หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 61 วันที่ 7 กรกฎาคม 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 61 วันที่ 7 กรกฎาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 61
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบายวางกายให้สบายไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุด สงบระงับ ตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละเขาเรียกว่า ความรู้ตัว เวลาหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้แหละตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่
ส่วนการเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของความคิด อันนั้นก็มีอยู่เดิมเขามีมาตั้งนาน ใจของเรานี่หลงมาตั้งนานหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ จนกระทั่งมาเกิดเป็นมนุษย์ มาสร้างภพของมนุษย์ซึ่งมีขันธ์ห้า มีวิญญาณหรือว่าตัวใจนั่นแหละเข้ามาครอบครอง มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จากเด็ก จากเด็กก็เป็นผู้ใหญ่ จากเด็กก็พัฒนามาเรื่อยๆ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน รู้จักทำความเข้าใจว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรเป็นกุศลหรือว่าอะไรเป็นอกุศล จนกระทั่งถึงเวลานี้ เราก็มาพัฒนาจิตใจของเราด้วยการเจริญสติ ด้วยการทำความเข้าใจ ด้วยการสร้างบารมีตามแนวทางของพระพุทธเจ้า
ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละได้ประพฤติได้ปฏิบัติตาม ตามวิถีทางที่จะเข้าหาทางดับทุกข์ ทางหลุดพ้น พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องชีวิตของเราทุกคน สอนเรื่องหลักของความเป็นจริงซึ่งมีอยู่ในกายของเรา ซึ่งเรียกว่า อัตตากับอนัตตา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความจริงอันประเสริฐ คือวิธีการดับทุกข์ หาทางแก้ทุกข์แล้วก็เข้าให้ถึงความสุขซึ่งมีอยู่ภายในกายในใจของเรา ก็คือตัววิญญาณของเรานั่นแหละ
แต่ละวันๆ วิญญาณของเราเกิดสักกี่เที่ยว ใจของเราเป็นทาสกิเลสสักกี่ครั้ง เราก็ต้องเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปแก้ไข เข้าไปขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจของเราให้เข้าสู่ความบริสุทธิ์เหมือนเดิม เราก็พยายามสร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างบารมี ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งถึงหมดลมหายใจนั่นแหละ ทุกคนก็สร้างบุญกันมาดี ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนา มีโอกาสได้สร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ว่าเวลาไหนระลึกได้เมื่อไรเราก็รีบทำ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง
เราพยายามหัดอบรมใจของเรา วิเคราะห์ใจของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่ายจนเป็นอัตโนมัติ ในการดูในการรู้ ว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องคําว่าอัตตา อัตตาอนัตตาเป็นอย่างไร สมมติวิมุตติเป็นอย่างไร กายของเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร เราก็ต้องพยายามกัน ทุกคนก็ได้ประพฤติปฏิบัติทำกันมาในระดับของสมมติ ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุขมากันมากมายไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เราก็มาแก้ไขอยู่ในภพของมนุษย์ของเรานี้แหละ
พยายามดูรู้ให้เท่าทันว่าอะไรควรละ อะไรควรดำเนิน อะไรควรเจริญ อย่าไปปิดกันตัวเราว่าเราปฏิบัติไม่ได้ ปฏิบัติได้กันหมดทุกคน เว้นเสียแต่ว่าความเพียรจะมีมากมีน้อย การขัดเกลากิเลส กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไร เราก็พยายามละแต่ละวันๆ อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา เราพยายามสร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา จนล้นเพื่อออกไปสู่สมมติ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี ก็มีขันธ์ห้าเหมือนกันหมด ฝักใฝ่ในคุณธรรม ละอายเกรงกลัวต่อบาป มีความขยันหมั่นเพียร ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน แต่ละวันๆ สำคัญหมดทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก
ที่เห็นกันเยอะๆ ลูกหลานเด็กนักเรียนของเราซึ่งมาจากที่ไหนกันนะ มาจากโรงเรียนอะไรนะ โรงเรียนอนุบาลในขอนแก่นของเราได้มาค้างวัด คุณครูพามาวัดมาศึกษามาเปลี่ยนบรรยากาศ เราก็มาศึกษาตัวเราว่าเรามีหน้าที่อย่างไร เราก็ควรขยันหมั่นเพียร ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็จะส่งผลถึงอนาคต ครูก็อยากจะให้ลูกศิษย์ได้มาศึกษามาค้นคว้าทรัพย์ภายนอกก็ช่วยชี้แนะให้ ทรัพย์ภายในก็นํามา มาวัดให้ครูบาอาจารย์ช่วยสอนให้ แล้วก็เอาไปประพฤติไปปฏิบัติ
พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตนให้มีให้เกิดขึ้นไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้านอยู่ อยู่ที่วัด อยู่ที่โรงเรียน สร้างความเป็นคนที่มีความเป็นระเบียบให้ติดตามเนื้อตามตัวเราไป อย่ามัวมาเล่น เราพยายามขณะนี้ เราเป็นเด็กนักเรียน อาศัยบุญของพ่อของแม่ของครูบาอาจารย์เพื่อที่จะศึกษาเล่าเรียนให้สูงๆ ขึ้นไป เรียนจบมีความรับผิดชอบได้ทำการทำงาน อยากจะเล่นก็ค่อยเล่น อยากจะเที่ยวก็ค่อยเที่ยว
เรามีโอกาส โอกาสมากได้ทำบุญให้ตัวเรา ได้ทำบุญให้พ่อให้แม่ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง อยู่ที่บ้านก็ช่วยการช่วยงานของพ่อของแม่ ดูแลศึกษาเล่าเรียน ฝึกหัดเป็นคนขยันให้ติดเป็นนิสัย เป็นคนมีความเป็นระเบียบให้เป็นนิสัย ไม่เอารัดเอาเปรียบเพื่อนฝูง ไม่เห็นแก่ตัว จงเป็นบุคคลที่มีความเสียสละ อานิสงส์ก็จะส่งผลถึงวันข้างหน้า ก็จะได้ไม่ได้ลําบาก
มีโอกาสก็ชวนพ่อชวนแม่ ชวนพี่ชวนน้อง หรือว่ามีเวลาก็มาสร้างประโยชน์สร้างอานิสงส์ให้กับส่วนรวม หลวงพ่อก็ขอขอบใจ ขอบใจทุกคน ทั้งคณะครูอาจารย์ที่นําลูกศิษย์มา และก็ได้ช่วยกันทำความสะอาดที่นู่นบ้างที่นี่บ้าง อยู่ที่โรงเรียนเราก็ทำเหมือนกัน อย่าไปเกี่ยงงอนว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ว่าอยู่ที่บ้านอยู่ที่โรงเรียนถ้าเราฝึกฝนตัวเราให้เป็นคนที่มีความเป็นระเบียบ จัดระบบระเบียบต่อไปข้างหน้าก็จัดระบบระเบียบทั้งภายในทางด้านจิตใจ ขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจของเรา กิเลสก็จะเบาบางก็จะเข้าถึงธรรมได้เร็วได้ไวขึ้นในเมื่อเราเติบโตไปในวันข้างหน้า ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรม เพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความกันเข้าใจกันเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบายวางกายให้สบายไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุด สงบระงับ ตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละเขาเรียกว่า ความรู้ตัว เวลาหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้แหละตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่
ส่วนการเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของความคิด อันนั้นก็มีอยู่เดิมเขามีมาตั้งนาน ใจของเรานี่หลงมาตั้งนานหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ จนกระทั่งมาเกิดเป็นมนุษย์ มาสร้างภพของมนุษย์ซึ่งมีขันธ์ห้า มีวิญญาณหรือว่าตัวใจนั่นแหละเข้ามาครอบครอง มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จากเด็ก จากเด็กก็เป็นผู้ใหญ่ จากเด็กก็พัฒนามาเรื่อยๆ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน รู้จักทำความเข้าใจว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรเป็นกุศลหรือว่าอะไรเป็นอกุศล จนกระทั่งถึงเวลานี้ เราก็มาพัฒนาจิตใจของเราด้วยการเจริญสติ ด้วยการทำความเข้าใจ ด้วยการสร้างบารมีตามแนวทางของพระพุทธเจ้า
ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละได้ประพฤติได้ปฏิบัติตาม ตามวิถีทางที่จะเข้าหาทางดับทุกข์ ทางหลุดพ้น พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องชีวิตของเราทุกคน สอนเรื่องหลักของความเป็นจริงซึ่งมีอยู่ในกายของเรา ซึ่งเรียกว่า อัตตากับอนัตตา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความจริงอันประเสริฐ คือวิธีการดับทุกข์ หาทางแก้ทุกข์แล้วก็เข้าให้ถึงความสุขซึ่งมีอยู่ภายในกายในใจของเรา ก็คือตัววิญญาณของเรานั่นแหละ
แต่ละวันๆ วิญญาณของเราเกิดสักกี่เที่ยว ใจของเราเป็นทาสกิเลสสักกี่ครั้ง เราก็ต้องเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปแก้ไข เข้าไปขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจของเราให้เข้าสู่ความบริสุทธิ์เหมือนเดิม เราก็พยายามสร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างบารมี ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งถึงหมดลมหายใจนั่นแหละ ทุกคนก็สร้างบุญกันมาดี ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนา มีโอกาสได้สร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ว่าเวลาไหนระลึกได้เมื่อไรเราก็รีบทำ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง
เราพยายามหัดอบรมใจของเรา วิเคราะห์ใจของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่ายจนเป็นอัตโนมัติ ในการดูในการรู้ ว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องคําว่าอัตตา อัตตาอนัตตาเป็นอย่างไร สมมติวิมุตติเป็นอย่างไร กายของเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร เราก็ต้องพยายามกัน ทุกคนก็ได้ประพฤติปฏิบัติทำกันมาในระดับของสมมติ ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุขมากันมากมายไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เราก็มาแก้ไขอยู่ในภพของมนุษย์ของเรานี้แหละ
พยายามดูรู้ให้เท่าทันว่าอะไรควรละ อะไรควรดำเนิน อะไรควรเจริญ อย่าไปปิดกันตัวเราว่าเราปฏิบัติไม่ได้ ปฏิบัติได้กันหมดทุกคน เว้นเสียแต่ว่าความเพียรจะมีมากมีน้อย การขัดเกลากิเลส กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไร เราก็พยายามละแต่ละวันๆ อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา เราพยายามสร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา จนล้นเพื่อออกไปสู่สมมติ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี ก็มีขันธ์ห้าเหมือนกันหมด ฝักใฝ่ในคุณธรรม ละอายเกรงกลัวต่อบาป มีความขยันหมั่นเพียร ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน แต่ละวันๆ สำคัญหมดทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก
ที่เห็นกันเยอะๆ ลูกหลานเด็กนักเรียนของเราซึ่งมาจากที่ไหนกันนะ มาจากโรงเรียนอะไรนะ โรงเรียนอนุบาลในขอนแก่นของเราได้มาค้างวัด คุณครูพามาวัดมาศึกษามาเปลี่ยนบรรยากาศ เราก็มาศึกษาตัวเราว่าเรามีหน้าที่อย่างไร เราก็ควรขยันหมั่นเพียร ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็จะส่งผลถึงอนาคต ครูก็อยากจะให้ลูกศิษย์ได้มาศึกษามาค้นคว้าทรัพย์ภายนอกก็ช่วยชี้แนะให้ ทรัพย์ภายในก็นํามา มาวัดให้ครูบาอาจารย์ช่วยสอนให้ แล้วก็เอาไปประพฤติไปปฏิบัติ
พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตนให้มีให้เกิดขึ้นไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้านอยู่ อยู่ที่วัด อยู่ที่โรงเรียน สร้างความเป็นคนที่มีความเป็นระเบียบให้ติดตามเนื้อตามตัวเราไป อย่ามัวมาเล่น เราพยายามขณะนี้ เราเป็นเด็กนักเรียน อาศัยบุญของพ่อของแม่ของครูบาอาจารย์เพื่อที่จะศึกษาเล่าเรียนให้สูงๆ ขึ้นไป เรียนจบมีความรับผิดชอบได้ทำการทำงาน อยากจะเล่นก็ค่อยเล่น อยากจะเที่ยวก็ค่อยเที่ยว
เรามีโอกาส โอกาสมากได้ทำบุญให้ตัวเรา ได้ทำบุญให้พ่อให้แม่ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง อยู่ที่บ้านก็ช่วยการช่วยงานของพ่อของแม่ ดูแลศึกษาเล่าเรียน ฝึกหัดเป็นคนขยันให้ติดเป็นนิสัย เป็นคนมีความเป็นระเบียบให้เป็นนิสัย ไม่เอารัดเอาเปรียบเพื่อนฝูง ไม่เห็นแก่ตัว จงเป็นบุคคลที่มีความเสียสละ อานิสงส์ก็จะส่งผลถึงวันข้างหน้า ก็จะได้ไม่ได้ลําบาก
มีโอกาสก็ชวนพ่อชวนแม่ ชวนพี่ชวนน้อง หรือว่ามีเวลาก็มาสร้างประโยชน์สร้างอานิสงส์ให้กับส่วนรวม หลวงพ่อก็ขอขอบใจ ขอบใจทุกคน ทั้งคณะครูอาจารย์ที่นําลูกศิษย์มา และก็ได้ช่วยกันทำความสะอาดที่นู่นบ้างที่นี่บ้าง อยู่ที่โรงเรียนเราก็ทำเหมือนกัน อย่าไปเกี่ยงงอนว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ว่าอยู่ที่บ้านอยู่ที่โรงเรียนถ้าเราฝึกฝนตัวเราให้เป็นคนที่มีความเป็นระเบียบ จัดระบบระเบียบต่อไปข้างหน้าก็จัดระบบระเบียบทั้งภายในทางด้านจิตใจ ขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจของเรา กิเลสก็จะเบาบางก็จะเข้าถึงธรรมได้เร็วได้ไวขึ้นในเมื่อเราเติบโตไปในวันข้างหน้า ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรม เพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความกันเข้าใจกันเอานะ