หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 29 วันที่ 13 พฤษภาคม 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 29 วันที่ 13 พฤษภาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 29
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากใจเอาไว้ด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น
ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละที่ท่านเรียกว่า สติรู้กาย เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่จนความสืบต่อหรือว่าต่อเนื่องจนรู้ลักษณะ ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ ถ้าความพลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ ลึกลงไปเราก็จะเห็นการเกิดของใจหรือว่าวิญญาณในกายของเรานั่นแหละ
การเกิด ใจส่งออกไปภายนอกหรือว่าความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ทำไมใจถึงไปหลงความคิดซึ่งมีอยู่เดิม เพราะว่าการเกิดของใจนั้นมีมาตั้งแต่ก่อน
ใจหลง หลงมาเกิดตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ความหลงนี้มีมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในความหลงอันละเอียดที่สุด ทีนี้เขาก็มาสร้างขันธ์ห้าหรือว่าร่างกายของเรา ส่วนรูปส่วนนาม แล้วก็หลงยึดต่อ ส่งออกไปภายนอกต่อ แล้วก็หลงเป็นทาสกิเลสอีกหลายชั้น ทั้งดีทั้งไม่ดี
เราก็ต้องพยายามเจริญสติลงที่กายของเราเพื่อที่จะให้กำลังสติของเราต่อเนื่องเอาไปอบรมใจของเรา จนเห็นเหตุเห็นผล จนใจคลายออก หรือว่าแยกรูปแยกนาม เห็น ทำความเข้าใจในลักษณะของการเกิดของใจ การเกิดของความคิด เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของตัวเรา เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจในการดำเนินชีวิต อะไรคือโลก อะไรคือธรรม ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างไร เราก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้าให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา
เราเจริญสติ แต่เวลานี้กำลังสติมีบ้างนิดหน่อยไม่ได้ต่อเนื่อง ส่วนศรัทธาการทำบุญให้ทานตรงนี้ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม มีอยู่ประจำ แต่การสร้างกำลังสติที่ต่อเนื่อง เอาไปใช้การใช้งานชี้เหตุชี้ผล เห็นการเกิดการดับ เห็นการแยกการคลาย กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง การก่อตัวของใจเป็นอย่างไร การก่อตัวของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดนั้นเป็นอย่างไร
เราจงพยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ รู้ไม่ทันเราก็รู้จักควบคุม รู้จักดับเอาไว้ รู้จักสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้น ใจของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัย อโหสิกรรม เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ มีความจริงใจต่อตัวเรา มีสัจจะกับตัวเอง เป็นคนมีระเบียบ มองโลกในทางที่ดี คิดดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อม
รู้จักจำแนกแจกแจง อันนี้สติที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะเอาไปใช้การใช้งาน กำลังสติของเรามีเพียงพอหรือไม่ การควบคุม การแยก การคลาย การตามดู ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง จนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ จนใจของเรามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามสภาพความเป็นจริงเพราะว่าใจเป็นธาตุรู้ แต่เวลานี้เขาทั้งรู้ ทั้งเกิด ทั้งหลง ทั้งยึด
เราต้องเจริญสติเข้าไปอบรมบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ ที่ท่านเรียกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ‘ตน’ ตัวแรกคือสติที่เรากำลังสร้างอยู่นี้แหละ เอาไปใช้การใช้งานจนเป็นอัตโนมัติ จนเป็นเอง จนเข้าไปลดละกิเลสได้หมดจด ทำใจให้สะอาด ทำใจให้บริสุทธิ์ จนหมดภาระที่จะเข้าไปแก้ไขที่ใจของตัวเรา เราพยายามทำ พยายามทำ พยายามสร้างขึ้นมา ให้มีให้เกิดขึ้น เป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
การทำบุญให้ทานมีกันเป็นประจำ โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด ไม่ว่าอยู่ที่ไหนให้เราพยายามทำ ทำมากก็เป็นของเราทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย วันเดือนผ่านไปเร็วไว วันพรุ่งนี้ก็จะมาเป็นวันนี้ เดือนหน้าก็จะมาเป็นวันนี้ ปีหน้าก็จะมาเป็นวันนี้ เราพยายามทำปัจจุบันขณะนี้ให้ดี อนาคตก็จะออกมาดี
เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมกันเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากใจเอาไว้ด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น
ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละที่ท่านเรียกว่า สติรู้กาย เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่จนความสืบต่อหรือว่าต่อเนื่องจนรู้ลักษณะ ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ ถ้าความพลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ ลึกลงไปเราก็จะเห็นการเกิดของใจหรือว่าวิญญาณในกายของเรานั่นแหละ
การเกิด ใจส่งออกไปภายนอกหรือว่าความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ทำไมใจถึงไปหลงความคิดซึ่งมีอยู่เดิม เพราะว่าการเกิดของใจนั้นมีมาตั้งแต่ก่อน
ใจหลง หลงมาเกิดตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ความหลงนี้มีมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในความหลงอันละเอียดที่สุด ทีนี้เขาก็มาสร้างขันธ์ห้าหรือว่าร่างกายของเรา ส่วนรูปส่วนนาม แล้วก็หลงยึดต่อ ส่งออกไปภายนอกต่อ แล้วก็หลงเป็นทาสกิเลสอีกหลายชั้น ทั้งดีทั้งไม่ดี
เราก็ต้องพยายามเจริญสติลงที่กายของเราเพื่อที่จะให้กำลังสติของเราต่อเนื่องเอาไปอบรมใจของเรา จนเห็นเหตุเห็นผล จนใจคลายออก หรือว่าแยกรูปแยกนาม เห็น ทำความเข้าใจในลักษณะของการเกิดของใจ การเกิดของความคิด เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของตัวเรา เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจในการดำเนินชีวิต อะไรคือโลก อะไรคือธรรม ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างไร เราก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้าให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา
เราเจริญสติ แต่เวลานี้กำลังสติมีบ้างนิดหน่อยไม่ได้ต่อเนื่อง ส่วนศรัทธาการทำบุญให้ทานตรงนี้ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม มีอยู่ประจำ แต่การสร้างกำลังสติที่ต่อเนื่อง เอาไปใช้การใช้งานชี้เหตุชี้ผล เห็นการเกิดการดับ เห็นการแยกการคลาย กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง การก่อตัวของใจเป็นอย่างไร การก่อตัวของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดนั้นเป็นอย่างไร
เราจงพยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ รู้ไม่ทันเราก็รู้จักควบคุม รู้จักดับเอาไว้ รู้จักสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้น ใจของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัย อโหสิกรรม เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ มีความจริงใจต่อตัวเรา มีสัจจะกับตัวเอง เป็นคนมีระเบียบ มองโลกในทางที่ดี คิดดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อม
รู้จักจำแนกแจกแจง อันนี้สติที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะเอาไปใช้การใช้งาน กำลังสติของเรามีเพียงพอหรือไม่ การควบคุม การแยก การคลาย การตามดู ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง จนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ จนใจของเรามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามสภาพความเป็นจริงเพราะว่าใจเป็นธาตุรู้ แต่เวลานี้เขาทั้งรู้ ทั้งเกิด ทั้งหลง ทั้งยึด
เราต้องเจริญสติเข้าไปอบรมบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ ที่ท่านเรียกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ‘ตน’ ตัวแรกคือสติที่เรากำลังสร้างอยู่นี้แหละ เอาไปใช้การใช้งานจนเป็นอัตโนมัติ จนเป็นเอง จนเข้าไปลดละกิเลสได้หมดจด ทำใจให้สะอาด ทำใจให้บริสุทธิ์ จนหมดภาระที่จะเข้าไปแก้ไขที่ใจของตัวเรา เราพยายามทำ พยายามทำ พยายามสร้างขึ้นมา ให้มีให้เกิดขึ้น เป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
การทำบุญให้ทานมีกันเป็นประจำ โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด ไม่ว่าอยู่ที่ไหนให้เราพยายามทำ ทำมากก็เป็นของเราทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย วันเดือนผ่านไปเร็วไว วันพรุ่งนี้ก็จะมาเป็นวันนี้ เดือนหน้าก็จะมาเป็นวันนี้ ปีหน้าก็จะมาเป็นวันนี้ เราพยายามทำปัจจุบันขณะนี้ให้ดี อนาคตก็จะออกมาดี
เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมกันเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ