หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 65 วันที่ 14 กันยายน 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 65
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 14 กันยายน 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พยายามหัดวิเคราะห์ สร้างความรู้ตัว รู้ใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของขันธ์ห้า หรือความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด รู้จักการละกิเลส รู้จักการทำความเข้าใจ สร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ฝักใฝ่สนใจวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา หมั่นพร่ำสอนใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา

ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจเกิดกิเลสเรารู้จักวิธีการละกิเลสเป็นอย่างนี้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เหตุจากภายนอก เหตุจากภายใน อะไรคือสมมติวิมุตติ ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้าเราก็จะเข้าใจในเรื่องสมมติวิมุตติ เข้าใจในเรื่องอัตตา อนัตตากับอัตตา เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา เห็น รู้ลักษณะการเกิดการดับ แล้วก็รู้จักการทำความเข้าใจในชีวิตของคนเราเกิดมา พยายามทำความเข้าใจให้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ทุกคนมีขันธ์ห้า มีวิญญาณ เข้ามาครอบครองกันหมด

ที่นี้การละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด บางคนก็มีเบาบาง บางคนก็มีมาก แล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัย ท่านให้มาเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผลให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อะไรคือใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกจากขันธ์ห้า ใจวิเวกจากกิเลส ใจไม่เกิด ใจนิ่ง ใจสงบ ใจบริสุทธิ์ อาการของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิดผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร พยายาม พยามให้ได้ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็หาเหตุหาผลมาต่อสู้เหมือนกัน กำลังฝ่ายไหนจะเยอะกว่ากันเท่านั้นเอง ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรที่ถูกที่ถูกทางของทุกคน ก็ต้องพยายาม

สิ่งพวกนี้บังคับกันไม่ได้ เราต้องสร้างความเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ขยันหมั่นเพียร เอาชนะตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งนอนหลับ ขณะที่จะเข้านอน ขณะที่จะนั่นเราก็ตรวจดู ตั้งแต่เช้ามาเราพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหน ใจเกิดสักกี่เที่ยว ขันธ์ห้าเกิดสักกี่เที่ยว ย้อนดูตั้งแต่เช้าจนค่ำ ดูรู้อยู่ขณะปัจจุบันด้วย ย้อนดูพิจารณาดูอีกด้วย ถ้ากำลังสติของเรามีมาก เราก็พิจารณาย้อนดูไล่ลงไปจนกระทั่งถึงเด็กโน่น กิเลสตัวไหน ตัวไหนมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เราขัดเกลามันเอาออกได้อย่างไร ความโลภเป็นลักษณะอย่างไร ความโกรธเป็นลักษณะอย่างไร เราจะแก้วิธีไหนก็ต้องพยายามกัน

แนวทางพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาตั้งนาน ตั้งหลายร้อยหลายพันปี ท่านนำมาเปิดเผย นำมาจำแนกแจกแจงให้ทุกคนได้รู้ได้ทราบ ถ้าเกิดจากการปฏิบัติ ถ้าเรารู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย ก็จะหมดความสงสัยในคำสอนของพระพุทธองค์ เรื่องของหลักอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องของอัตตาอนัตตา สมมติวิมุตติ

ถึงวาระเวลาก็ต้องได้วางหมด ขณะที่เรายังมีกำลัง ยังมีลมหายใจอยู่ ให้เราวางด้วยปัญญา รู้เห็นด้วยปัญญา จนกว่าธาตุขันธ์ของเราจะแตกจะดับ เพราะว่ากายของคนเราเป็นก้อนทุกข์ นั่งนานก็ทุกข์ ไม่ได้ทานอาหารก็ทุกข์ ท่านถึงได้เรียกว่า ‘ก้อนทุกข์’ เราพยายามรีบตักตวง สร้างบุญสร้างกุศล ให้มีให้เกิดขึ้นในกายก้อนนี้ ทั้งทางด้านจิตวิญญาณให้มีความสุข จนกว่าเขาจะแตกจะดับ ก็ต้องพยายามกัน

สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงให้ได้ เอาไปใช้ให้เป็น ทำใจให้ว่าง สมองให้โล่ง ทำกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ