนี้ก็มี เขาก็มาสร้างขันธ์ห้า อาการของขันธ์ห้าอีก ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม เขาก็ผุดขึ้นมา ตัวใจของเราก็เข้าไปรวมเป็นตัวเดียวกัน แล้วก็ไปด้วยกันส่งเสริมกันไป แล้วก็ปัญญาก็ส่งเสริมกันไปอีก เป็นกลุ่มเป็นก้อนส่งไปภายนอก เห็นผิดเห็นถูกอยู่ระดับภายนอก นั่นแหละเขาเรียกว่าหลงอยู่ในความรู้ตรงนั้นอยู่

พระพุทธองค์ท่านจึงได้ให้เจริญสติเน้นลงที่กายของเรา เจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงให้ได้เสียก่อน แล้วก็เอาไปรู้เท่าทันใจ รู้ไม่ทันเราก็ใช้สมถะเข้าไปดับ ท่านถึงว่าให้อยู่กับลมหายใจบ้าง อยู่กับการเคลื่อนไหวบ้าง สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวต่อเนื่องแล้วเราก็เอาไปอบรมใจ สังเกตใจกับความคิด ถ้าสังเกตทันขณะเขาเคลื่อนเข้าไปรวมกัน เขาจะแยกออกจากกัน ซึ่งท่านเรียกว่าสัมมาทิฏฐิ

ความเห็นถูกต้อง ในข้อแรกในการดำเนินทางอริยมรรคในองค์แปด หรือว่าหนทางเดิน เห็นด้วย แยกแยะได้ด้วย เขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ใจก็จะพลิก หงายจากของที่คว่ำ เหมือนกับหงายขันขึ้นมา ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา ทั้งที่กายก็มีอยู่ ใจก็มีอยู่ แต่เขาก็จะว่าง เขาก็จะเบา นั่นแหละใจขณะที่ใจพลิก ใจหงาย ใจว่าง ใจโปร่ง เขาไม่มีกิเลส เขาไม่ได้ยึดในขันธ์ห้า เขาก็เลยว่าง ว่างอยู่ในกายของเรานี่แหละ มีสติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมาตามดู เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า เขาเรียกว่าเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ นั่นแหละท่านถึงบอกว่าชี้ลงที่เหตุ แยกแยะได้ตามดูได้

ใจจะเกิดกิเลส เราก็ละเราก็ดับ ใจจะปรุงแต่งส่งไปภายนอก เราก็ดับ ดับความเกิด หนุนกําลังสติไปเกิดแทน ชี้เหตุชี้ผลจนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ เราถึงจะเข้าถึงคําสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจในความหมายของธรรมะที่พระพุทธองค์ประกาศ ท่านประกาศเรื่องหลักของอริยสัจ ใจส่งไปภายนอกอย่างไร การดับอย่างไร การแยกรูปแยกนามอย่างใด เราแยกได้ ตามดูได้ เราก็จะเข้าใจในเรื่องกรรม

กรรม คืออาการของขันธ์ห้านี่แหละมาปรุงแต่ง หมุนเป็นวงกลม เราแยกได้เหมือนกับตัดวงกลมออก ถ้าเราขาดการตามทำความเข้าใจอีก เขาก็จะซึมเข้าสู่สภาพเดิมอีก สิ่งที่หลวงพ่อพูดนี่ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียร ความเพียรเป็นเลิศ ขยันเป็นเลิศ แล้วก็สร้างตบะบารมีขัดเกลากิเลส ความโลภ ความโกรธ ความอยาก ความยินดียินร้าย ความทะเยอทะยานอยาก ความไม่อยาก คนทั่วไปทั้งอยากด้วย ทั้งหวังด้วย ทั้งยึดด้วย

คนทั่วไปเพียงแค่การเกิดของจิตวิญญาณนั้นเขาก็ปิดกั้นตัวเองเอาไว้อย่างลุ่มลึกเลยทีเดียว หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ในภพของมนุษย์ หลงเกิด เกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งมาสร้างกายมนุษย์ขึ้นมา แล้วก็มาปิดกั้นตัวเองอีก ส่วนรูปธรรม ส่วนนามธรรม แล้วก็มีกิเลสหยาบ กิเลสละเอียดอีก สารพัดอย่าง แต่ขอให้เรามีความเพียร เดินตามทางของพระพุทธองค์ให้รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบงมงาย ใครว่าอย่างไรก็เอาอย่างนั้น ใครทำอย่างไรก็ไปอย่างนั้น อย่างนั้นเขาเรียกว่าเชื่อแบบงมงาย แต่อาจจะเป็นการงมงายอยู่ในกองบุญกองกุศล ยังไม่รู้แจ้งเห็นจริง ยังไม่รู้เหตุรู้ผล ต้นเหตุที่แท้จริง เราก็ต้องพยายาม อย่าพากันปล่อยปละละเลย

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราสํารวจใจของเราแล้วหรือยัง เราสํารวจกายของเราแล้วหรือยัง ความคิด เขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร สติปัญญาเราสร้างขึ้นมา เอาไปใช้การใช้งานได้หรือไม่ เพียงแค่สร้าง ทำให้ต่อเนื่องตรงนี้ก็ยังร่อแร่กันอยู่ ยังทำกันไม่ค่อยได้ มันจะเป็นในรู้ในขั้นสูงๆ ได้อย่างไร ก็ต้องพยายามนะ

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง