หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 089
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 089
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราพิจารณากายของเรา พิจารณาใจของเรา อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลาทุกอิริยาบถ การเกิดการดับของใจหรือว่าวิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร ใจเกิดความอยากใจปรุงแต่ง ความคิดขันธ์ห้าผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ตัวไหนเป็นตัวสั่ง สั่งมาทำบุญที่วัดตัวไหนเป็นตัวสั่ง ใจหรือว่าปัญญา
เราต้องพยายามแยกแยะให้ได้ ส่วนมากก็เป็นใจ เพราะว่าการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้า ตรงนี้มีมานานก็หลงมานานเขาเป็นตัวสั่ง เราก็ทำตามแล้วก็ส่งเสริม ไม่ได้จําแนกแจกแจงให้ใจรับรู้อยู่ในกาย ความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา เราอย่าพากันประมาท พยายามให้ใจของเรามันตายจากกิเลส ตายจากความยึดมั่นถือมั่น มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
แนวทางนั้นมีมานานพระพุทธองค์ท่านค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้ปฏิบัติตาม สร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี ให้ใจของเราไม่ต้องกลับมาเกิด การเกิดนี่ถ้าไม่หลงไม่เกิด หลงมานาน หลงอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ ท่านถึงให้มาเจริญสติเข้าไปแจงเข้าไปแยกแยะว่ากายของเรามีอะไรบ้าง อันไหนเป็นส่วนรูป อันไหนเป็นส่วนนาม อันไหนวิญญาณในกายเป็นอย่างไร รอบรู้ในกองสังขารเป็นอย่างไร ความเกิดความอยากแม้แต่นิดเดียว ก็อย่าให้เกิดขึ้นที่ใจ อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง อยากในอาหาร
ตามองเห็นอาหารเห็นขนมนมเนย ใจของเราเกิดความอยากได้อย่างไร เราก็ต้องดู ถ้าเราไม่รู้จักละความอยาก ดับความอยาก พอมากขึ้นๆ เห็นอะไรก็จะเอา ยึด ไม่เอาด้วยวิธีใดก็เอาด้วยวิธีหนึ่ง ด้วยความทะเยอทะยานอยาก ท่านให้ละความอยาก ในหลักธรรม ละทั้งความอยาก ละทั้งความหวัง แต่การกระทำของเรามีรับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผล
การพูดง่าย แต่การลงมือจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรขัดเกลา เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ ฝักใฝ่สนใจ หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสํารวจหมั่นตรวจตา รู้ตัวรู้กายรู้ใจ ทุกอิริยาบถ จนใจคลายออกจากความคิด แยกรูปแยกนาม นั่นแหละท่านถึงเรียกว่า ‘ความเห็นถูก’
เพียงแค่แยกได้ก็ยังยาก เห็นถูก ตามดูรู้เห็นความเป็นจริง เข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เข้าใจในความหมายของภาษาธรรมภาษาโลก ถึงคนเราจะมีปัญญามากมายถึงขนาดไหน ถ้าแยกแยะไม่ได้ก็เป็นปัญญาของโลกีย์ ดับทุกข์ไม่ได้ แต่ก็เอาไปใช้ได้อยู่ในระดับของสมมติ ปัญญาวิมุตติปัญญาสมมติ เราจงพลิกปัญญาโลกให้เป็นปัญญาธรรม แยกรูปแยกนาม ตามดู หนุนกําลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทน คนเราเกิดมาเท่าไรตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่พยายามรีบสร้างอานิสงส์สร้างตบะสร้างบารมี มองเห็นหนทางเดิน ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ ทำหน้าที่ของเราให้ดี
พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องชีวิตของเรา ไม่ได้สอนเรื่องอันอื่น สอนเรื่องชีวิตของเรา สอนเข้าไปดูรู้ที่เหตุ เหตุตั้งแต่ตัวใจตัววิญญาณมันเกิด ทำไมวิญญาณถึงเกิดหรือว่าใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง เราจะเอาอะไรเข้าไปดูเข้าไปรู้ เราก็ต้องมาเจริญสติ เพียงแค่สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันพวกเราก็ยังไม่ชํานาญ เพียงแต่ปัญญาที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้าไปมั่นหมายเอาตัวนั้น ถ้าเรามาเจริญสติให้ต่อเนื่องจริงๆ แยกได้จริงๆ เราถึงจะมองในคําสอนของพระพุทธองค์ออก การควบคุมใจมีเป็นบางเรื่องบางครั้งบางคราว แต่การแยกแยะทำความเข้าใจหนุนกำลังสติปัญญาไปใช้ ตรงนี้ก็ไม่ชํานาญกัน
ใกล้จะออกพรรษางานกฐินวันที่ 1 พฤศจิกายน ก็ขอเชิญพี่น้องเราทุกคนมาร่วมสร้างมหากฐินสร้างมหาเจดีย์ใหญ่พุทธเมตตาหลวง ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธองค์ สร้างมหาเจดีย์ พุทธะนามของพระพุทธเจ้า พุทธะคือ ผู้รู้ รู้อะไร รู้ใจใจเป็นธาตุรู้ ไม่ให้หลงไม่ให้เกิด แต่ใจเขาหลงเกิด มาอยู่ในภพมนุษย์ แล้วก็ยังเกิดต่อ คิดต่อๆ ยังไม่พอ ยังเป็นทาสของความอยากอีก ความยินดียินร้ายสารพัดอย่างเขารุมเล่นงานเราไม่รู้ตัว แถมสมัครใจให้กิเลสเล่นงานอีก เราต้องบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น การทำบุญทำอย่างไร ทำบุญเพื่ออะไร เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่อยังประโยชน์ระดับของสมมติ เราทำหน้าที่ของเราให้จบ จากหน้าที่ก็จะเป็นภาระ จากภาระก็มาเป็นหน้าที่ จากหน้าที่ก็มาเป็นความรับผิดชอบต่อตัวเราให้มันจบ แล้วก็ล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ สู่พี่สู่น้อง
คนทั่วไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ แบกภาระตัวเองไปโยนให้คนโน้นไปโยนให้คนนี้ หนักตัวเอง หนักสถานที่ ไม่รู้ตัว เพราะความไม่รู้ความหลง ถ้าคลายความหลงได้ แก้ไขตัวเองได้ กระทั่งสมมติระดับโลกธรรมก็ไม่ให้ลําบาก ทางด้านจิตใจก็มองเห็นหนทางเดิน คนเราไม่อยากจะหลงหรอก แต่ความไม่รู้ ความหลงเข้าครอบงำยังว่าตัวเองไม่หลงอยู่ เพียงแค่คุณงามความดียึดติดในคุณงามความดี ก็ยังหลงอยู่ในระดับสิ่งที่ดี หลงบุญหลงบาป
ในหลักธรรมท่านให้แยกให้คลาย สร้างบุญ ละบาป ไม่ยึดติดในบุญ ทำความเข้าใจในชีวิตของตัวเรา คนที่มีอานิสงส์มีบุญมีปัญญา ตื่นขึ้นมารีบดูใจรีบแก้ไขใจตัวเอง อะไรควรทำก่อน อะไรควรทำหลังประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า เอาโลกปัจจุบันให้ดี เพียงแค่น้อมสำเหนียกดูใจ รู้ไม่ทันก็หยุดเอาไว้ เริ่มใหม่ การทำบุญให้ทาน ความเสียสละระดับของสมมตินั้นมีอยู่มาตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ไม่เอารัดเอาเปรียบคนโน้นเอารัดเอาเปรียบคนนี้ ไม่ต้องไปกลัวไปกังวลว่าคนโน้นจะว่าเราอย่างนั้นคนนั้นจะว่าเราอย่างนี้สารพัดอย่าง กิเลสมันเล่นงาน เราห้ามคนอื่นคิดไม่ได้ห้ามคนอื่นพูดไม่ได้ เขาอยากจะพูดก็ให้พูดไป เขาอยากจะว่าก็ให้ว่าไป เรามาห้ามใจของเรา
เราดูใจของเรา เขาว่าเรามามันเป็นดั่งเขาว่าไหม ถ้าเป็นดั่งเขาว่าก็รีบแก้ไขเราได้ประโยชน์ มีความสุข ได้บุญเพิ่มขึ้นไปอีก เขาด่าเราเขาว่าเราดูใจของเรา เราโกรธให้เขาหรือเปล่า ถ้าเราโกรธให้เขาก็แสดงว่าเราแย่ ถ้าเราไม่โกรธให้อภัยทานอโหสิกรรม ใจยิ่งมีความสุข เราชนะกิเลส ถ้าเราไม่รับเราสิ่งที่เขาว่ามา สิ่งที่เขานั่นมาก็กลับคืนไปสู่เขา เหมือนกับที่พระพุทธองค์ท่านว่า ถุยน้ำลายขึ้นบนฟ้ามันก็ตกลงใส่คนที่ถุยนั่นแหละ อะไรที่ไม่ดีก็รีบแก้ไขเสีย อะไรที่มันดีเราก็พยายามสร้างสานขึ้นไปอีก
อีกสักหน่อยก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง สัจธรรมมีอยู่ ความจริงมีอยู่ ความจริงก็อยู่ในกายของเรานี่แหละ วิญญาณในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร รอบรู้ในกองสังขารเป็นอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดนี้มีมาทีหลัง ทุกคนก็มีกิเลสหมดถึงได้เกิด ถึงละความโลภ ความโกรธ ความทะยานทะยานอยากออกหมด ใจมันยังเกิดอยู่ เพราะว่าเป็นกิเลสละเอียด ความหลงอย่างละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิดนอกจากเราจะดับความเกิดได้ แต่ก็ดำเนินความเกิดด้วยปัญญา จนกว่ากายจะแตกจะดับ
นั่งฟังไปด้วยรู้ลมหายใจไปด้วย อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกอิริยาบถ ใจจะก่อตัวก็รู้ก็เห็น จะทำโน่นทำนี่ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์ ให้รีบทำก่อนที่จะหมดลมหายใจ กําลังกาย กําลังใจ กําลังทรัพย์ บางคนบางท่านก็สร้างมาดี บางคนบางท่านก็มาสร้างเอาใหม่ มีความสุขที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พระพุทธองค์ท่านถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์เพราะว่าอาศัยกายเนื้อก้อนนี้ทำคุณงามความดี ทำความสะอาดใจของตัวเอง แต่ส่วนมากก็ใจมันก็หาเรื่องมาปิดกั้นตัวเราเอาไว้แน่นหนาเหมือนกัน ทั้งใจ ทั้งขันธ์ห้า ทั้งสติปัญญารวมกันไปแล้วสร้างสมมติโลกธรรมมาปิดกั้นเอาไว้อย่างแน่นหนาอีก พอคลายภายในไม่ได้ แต่ก็ให้สร้างคุณงามความดีอยู่ในกองบุญเอาไว้ก็ยังดี ยังดีก็กว่าที่จะตกไปสู่กองลําบาก
ญาติโยมก็เยอะ ชีเราก็เริ่มเยอะ พระเราก็เยอะ พยายามบอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น อย่าให้ลําบาก เราพยายามแก้ไขเรา สมมติมาอยู่ร่วมกัน ทำบุญร่วมกันนั่นแหละ ถึงได้มาอยู่ร่วมกัน รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูล รู้จักฝักใฝ่สนใจ รู้จักหน้าที่ ก็จะมีเพียงแค่ระดับโลกธรรมก็จะได้เท่านี้ก็ลําบาก ก็จะให้พวกท่านได้มาเดิน มานั่ง มาอยู่ มากิน อาหารตา อาหารกาย อาหารใจ ทุ่มเททุกอย่างทั้งกลางค่ำกลางคืน ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อให้พวกท่านได้อยู่ดีมีความสุข ยังจะพากันเกียจคร้าน ไม่ละทิฏฐิละมานะ เอาตั้งแต่กิเลสเข้าห้ำหั่นกันอย่างนี้ก็ช่วยเหลือไม่ได้นะ ต้องมาแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา มาสร้างบุญร่วมกัน
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบายวางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ กายของเราก็วางภาระหน้าที่ทางสมมติทางบ้านเข้ามาถึงวัด ทีนี้ใจของเราก็พยายามทำใจให้สงบตั้งมั่นอยู่ในกายของเรา หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราหยุดไม่ได้ก็ให้รู้จักกระตุ้นความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสังเกต พวกเราก็ขาดการวิเคราะห์ว่าการหายใจเข้าเป็นอย่างนี้ หายใจออกเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกรับรู้เวลาลมกระทบปลายจมูกท่านเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ การเจริญสติให้ต่อเนื่องพวกท่านทำกันแล้วหรือยัง รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้แล้วหรือยัง เพียงแค่สร้างก็ยังไม่ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจก็อยากจะเห็นธรรม อยากจะรู้ธรรม อยากจะได้ธรรม แต่ไม่รู้จักวิเคราะห์
การทำบุญให้ทาน ศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ในระดับหนึ่งแต่ขาดปัญญา ปัญญามีอยู่เป็นแค่เพียงปัญญาของโลกีย์ นึกเอาคิดเอาว่าเป็นอย่างนั้นว่าเป็นอย่างนี้ แต่ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติจนเอาสติไปใช้ รู้เท่าทันใจ รู้ไม่ทันก็รู้จักดับรู้จักหยุด เขาเรียกว่า สมถะ ปรับปรุงใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา ใจเกิดความโลภเราก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธเราก็พยายามละความโกรธ ด้วยการให้อภัยทานด้วยการเอาออกด้วย ทำใจของเราให้มีความอ่อนน้อม ทำใจของเราให้มีความเมตตา ขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้หมดจด มันไม่หมดวันนี้ก็ต้องหมดพรุ่งนี้ ตราบใดที่เรายังดำเนินอยู่
การทำบุญการให้ทาน ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราต้องดูแลจิตใจของเรา ดูภาระหน้าที่การงานของเราให้ดี ไม่ใช่ว่าหนักไม่เอาเบาไม่สู้ แต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ อย่างนั้นไปไม่ถึงไหน อยู่คนเดียวก็ทุกข์อยู่หลายคนก็ทุกข์ เพราะไม่ดำเนินสร้างความขยันหมั่นเพียร ขัดเกลากิเลส รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจ รู้จักควบคุมกายวาจาแล้วก็ใจของเราจนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า หรือว่าแยกรูปแยกนามพลิกจากของที่คว่ำ สติปัญญาตามดูรู้ทุกเรื่อง อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังนะ ถ้าพวกท่านไม่ไปทำก็จะไม่เข้าใจ ถ้าพวกท่านเจริญสติ รู้เท่าทัน แยกแยะได้ ตามดูรู้ได้ทุกเรื่อง หมดความสงสัยนั่นแหละ พระพุทธองค์ท่านถึงบอกให้เชื่อ คนที่มีบุญมีอานิสงส์ไม่จำเป็นต้องไปพูดมากเลย ฟังนิดเดียวไปรีบไปทำ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ตากระทบรูปเป็นอย่างนี้ หูกระทบเสียงเป็นอย่างนี้ ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างนี้ การทำบุญให้ทานเพื่ออะไร ทุกอย่าง เราก็ต้องเอาไปดำเนินในชีวิตของเรา
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อกันนะ
เราต้องพยายามแยกแยะให้ได้ ส่วนมากก็เป็นใจ เพราะว่าการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้า ตรงนี้มีมานานก็หลงมานานเขาเป็นตัวสั่ง เราก็ทำตามแล้วก็ส่งเสริม ไม่ได้จําแนกแจกแจงให้ใจรับรู้อยู่ในกาย ความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา เราอย่าพากันประมาท พยายามให้ใจของเรามันตายจากกิเลส ตายจากความยึดมั่นถือมั่น มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
แนวทางนั้นมีมานานพระพุทธองค์ท่านค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้ปฏิบัติตาม สร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี ให้ใจของเราไม่ต้องกลับมาเกิด การเกิดนี่ถ้าไม่หลงไม่เกิด หลงมานาน หลงอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ ท่านถึงให้มาเจริญสติเข้าไปแจงเข้าไปแยกแยะว่ากายของเรามีอะไรบ้าง อันไหนเป็นส่วนรูป อันไหนเป็นส่วนนาม อันไหนวิญญาณในกายเป็นอย่างไร รอบรู้ในกองสังขารเป็นอย่างไร ความเกิดความอยากแม้แต่นิดเดียว ก็อย่าให้เกิดขึ้นที่ใจ อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง อยากในอาหาร
ตามองเห็นอาหารเห็นขนมนมเนย ใจของเราเกิดความอยากได้อย่างไร เราก็ต้องดู ถ้าเราไม่รู้จักละความอยาก ดับความอยาก พอมากขึ้นๆ เห็นอะไรก็จะเอา ยึด ไม่เอาด้วยวิธีใดก็เอาด้วยวิธีหนึ่ง ด้วยความทะเยอทะยานอยาก ท่านให้ละความอยาก ในหลักธรรม ละทั้งความอยาก ละทั้งความหวัง แต่การกระทำของเรามีรับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผล
การพูดง่าย แต่การลงมือจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรขัดเกลา เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ ฝักใฝ่สนใจ หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสํารวจหมั่นตรวจตา รู้ตัวรู้กายรู้ใจ ทุกอิริยาบถ จนใจคลายออกจากความคิด แยกรูปแยกนาม นั่นแหละท่านถึงเรียกว่า ‘ความเห็นถูก’
เพียงแค่แยกได้ก็ยังยาก เห็นถูก ตามดูรู้เห็นความเป็นจริง เข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เข้าใจในความหมายของภาษาธรรมภาษาโลก ถึงคนเราจะมีปัญญามากมายถึงขนาดไหน ถ้าแยกแยะไม่ได้ก็เป็นปัญญาของโลกีย์ ดับทุกข์ไม่ได้ แต่ก็เอาไปใช้ได้อยู่ในระดับของสมมติ ปัญญาวิมุตติปัญญาสมมติ เราจงพลิกปัญญาโลกให้เป็นปัญญาธรรม แยกรูปแยกนาม ตามดู หนุนกําลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทน คนเราเกิดมาเท่าไรตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่พยายามรีบสร้างอานิสงส์สร้างตบะสร้างบารมี มองเห็นหนทางเดิน ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ ทำหน้าที่ของเราให้ดี
พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องชีวิตของเรา ไม่ได้สอนเรื่องอันอื่น สอนเรื่องชีวิตของเรา สอนเข้าไปดูรู้ที่เหตุ เหตุตั้งแต่ตัวใจตัววิญญาณมันเกิด ทำไมวิญญาณถึงเกิดหรือว่าใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง เราจะเอาอะไรเข้าไปดูเข้าไปรู้ เราก็ต้องมาเจริญสติ เพียงแค่สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันพวกเราก็ยังไม่ชํานาญ เพียงแต่ปัญญาที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้าไปมั่นหมายเอาตัวนั้น ถ้าเรามาเจริญสติให้ต่อเนื่องจริงๆ แยกได้จริงๆ เราถึงจะมองในคําสอนของพระพุทธองค์ออก การควบคุมใจมีเป็นบางเรื่องบางครั้งบางคราว แต่การแยกแยะทำความเข้าใจหนุนกำลังสติปัญญาไปใช้ ตรงนี้ก็ไม่ชํานาญกัน
ใกล้จะออกพรรษางานกฐินวันที่ 1 พฤศจิกายน ก็ขอเชิญพี่น้องเราทุกคนมาร่วมสร้างมหากฐินสร้างมหาเจดีย์ใหญ่พุทธเมตตาหลวง ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธองค์ สร้างมหาเจดีย์ พุทธะนามของพระพุทธเจ้า พุทธะคือ ผู้รู้ รู้อะไร รู้ใจใจเป็นธาตุรู้ ไม่ให้หลงไม่ให้เกิด แต่ใจเขาหลงเกิด มาอยู่ในภพมนุษย์ แล้วก็ยังเกิดต่อ คิดต่อๆ ยังไม่พอ ยังเป็นทาสของความอยากอีก ความยินดียินร้ายสารพัดอย่างเขารุมเล่นงานเราไม่รู้ตัว แถมสมัครใจให้กิเลสเล่นงานอีก เราต้องบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น การทำบุญทำอย่างไร ทำบุญเพื่ออะไร เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่อยังประโยชน์ระดับของสมมติ เราทำหน้าที่ของเราให้จบ จากหน้าที่ก็จะเป็นภาระ จากภาระก็มาเป็นหน้าที่ จากหน้าที่ก็มาเป็นความรับผิดชอบต่อตัวเราให้มันจบ แล้วก็ล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ สู่พี่สู่น้อง
คนทั่วไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ แบกภาระตัวเองไปโยนให้คนโน้นไปโยนให้คนนี้ หนักตัวเอง หนักสถานที่ ไม่รู้ตัว เพราะความไม่รู้ความหลง ถ้าคลายความหลงได้ แก้ไขตัวเองได้ กระทั่งสมมติระดับโลกธรรมก็ไม่ให้ลําบาก ทางด้านจิตใจก็มองเห็นหนทางเดิน คนเราไม่อยากจะหลงหรอก แต่ความไม่รู้ ความหลงเข้าครอบงำยังว่าตัวเองไม่หลงอยู่ เพียงแค่คุณงามความดียึดติดในคุณงามความดี ก็ยังหลงอยู่ในระดับสิ่งที่ดี หลงบุญหลงบาป
ในหลักธรรมท่านให้แยกให้คลาย สร้างบุญ ละบาป ไม่ยึดติดในบุญ ทำความเข้าใจในชีวิตของตัวเรา คนที่มีอานิสงส์มีบุญมีปัญญา ตื่นขึ้นมารีบดูใจรีบแก้ไขใจตัวเอง อะไรควรทำก่อน อะไรควรทำหลังประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า เอาโลกปัจจุบันให้ดี เพียงแค่น้อมสำเหนียกดูใจ รู้ไม่ทันก็หยุดเอาไว้ เริ่มใหม่ การทำบุญให้ทาน ความเสียสละระดับของสมมตินั้นมีอยู่มาตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ไม่เอารัดเอาเปรียบคนโน้นเอารัดเอาเปรียบคนนี้ ไม่ต้องไปกลัวไปกังวลว่าคนโน้นจะว่าเราอย่างนั้นคนนั้นจะว่าเราอย่างนี้สารพัดอย่าง กิเลสมันเล่นงาน เราห้ามคนอื่นคิดไม่ได้ห้ามคนอื่นพูดไม่ได้ เขาอยากจะพูดก็ให้พูดไป เขาอยากจะว่าก็ให้ว่าไป เรามาห้ามใจของเรา
เราดูใจของเรา เขาว่าเรามามันเป็นดั่งเขาว่าไหม ถ้าเป็นดั่งเขาว่าก็รีบแก้ไขเราได้ประโยชน์ มีความสุข ได้บุญเพิ่มขึ้นไปอีก เขาด่าเราเขาว่าเราดูใจของเรา เราโกรธให้เขาหรือเปล่า ถ้าเราโกรธให้เขาก็แสดงว่าเราแย่ ถ้าเราไม่โกรธให้อภัยทานอโหสิกรรม ใจยิ่งมีความสุข เราชนะกิเลส ถ้าเราไม่รับเราสิ่งที่เขาว่ามา สิ่งที่เขานั่นมาก็กลับคืนไปสู่เขา เหมือนกับที่พระพุทธองค์ท่านว่า ถุยน้ำลายขึ้นบนฟ้ามันก็ตกลงใส่คนที่ถุยนั่นแหละ อะไรที่ไม่ดีก็รีบแก้ไขเสีย อะไรที่มันดีเราก็พยายามสร้างสานขึ้นไปอีก
อีกสักหน่อยก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง สัจธรรมมีอยู่ ความจริงมีอยู่ ความจริงก็อยู่ในกายของเรานี่แหละ วิญญาณในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร รอบรู้ในกองสังขารเป็นอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดนี้มีมาทีหลัง ทุกคนก็มีกิเลสหมดถึงได้เกิด ถึงละความโลภ ความโกรธ ความทะยานทะยานอยากออกหมด ใจมันยังเกิดอยู่ เพราะว่าเป็นกิเลสละเอียด ความหลงอย่างละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิดนอกจากเราจะดับความเกิดได้ แต่ก็ดำเนินความเกิดด้วยปัญญา จนกว่ากายจะแตกจะดับ
นั่งฟังไปด้วยรู้ลมหายใจไปด้วย อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกอิริยาบถ ใจจะก่อตัวก็รู้ก็เห็น จะทำโน่นทำนี่ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์ ให้รีบทำก่อนที่จะหมดลมหายใจ กําลังกาย กําลังใจ กําลังทรัพย์ บางคนบางท่านก็สร้างมาดี บางคนบางท่านก็มาสร้างเอาใหม่ มีความสุขที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พระพุทธองค์ท่านถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์เพราะว่าอาศัยกายเนื้อก้อนนี้ทำคุณงามความดี ทำความสะอาดใจของตัวเอง แต่ส่วนมากก็ใจมันก็หาเรื่องมาปิดกั้นตัวเราเอาไว้แน่นหนาเหมือนกัน ทั้งใจ ทั้งขันธ์ห้า ทั้งสติปัญญารวมกันไปแล้วสร้างสมมติโลกธรรมมาปิดกั้นเอาไว้อย่างแน่นหนาอีก พอคลายภายในไม่ได้ แต่ก็ให้สร้างคุณงามความดีอยู่ในกองบุญเอาไว้ก็ยังดี ยังดีก็กว่าที่จะตกไปสู่กองลําบาก
ญาติโยมก็เยอะ ชีเราก็เริ่มเยอะ พระเราก็เยอะ พยายามบอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น อย่าให้ลําบาก เราพยายามแก้ไขเรา สมมติมาอยู่ร่วมกัน ทำบุญร่วมกันนั่นแหละ ถึงได้มาอยู่ร่วมกัน รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูล รู้จักฝักใฝ่สนใจ รู้จักหน้าที่ ก็จะมีเพียงแค่ระดับโลกธรรมก็จะได้เท่านี้ก็ลําบาก ก็จะให้พวกท่านได้มาเดิน มานั่ง มาอยู่ มากิน อาหารตา อาหารกาย อาหารใจ ทุ่มเททุกอย่างทั้งกลางค่ำกลางคืน ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อให้พวกท่านได้อยู่ดีมีความสุข ยังจะพากันเกียจคร้าน ไม่ละทิฏฐิละมานะ เอาตั้งแต่กิเลสเข้าห้ำหั่นกันอย่างนี้ก็ช่วยเหลือไม่ได้นะ ต้องมาแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา มาสร้างบุญร่วมกัน
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบายวางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ กายของเราก็วางภาระหน้าที่ทางสมมติทางบ้านเข้ามาถึงวัด ทีนี้ใจของเราก็พยายามทำใจให้สงบตั้งมั่นอยู่ในกายของเรา หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราหยุดไม่ได้ก็ให้รู้จักกระตุ้นความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสังเกต พวกเราก็ขาดการวิเคราะห์ว่าการหายใจเข้าเป็นอย่างนี้ หายใจออกเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกรับรู้เวลาลมกระทบปลายจมูกท่านเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ การเจริญสติให้ต่อเนื่องพวกท่านทำกันแล้วหรือยัง รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้แล้วหรือยัง เพียงแค่สร้างก็ยังไม่ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจก็อยากจะเห็นธรรม อยากจะรู้ธรรม อยากจะได้ธรรม แต่ไม่รู้จักวิเคราะห์
การทำบุญให้ทาน ศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ในระดับหนึ่งแต่ขาดปัญญา ปัญญามีอยู่เป็นแค่เพียงปัญญาของโลกีย์ นึกเอาคิดเอาว่าเป็นอย่างนั้นว่าเป็นอย่างนี้ แต่ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติจนเอาสติไปใช้ รู้เท่าทันใจ รู้ไม่ทันก็รู้จักดับรู้จักหยุด เขาเรียกว่า สมถะ ปรับปรุงใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา ใจเกิดความโลภเราก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธเราก็พยายามละความโกรธ ด้วยการให้อภัยทานด้วยการเอาออกด้วย ทำใจของเราให้มีความอ่อนน้อม ทำใจของเราให้มีความเมตตา ขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้หมดจด มันไม่หมดวันนี้ก็ต้องหมดพรุ่งนี้ ตราบใดที่เรายังดำเนินอยู่
การทำบุญการให้ทาน ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราต้องดูแลจิตใจของเรา ดูภาระหน้าที่การงานของเราให้ดี ไม่ใช่ว่าหนักไม่เอาเบาไม่สู้ แต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ อย่างนั้นไปไม่ถึงไหน อยู่คนเดียวก็ทุกข์อยู่หลายคนก็ทุกข์ เพราะไม่ดำเนินสร้างความขยันหมั่นเพียร ขัดเกลากิเลส รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจ รู้จักควบคุมกายวาจาแล้วก็ใจของเราจนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า หรือว่าแยกรูปแยกนามพลิกจากของที่คว่ำ สติปัญญาตามดูรู้ทุกเรื่อง อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังนะ ถ้าพวกท่านไม่ไปทำก็จะไม่เข้าใจ ถ้าพวกท่านเจริญสติ รู้เท่าทัน แยกแยะได้ ตามดูรู้ได้ทุกเรื่อง หมดความสงสัยนั่นแหละ พระพุทธองค์ท่านถึงบอกให้เชื่อ คนที่มีบุญมีอานิสงส์ไม่จำเป็นต้องไปพูดมากเลย ฟังนิดเดียวไปรีบไปทำ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ตากระทบรูปเป็นอย่างนี้ หูกระทบเสียงเป็นอย่างนี้ ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างนี้ การทำบุญให้ทานเพื่ออะไร ทุกอย่าง เราก็ต้องเอาไปดำเนินในชีวิตของเรา
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อกันนะ