หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 36 วันที่ 7 มิถุนายน 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 36 วันที่ 7 มิถุนายน 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 36 วันที่ 7 มิถุนายน 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 36
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 มิถุนายน 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ เราได้สำรวจกาย สำรวจใจของเราแล้วหรือยัง

การทำบุญให้ทาน การสร้างบารมี ส่วนอื่นนั้นมีกันอยู่ แต่การเจริญภาวนาหรือว่าการสร้างสติเพื่อที่จะเอาไปอบรมใจของเรา ตรงนี้มีไม่ค่อยต่อเนื่องกันเท่าไหร่ เราพยายาม ไม่ว่าพระ ว่าโยม เป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เราก็จะได้ดูรู้ว่าทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส หมั่นวิเคราะห์บ่อยๆ หมั่นทำความเข้าใจบ่อยๆ เราขาดตกบกพร่องตรงไหน เราก็จะได้รีบแก้ไขตัวเรา ไม่ปล่อยเวลาทิ้ง

ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งนอนหลับ เราสำรวจดูว่าใจของเราเกิดกิเลสสักกี่ครั้ง เราละได้หรือไม่ ใจส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง เราระงับ เราดับ เราควบคุมได้หรือเปล่า ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่ง ใจเคลื่อนเข้าไปรวมสักกี่ครั้ง ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา เพราะว่าความคิดมีกันทุกคน แต่เป็นความคิดที่เกิดจากใจบ้าง เกิดจากขันธ์ห้าบ้าง บางทีก็รวมกันไปกับส่วนของปัญญาหรือว่าส่วนสมอง

พระพุทธองค์ท่านถึงให้เจริญสติ รู้จักลักษณะของสติ รู้ตัวอยู่ปัจจุบัน คือ ทุกขณะของลมหายใจเข้าออก จนรู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ รู้อุบายวิธีการแนวทางที่จะเข้าไปทำความเข้าใจ จนใจคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น หรือว่าแยกรูปแยกนามตามภาษาธรรม ใจคลายออกจากความคิด สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกก็จะเปิดทางให้ การทำความเข้าใจ การละกิเลสต้องเข้มข้น ต้องขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ ก็ต้องพยายามกัน

อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง พระใหม่พระเก่าต้องเป็นผู้ใหม่ตลอด แก้ไขตัวเราตลอด แต่ละวันความเกียจคร้านเข้าครอบงำหรือไม่ เหตุจากภายนอกทำให้เกิด หรือเกิดจากภายใน ก็พยายามแก้ไขกันไป ไม่ใช่ว่าไปโยนความรับผิดชอบให้คนโน้นบ้าง ให้ที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง ถ้าเราไม่รู้จักแก้ไขเรา เราก็จะเดินไม่ถึงจุดหมายปลายทางกัน

ส่วนการเจริญภาวนา พยายามทำให้ได้ทุกอิริยาบถ ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การควบคุมใจเป็นอย่างนี้ การดับ การละ การรู้เห็นตามความเป็นจริง ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจมองเห็นความเป็นจริง ใจถึงจะปล่อย ใจถึงจะวางได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะวางได้ง่ายๆเหมือนกัน เพราะว่าใจเกิดมานาน ใจหลงมานาน ขันธ์ห้าก็ปรุงแต่งใจมานาน

ใจนี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เขาหลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์คือร่างกายของเรานี้แหละ ซึ่งมีขันธ์ห้า ที่พระพุทธองค์บอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ทำอย่างไรเราถึงจะเห็นเป็นกองเป็นขันธ์ เราก็ต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปสังเกต รู้ไม่ทันเราก็จักหยุด รู้จักดับ จนกว่าใจจะคลายได้ เราก็จะมองเห็นตามคำสอนของพระพุทธองค์ว่า อัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่เกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ แต่เขารวมกันอยู่ในกายก้อนนี้ ต้องรู้ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนาเท่านั้น ถึงจะเข้าถึงตรงนี้ ก็ต้องพยายามกัน

อย่าพากันเกียจคร้านทั้งพระทั้งโยมทั้งชี อยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน เราก็ต้องพยายามดูความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ ความอดทน ความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา อะไรผิดพลาดแก้ไขใหม่ อะไรผิดพลาดแก้ไขใหม่ สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน

สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง