หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 69
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 69
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 69
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2558
มีความสุขกันทุกคน ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่ง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้วิเคราะห์กายของเราแล้วหรือยัง เราได้วิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง เราได้ทำความเข้าใจกับคําว่าเจริญสติ ความรู้สึกรับรู้ขณะลมหายใจเข้าออกของเราแล้วหรือยัง เพียงแค่รู้กาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราละไม่ได้ ถึงเราดับไม่ได้เด็ดขาด เราก็ขอให้หยุดขณะกําลังนั่งฟังอยู่นี่แหละ
ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย รอลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าไปบังคับลมหายใจ นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ นั่งตามสบาย ไม่ต้องไปเกร็งร่างกาย วางกายให้เป็นธรรมชาติที่สุด แล้วก็สูดลมหายใจยาวๆ ขณะที่เราสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา มีความรู้สึกที่เด่นชัด นั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ทั้งลมเข้าลมออกก็เรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อมแล้ว ก็รู้ให้ต่อเนื่อง จากหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง เป็นนาที เป็น 2 นาที เป็น 3 นาที เป็น 5 นาที เป็น 10 นาที เป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี จนรู้อัตโนมัติ อันนี้เป็นแค่รู้กาย เราต้องเจริญ เราต้องสร้างขึ้นมาเสียก่อน
อานิสงส์บุญบารมีส่วนอื่นนั้นทุกคนมีกันมาดี มีศรัทธา มีความเชื่อมั่น มีความเสียสละในการให้ทาน ตรงนั้นมีอยู่ การฝักใฝ่ การสนใจมีอยู่ แต่การเจริญสติเข้าไปอบรมใจ เข้าไปวิเคราะห์ใจ ตรงนี้ไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร เพราะว่า ตัวใจจะปิดกั้นตัวเองเอาไว้ในส่วนลึกๆ แล้วก็มีขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวเองเอาไว้ มาสร้างขันธ์ห้าเอาไว้
คนเราเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เกิดมาด้วยความหลง ถ้าไม่หลงไม่เกิด เกิดมาในภพของมนุษย์ ก็มาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง แล้วก็มายึดมาครอง แล้วก็มายึดโลกธรรมอีกสารพัดอย่าง ในหลักธรรมท่านให้เห็นความเกิดความดับของจิตวิญญาณในกายของเรา ให้เห็นความเกิดความดับ ให้เห็นความแยกความคลายแล้วก็ละกิเลส ขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจของเรา ด้วยสติด้วยปัญญา จนจิตใจของเรา จนใจของเราอยู่ในความสะอาด ความบริสุทธิ์ แต่ถ้าเราแยกไม่ได้ เราก็รู้ว่าเราไม่หลง ถ้าเราแยกได้เมื่อไร เราถึงจะรู้ว่าเราหลง ถ้าเราสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงเมื่อไร เราถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนนั้นเป็นแค่เพียงสติปัญญาของสมมติของโลกีย์
ถ้าเราสร้างความรู้ตัวเอาไปใช้ จนรู้ใจ เห็นใจ ใจคลายออกจากขันธ์ห้า ละกิเลสได้ทุกอิริยาบถได้นั่นแหละ เราถึงจะว่าเราไม่หลง ก็ต้องพยายามกันนะ ทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามแนวทางของพระพุทธเจ้า ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ว่าท่านสอนเรื่องอะไร ท่านสอนเรื่องการดำเนินชีวิตของตัวเรา สอนเรื่องหลักของความเป็นจริง อริยสัจอยู่ในกายของเรา สอนเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คําว่า ‘อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา’ ของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร เราต้องรู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย แล้วก็ละได้ด้วย
กายของเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร รอบรู้ในกองสังขาร ในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมเป็นอย่างไร ภาษาธรรม ภาษาโลกเป็นอย่างไร ทุกเรื่องในชีวิต เราต้องทำความเข้าใจขณะที่เรายังมีกําลัง มีลมหายใจอยู่ ส่วนการสร้างบุญ สร้างบารมี สร้างอานิสงส์กันนั้น ทุกคนสร้างกันมาดีถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ต้องให้ได้ทั้ง 2 อย่าง คือ ทั้งการเดินปัญญา รู้แจ้งทำความเข้าใจให้ถูกต้อง การสร้างสะสมคุณงามความดี บารมีเราก็ทำ ทำมากทำน้อยเราก็พยายามทำ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ใจของเราไปอย่างไร มาอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจปกติเป็นอย่างไร เรารู้แจ้งด้วยปัญญา หรือว่าเราบังคับข่มเอาไว้
แนวทางนั้นมีมานาน เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะดำเนินให้ถูก ให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่เท่านั้นเอง แต่ละวันตื่นขึ้นมาอย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีเวลาเท่าเทียมกันหมด จะแก้ไขปรับปรุงตัวเราหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา เราเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา เราก็จะได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตากระทบรูป หูกระทบเสียง ใจของเราปกติ มีความคิดผุดขึ้นมา ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ใจที่สะอาดปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ก็ต้องพยายามนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2558
มีความสุขกันทุกคน ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่ง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้วิเคราะห์กายของเราแล้วหรือยัง เราได้วิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง เราได้ทำความเข้าใจกับคําว่าเจริญสติ ความรู้สึกรับรู้ขณะลมหายใจเข้าออกของเราแล้วหรือยัง เพียงแค่รู้กาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราละไม่ได้ ถึงเราดับไม่ได้เด็ดขาด เราก็ขอให้หยุดขณะกําลังนั่งฟังอยู่นี่แหละ
ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย รอลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าไปบังคับลมหายใจ นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ นั่งตามสบาย ไม่ต้องไปเกร็งร่างกาย วางกายให้เป็นธรรมชาติที่สุด แล้วก็สูดลมหายใจยาวๆ ขณะที่เราสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา มีความรู้สึกที่เด่นชัด นั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ทั้งลมเข้าลมออกก็เรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อมแล้ว ก็รู้ให้ต่อเนื่อง จากหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง เป็นนาที เป็น 2 นาที เป็น 3 นาที เป็น 5 นาที เป็น 10 นาที เป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี จนรู้อัตโนมัติ อันนี้เป็นแค่รู้กาย เราต้องเจริญ เราต้องสร้างขึ้นมาเสียก่อน
อานิสงส์บุญบารมีส่วนอื่นนั้นทุกคนมีกันมาดี มีศรัทธา มีความเชื่อมั่น มีความเสียสละในการให้ทาน ตรงนั้นมีอยู่ การฝักใฝ่ การสนใจมีอยู่ แต่การเจริญสติเข้าไปอบรมใจ เข้าไปวิเคราะห์ใจ ตรงนี้ไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร เพราะว่า ตัวใจจะปิดกั้นตัวเองเอาไว้ในส่วนลึกๆ แล้วก็มีขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวเองเอาไว้ มาสร้างขันธ์ห้าเอาไว้
คนเราเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เกิดมาด้วยความหลง ถ้าไม่หลงไม่เกิด เกิดมาในภพของมนุษย์ ก็มาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง แล้วก็มายึดมาครอง แล้วก็มายึดโลกธรรมอีกสารพัดอย่าง ในหลักธรรมท่านให้เห็นความเกิดความดับของจิตวิญญาณในกายของเรา ให้เห็นความเกิดความดับ ให้เห็นความแยกความคลายแล้วก็ละกิเลส ขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจของเรา ด้วยสติด้วยปัญญา จนจิตใจของเรา จนใจของเราอยู่ในความสะอาด ความบริสุทธิ์ แต่ถ้าเราแยกไม่ได้ เราก็รู้ว่าเราไม่หลง ถ้าเราแยกได้เมื่อไร เราถึงจะรู้ว่าเราหลง ถ้าเราสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงเมื่อไร เราถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนนั้นเป็นแค่เพียงสติปัญญาของสมมติของโลกีย์
ถ้าเราสร้างความรู้ตัวเอาไปใช้ จนรู้ใจ เห็นใจ ใจคลายออกจากขันธ์ห้า ละกิเลสได้ทุกอิริยาบถได้นั่นแหละ เราถึงจะว่าเราไม่หลง ก็ต้องพยายามกันนะ ทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามแนวทางของพระพุทธเจ้า ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ว่าท่านสอนเรื่องอะไร ท่านสอนเรื่องการดำเนินชีวิตของตัวเรา สอนเรื่องหลักของความเป็นจริง อริยสัจอยู่ในกายของเรา สอนเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คําว่า ‘อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา’ ของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร เราต้องรู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย แล้วก็ละได้ด้วย
กายของเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร รอบรู้ในกองสังขาร ในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมเป็นอย่างไร ภาษาธรรม ภาษาโลกเป็นอย่างไร ทุกเรื่องในชีวิต เราต้องทำความเข้าใจขณะที่เรายังมีกําลัง มีลมหายใจอยู่ ส่วนการสร้างบุญ สร้างบารมี สร้างอานิสงส์กันนั้น ทุกคนสร้างกันมาดีถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ต้องให้ได้ทั้ง 2 อย่าง คือ ทั้งการเดินปัญญา รู้แจ้งทำความเข้าใจให้ถูกต้อง การสร้างสะสมคุณงามความดี บารมีเราก็ทำ ทำมากทำน้อยเราก็พยายามทำ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ใจของเราไปอย่างไร มาอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจปกติเป็นอย่างไร เรารู้แจ้งด้วยปัญญา หรือว่าเราบังคับข่มเอาไว้
แนวทางนั้นมีมานาน เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะดำเนินให้ถูก ให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่เท่านั้นเอง แต่ละวันตื่นขึ้นมาอย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีเวลาเท่าเทียมกันหมด จะแก้ไขปรับปรุงตัวเราหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา เราเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา เราก็จะได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตากระทบรูป หูกระทบเสียง ใจของเราปกติ มีความคิดผุดขึ้นมา ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ใจที่สะอาดปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ก็ต้องพยายามนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจเอานะ