หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 44 วันที่ 7 กรกฏาคม 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 44 วันที่ 7 กรกฏาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 44
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งเราหยุดไม่ได้ ละไม่ได้ ก็ขอให้หยุดขณะที่เรากําลังนั่งฟังอยู่นี้ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูก เวลาลมกระทบปลายจมูกเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ นี่แหละที่ท่านเรียกว่า สติรู้กาย
ถ้าเรารู้ทั้งลมหายใจเข้าหายใจออก และก็รู้ให้ต่อเนื่อง ซึ่งท่านเรียกว่า สติสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม จากหนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้ง เป็นนาที 2 นาที 3 นาที เป็นครึ่งชั่วโมง เป็นชั่วโมง ความรู้ตัวของเราก็จะต่อเนื่อง เราก็จะเข้าใจ ตั้งแต่ก่อนที่ผ่านมาความรู้ตัวของเราไม่มี ถึงมีอาจจะมีเป็นกะปริดกะปรอยไม่ต่อเนื่อง ทำอย่างไรเราถึงจะทำให้ต่อเนื่อง เราก็ต้องพยายาม ความรู้ตัวพลั้งเผลอแล้วก็เริ่มใหม่ ความรู้ตัวพลั้งเผลอแล้วก็เริ่มใหม่ ขณะที่เรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราก็จะเห็นการเกิดของใจ ใจเกิดอาการปรุงแต่งหรือว่าความคิดของเรานั่นแหละ เราก็อาจจะเห็นความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจคิด หรือว่าอาการของขันธ์ห้าผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมปรุงแต่งไปด้วยกัน นี่แหละความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่อง เราก็เลยไม่เห็น
การสร้างบารมี การทำบุญถวายทาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยตรงนี้ก็มีกันทุกคน ศรัทธาก็มีกันทุกคน แต่ยังขาดปัญญาที่จะเข้าไปวิเคราะห์การเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของขันธ์ห้า เข้าไปรู้ทันตั้งแต่ต้นเหตุ ถ้าเรารู้ทันตั้งแต่ต้นเหตุ ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิด ใจก็จะดีดออกจากความคิด ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นลักษณะการเกิดของความคิด ใจเห็นใจเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิด ใจแยกออกจากความคิด เขาเรียกว่า แยกรูปแยกนาม ความเห็นถูกปรากฏขึ้น ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ตามดูความเกิดความดับของขันธ์ห้าเป็นเรื่องอะไรบ้าง บางทีก็เป็นเรื่องของอดีต บางทีก็เป็นเรื่องของอนาคต บางทีก็เป็นกุศลอกุศลบ้าง
เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร คําว่าอัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเราเป็นลักษณะอย่างนี้ เราก็ต้องพยายามหมั่นสร้างความรู้ตัว รู้เท่ารู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ แล้วก็รู้จักกันรู้จักแก้ ว่ากิเลสต่างๆ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร บางทีก็เป็นกิเลสหยาบ บางทีก็เป็นกิเลสละเอียด บางทีก็เป็นเรื่องอนาคต เรื่องอดีต เรื่องอนาคต สารพัดเรื่องที่เขาจะเกิด เราก็ต้องพยายามศึกษาตามแนวทางของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาตั้งหลายร้อยหลายพันปีว่าค้นพบเรื่องชีวิต การดำเนินชีวิต การแก้ไขนี่แหละ ว่าเราจะดำเนินอย่างไรถึงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน
รู้จักสร้างบารมี ตื่นขึ้นมาแต่ละวันๆ เรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละ ละกิเลสออกจากจิตจากใจของเราแล้วหรือยัง เรามีความสุขในการดู ในการรู้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ การทำบุญให้ทาน ทางด้านวัตถุทาน พวกเราก็มีโอกาสได้ทำกันอยู่ตลอด ไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ใกล้อยู่ไกล เราก็พยายามทำ ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วยเราก็มีส่วนแห่งบุญ
ไม่ใช่ว่าเราจะไปผัดวันประกันพรุ่ง ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล เราอย่าไปมองข้าม อยากจะได้ทรัพย์ใหญ่แต่ลืมทรัพย์เล็กๆ ความเกิดความดับของใจมีอยู่ตลอดเวลา ความเกิดความดับของความคิดของขันธ์ห้ามีตลอดเวลา นี่แหละใจของคนเรานี่หลงนะ หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด หลงมาเกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ทีนี้ก็หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาอาศัยธาตุขันธ์ร่างกายของมนุษย์แล้วก็เกิดต่อ บางทีก็มีความโลภเข้าไปเจือปน บางทีก็มีความทะเยอทะยานอยาก บางทีก็มีความโกรธ ความอิจฉาริษยา อันนี้มีมาภายหลัง ใจของทุกคนนั้นสะอาดบริสุทธิ์อยู่เดิม ความไม่เข้าใจจึงหลงเกิด หลงเกิดแล้วก็มาหลงเป็นทาสกิเลสต่อ ใจส่งไปภายนอกต่อ แล้วก็มายึดในสิ่งต่างๆ ว่าเป็นตัวตน ว่าเป็นของๆ เรา เป็นของๆ เรา เป็นตัวตนของเราในทางสมมติ
แต่ในหลักธรรมจริงๆ แล้ว ถ้าเราเจริญสติเข้าไปจําแนกแจกแจงเราก็จะเห็นความไม่เที่ยง เราก็จะเห็นความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา ความไม่จีรังยั่งยืน เราก็ต้องพยายามมาทำความเข้าใจ แล้วก็ค่อยพัฒนาตัวเราไปเรื่อยๆ จากความไม่รู้ก็รู้เพิ่มขึ้น จากการละไม่ได้ ละกิเลสยังไม่ได้เราก็ขัดก็เกลา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล สักวันหนึ่งใจของเราก็จะมองเห็นความเป็นจริง การเกิดเป็นทุกข์ เขาก็ไม่เกิด การเป็นทาสกิเลสของเขาเป็นทุกข์ เขาก็จะไม่เอา การขัดเกลา การละกิเลส การสร้างบารมี การเจริญพรหมวิหาร มีสัจจะ มีความจริงใจต่อตัวเราอยู่ตลอดเวลา เราก็จะเข้าถึงทรัพย์ภายในได้สักวันหนึ่ง ไม่เข้าถึงวันนี้ก็ต้องพรุ่งนี้ ไม่พรุ่งนี้ก็เดือนนี้ เดือนหน้า ปีหน้า ขอให้เราทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะออกมาดี อะไรที่เป็นอกุศลเราก็ละ อะไรที่เป็นกุศลเราก็เจริญ
ส่วนการเจริญสติ เรารู้จักวิธีการ รู้จักแนวทางแล้วก็ไปทำ ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ ความรู้ตัว รู้กายเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ จะลุกจะก้าวจะเดินใจยังสงบอยู่ ทำโน่นทำนี่ใจก็ยังสงบรับรู้อยู่ เปลี่ยนจากภาระเป็นหน้าที่ จากหน้าที่เป็นความรับผิดชอบ เปลี่ยนปัญญาตัวใหม่ที่เกิดจากการเจริญภาวนา ปัญญาที่เกิดจากส่วนสมอง ส่วนปัญญาที่เกิดจากใจหรือเกิดจากอาการของขันธ์ห้าอันนี้มีกันทุกคน
แต่เราก็ต้องพยายามละ พยายามดับ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนกว่าเราจะบริหารกายบริหารใจของเราให้ได้ถูกต้อง ไม่ต้องไปทุกข์ ไม่ต้องไปกังวลอะไรมากมาย ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระ ว่าชี ก็พยายามขยันหมั่นเพียร แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราเป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องของเรา ทั้งสมมติเราก็ทำตามหน้าที่ของเราให้ดี ส่วนวิมุตติการขัดเกลาเราก็พยายามทำให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย ประกาศด้วยตนเองว่าเราเข้าถึงหรือไม่เข้าถึง เราละกิเลสได้ในส่วนไหนบ้างส่วนไหนยังเหลือ เราก็พยายามละ พยายามขัดพยายามเกลา มีโอกาสได้สร้างบุญกันอยู่ตลอดเวลา
วันที่ 12 ที่จะถึงนี้ ก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วม ร่วมกันทำบุญถวายสังฆทานแด่พระคุณเจ้า แด่พระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ที่จะมาประชุมร่วมลงอุโบสถสังฆกรรมกันที่วัดของเรา ก็ใครมีข้าวปลาอาหาร มีพริกเขือเกลือปลาร้า ก็น้อมนํามาถวาย มาทำกับข้าวกับปลาถวายแด่พระคุณเจ้า ซึ่งจะมาร่วมลงอุโบสถสังฆกรรมกันในวันที่ 12 และก็วันที่ วันที่เท่าไรนะ 27 วันอาสาฬหบูชา ก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วมๆ มาร่วมทางโรงพยาบาลศูนย์ ท่านก็จะมีโอกาสได้มาขอรับบริจาคโลหิต ก็บอกกล่าวพี่น้องของเราใครอยากมาบริจาคโลหิตก็มาได้ ก็เป็นการทำบุญให้ทานช่วยเหลือพี่น้องของเรา หลายสิ่งหลายอย่าง
การทำบุญให้ทาน ไม่ว่าอยู่ที่ไหน โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดก็ให้รีบทำ บุญกุศลนี่แหละที่จะเป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไป คนเรามีลมหายใจอยู่ หมดลมหายใจก็มีตั้งแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป สูงขึ้นไป บุคคลที่มีสติมีปัญญาทำความเข้าใจได้ ก็ละทั้งสองอย่างนั่นแหละ ละทั้งบุญละทั้งบาป แต่สร้างบุญ แต่ไม่ยึดติดในบุญ อยู่เหนือบุญอยู่เหนือบาป ละอกุศล เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้น ดำรงชีวิตด้วยสติด้วยปัญญา ไม่เข้าไปหลงยึด ไปหลงติด ละอกุศลหรือว่าสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้น บุญมากบุญน้อย ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ใกล้เราก็พยายามทำ ก็พยายามทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นบุญเราก็ทำ
เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งเราหยุดไม่ได้ ละไม่ได้ ก็ขอให้หยุดขณะที่เรากําลังนั่งฟังอยู่นี้ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูก เวลาลมกระทบปลายจมูกเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ นี่แหละที่ท่านเรียกว่า สติรู้กาย
ถ้าเรารู้ทั้งลมหายใจเข้าหายใจออก และก็รู้ให้ต่อเนื่อง ซึ่งท่านเรียกว่า สติสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม จากหนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้ง เป็นนาที 2 นาที 3 นาที เป็นครึ่งชั่วโมง เป็นชั่วโมง ความรู้ตัวของเราก็จะต่อเนื่อง เราก็จะเข้าใจ ตั้งแต่ก่อนที่ผ่านมาความรู้ตัวของเราไม่มี ถึงมีอาจจะมีเป็นกะปริดกะปรอยไม่ต่อเนื่อง ทำอย่างไรเราถึงจะทำให้ต่อเนื่อง เราก็ต้องพยายาม ความรู้ตัวพลั้งเผลอแล้วก็เริ่มใหม่ ความรู้ตัวพลั้งเผลอแล้วก็เริ่มใหม่ ขณะที่เรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราก็จะเห็นการเกิดของใจ ใจเกิดอาการปรุงแต่งหรือว่าความคิดของเรานั่นแหละ เราก็อาจจะเห็นความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจคิด หรือว่าอาการของขันธ์ห้าผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมปรุงแต่งไปด้วยกัน นี่แหละความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่อง เราก็เลยไม่เห็น
การสร้างบารมี การทำบุญถวายทาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยตรงนี้ก็มีกันทุกคน ศรัทธาก็มีกันทุกคน แต่ยังขาดปัญญาที่จะเข้าไปวิเคราะห์การเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของขันธ์ห้า เข้าไปรู้ทันตั้งแต่ต้นเหตุ ถ้าเรารู้ทันตั้งแต่ต้นเหตุ ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิด ใจก็จะดีดออกจากความคิด ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นลักษณะการเกิดของความคิด ใจเห็นใจเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิด ใจแยกออกจากความคิด เขาเรียกว่า แยกรูปแยกนาม ความเห็นถูกปรากฏขึ้น ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ตามดูความเกิดความดับของขันธ์ห้าเป็นเรื่องอะไรบ้าง บางทีก็เป็นเรื่องของอดีต บางทีก็เป็นเรื่องของอนาคต บางทีก็เป็นกุศลอกุศลบ้าง
เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร คําว่าอัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเราเป็นลักษณะอย่างนี้ เราก็ต้องพยายามหมั่นสร้างความรู้ตัว รู้เท่ารู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ แล้วก็รู้จักกันรู้จักแก้ ว่ากิเลสต่างๆ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร บางทีก็เป็นกิเลสหยาบ บางทีก็เป็นกิเลสละเอียด บางทีก็เป็นเรื่องอนาคต เรื่องอดีต เรื่องอนาคต สารพัดเรื่องที่เขาจะเกิด เราก็ต้องพยายามศึกษาตามแนวทางของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาตั้งหลายร้อยหลายพันปีว่าค้นพบเรื่องชีวิต การดำเนินชีวิต การแก้ไขนี่แหละ ว่าเราจะดำเนินอย่างไรถึงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน
รู้จักสร้างบารมี ตื่นขึ้นมาแต่ละวันๆ เรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละ ละกิเลสออกจากจิตจากใจของเราแล้วหรือยัง เรามีความสุขในการดู ในการรู้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ การทำบุญให้ทาน ทางด้านวัตถุทาน พวกเราก็มีโอกาสได้ทำกันอยู่ตลอด ไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ใกล้อยู่ไกล เราก็พยายามทำ ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วยเราก็มีส่วนแห่งบุญ
ไม่ใช่ว่าเราจะไปผัดวันประกันพรุ่ง ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล เราอย่าไปมองข้าม อยากจะได้ทรัพย์ใหญ่แต่ลืมทรัพย์เล็กๆ ความเกิดความดับของใจมีอยู่ตลอดเวลา ความเกิดความดับของความคิดของขันธ์ห้ามีตลอดเวลา นี่แหละใจของคนเรานี่หลงนะ หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด หลงมาเกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ทีนี้ก็หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาอาศัยธาตุขันธ์ร่างกายของมนุษย์แล้วก็เกิดต่อ บางทีก็มีความโลภเข้าไปเจือปน บางทีก็มีความทะเยอทะยานอยาก บางทีก็มีความโกรธ ความอิจฉาริษยา อันนี้มีมาภายหลัง ใจของทุกคนนั้นสะอาดบริสุทธิ์อยู่เดิม ความไม่เข้าใจจึงหลงเกิด หลงเกิดแล้วก็มาหลงเป็นทาสกิเลสต่อ ใจส่งไปภายนอกต่อ แล้วก็มายึดในสิ่งต่างๆ ว่าเป็นตัวตน ว่าเป็นของๆ เรา เป็นของๆ เรา เป็นตัวตนของเราในทางสมมติ
แต่ในหลักธรรมจริงๆ แล้ว ถ้าเราเจริญสติเข้าไปจําแนกแจกแจงเราก็จะเห็นความไม่เที่ยง เราก็จะเห็นความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา ความไม่จีรังยั่งยืน เราก็ต้องพยายามมาทำความเข้าใจ แล้วก็ค่อยพัฒนาตัวเราไปเรื่อยๆ จากความไม่รู้ก็รู้เพิ่มขึ้น จากการละไม่ได้ ละกิเลสยังไม่ได้เราก็ขัดก็เกลา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล สักวันหนึ่งใจของเราก็จะมองเห็นความเป็นจริง การเกิดเป็นทุกข์ เขาก็ไม่เกิด การเป็นทาสกิเลสของเขาเป็นทุกข์ เขาก็จะไม่เอา การขัดเกลา การละกิเลส การสร้างบารมี การเจริญพรหมวิหาร มีสัจจะ มีความจริงใจต่อตัวเราอยู่ตลอดเวลา เราก็จะเข้าถึงทรัพย์ภายในได้สักวันหนึ่ง ไม่เข้าถึงวันนี้ก็ต้องพรุ่งนี้ ไม่พรุ่งนี้ก็เดือนนี้ เดือนหน้า ปีหน้า ขอให้เราทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะออกมาดี อะไรที่เป็นอกุศลเราก็ละ อะไรที่เป็นกุศลเราก็เจริญ
ส่วนการเจริญสติ เรารู้จักวิธีการ รู้จักแนวทางแล้วก็ไปทำ ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ ความรู้ตัว รู้กายเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ จะลุกจะก้าวจะเดินใจยังสงบอยู่ ทำโน่นทำนี่ใจก็ยังสงบรับรู้อยู่ เปลี่ยนจากภาระเป็นหน้าที่ จากหน้าที่เป็นความรับผิดชอบ เปลี่ยนปัญญาตัวใหม่ที่เกิดจากการเจริญภาวนา ปัญญาที่เกิดจากส่วนสมอง ส่วนปัญญาที่เกิดจากใจหรือเกิดจากอาการของขันธ์ห้าอันนี้มีกันทุกคน
แต่เราก็ต้องพยายามละ พยายามดับ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนกว่าเราจะบริหารกายบริหารใจของเราให้ได้ถูกต้อง ไม่ต้องไปทุกข์ ไม่ต้องไปกังวลอะไรมากมาย ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระ ว่าชี ก็พยายามขยันหมั่นเพียร แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราเป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องของเรา ทั้งสมมติเราก็ทำตามหน้าที่ของเราให้ดี ส่วนวิมุตติการขัดเกลาเราก็พยายามทำให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย ประกาศด้วยตนเองว่าเราเข้าถึงหรือไม่เข้าถึง เราละกิเลสได้ในส่วนไหนบ้างส่วนไหนยังเหลือ เราก็พยายามละ พยายามขัดพยายามเกลา มีโอกาสได้สร้างบุญกันอยู่ตลอดเวลา
วันที่ 12 ที่จะถึงนี้ ก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วม ร่วมกันทำบุญถวายสังฆทานแด่พระคุณเจ้า แด่พระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ที่จะมาประชุมร่วมลงอุโบสถสังฆกรรมกันที่วัดของเรา ก็ใครมีข้าวปลาอาหาร มีพริกเขือเกลือปลาร้า ก็น้อมนํามาถวาย มาทำกับข้าวกับปลาถวายแด่พระคุณเจ้า ซึ่งจะมาร่วมลงอุโบสถสังฆกรรมกันในวันที่ 12 และก็วันที่ วันที่เท่าไรนะ 27 วันอาสาฬหบูชา ก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วมๆ มาร่วมทางโรงพยาบาลศูนย์ ท่านก็จะมีโอกาสได้มาขอรับบริจาคโลหิต ก็บอกกล่าวพี่น้องของเราใครอยากมาบริจาคโลหิตก็มาได้ ก็เป็นการทำบุญให้ทานช่วยเหลือพี่น้องของเรา หลายสิ่งหลายอย่าง
การทำบุญให้ทาน ไม่ว่าอยู่ที่ไหน โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดก็ให้รีบทำ บุญกุศลนี่แหละที่จะเป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไป คนเรามีลมหายใจอยู่ หมดลมหายใจก็มีตั้งแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป สูงขึ้นไป บุคคลที่มีสติมีปัญญาทำความเข้าใจได้ ก็ละทั้งสองอย่างนั่นแหละ ละทั้งบุญละทั้งบาป แต่สร้างบุญ แต่ไม่ยึดติดในบุญ อยู่เหนือบุญอยู่เหนือบาป ละอกุศล เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้น ดำรงชีวิตด้วยสติด้วยปัญญา ไม่เข้าไปหลงยึด ไปหลงติด ละอกุศลหรือว่าสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้น บุญมากบุญน้อย ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ใกล้เราก็พยายามทำ ก็พยายามทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นบุญเราก็ทำ
เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ