หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 28 วันที่ 16 เมษายน 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 28
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 เมษายน 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่พวกท่านได้พากันสร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย น้อมเข้าไปดูรู้ที่กายของเรา

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน เราต้องจำแนกแจกแจงให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร การเจริญสติลักษณะของความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เราต้องทำความเข้าใจ

ส่วนการเกิดของใจนั้นมีอยู่เดิม การเกิดของขันธ์ห้านั้นมีอยู่เดิม คือความคิดของเรานั่นแหละ ใจนี่เกิดมาตั้งแต่ยังไม่ได้มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ เขาหลงมาเกิด เขาหลงมาตั้งนาน เราต้องมาเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา แก้ไขใจของเรา เพียงแค่การเจริญสติที่ต่อเนื่องตรงนี้ก็ยากอยู่ถ้าไม่มีความเพียรกันจริงๆ

ส่วนศรัทธาความเชื่อ ความเสียสละการทำบุญให้ทาน ในทางสมมตินั้นมีกันอยู่ในระดับหนึ่ง แต่การที่จะจำแนกแจกแจงว่าลักษณะของสติเป็นอย่างนี้ ลักษณะของใจเป็นอย่างนี้ ลักษณะของอาการ ของความคิด ของขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ กองรูปเป็นอย่างนี้ กองนามเป็นอย่างนี้ ตรงนี้เราไม่ค่อยจะสนใจกัน

เราอาจจะรู้อยู่ตั้งแต่ในชื่อภาษาสมมติ รูป กองรูปคือร่างกายของเราเป็นอย่างนี้แต่เขายังเป็นปัญญาโลกีย์อยู่ ยังรวมกันไปทั้งก้อนอยู่ ทั้งใจ ทั้งอาการของใจ ทั้งสติปัญญารวมกันไปเป็นก้อน เราต้องฉีกหรือเจริญสติตัวใหม่ให้เข้มแข็ง เอาไปอบรมใจของเรา อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน

แนวทางคำสอนของพระพุทธองค์นั้นมีมานานไม่ได้ล้าสมัย เป็นคำสอนที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทำไมถึงพูดอย่างนั้น เพราะว่าคำว่า ปัจจุบันธรรม ในทางหลักศาสนาเราก็คือทุกขณะลมหายใจเข้าออก ทุกขณะจิต นี่แหละเขาถึงเรียกว่าทันสมัยที่สุด แต่เวลานี้เรารวมกันไปทั้งก้อน ทั้งใจทั้งขันธ์ห้าทั้งปัญญารวมส่งออกไป

อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมก็คือใจยังหลงอยู่ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เรามาเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล เจริญสติปัญญาไปเกิดแทนทำหน้าที่แทน ใหม่ๆ ก็ยาก จะง่ายสำหรับบุคคลที่มีความเพียร จะง่ายสำหรับบุคคลที่มีความเสียสละ หมั่นขัดเกลาตัวเรา หมั่นขัดเกลากิเลสออกจากใจ เป็นผู้ให้ ให้ทั้งภายนอก ให้ทั้งภายใน อภัยทาน อโหสิกรรม

การปฏิบัติอยู่ในระดับของสมมติ อยู่ในระดับของวิมุตติ เราก็ต้องทำให้ถูกต้องถึงจะอยู่ดีมีความสุข อย่าไปพลาดโอกาสอย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ตั้งแต่ตื่นขึ้น การปฏิบัติ การเจริญสติ การเจริญสมาธิ การรักษาศีล การทำความเข้าใจ อยู่ในระดับของสมมติ อันนี้ก็เป็นแนวทางที่จะเข้าหาทางหลุดพ้น

ถ้าเราสังเกตแยกแยะใจคลายออกจากขันธ์ห้าไม่ได้ เราก็เดินปัญญาขั้นสูงไม่ได้ ถึงเราจะคิดพิจารณารู้เห็นตามความเป็นจริงระดับสมมติ อันนี้ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ เราก็ต้องพยายามดูให้ลึก รู้ฐานของใจ ลักษณะของใจ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้

ท่านถึงบอกให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณ ให้รอบรู้ในปัจจัยสี่ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้รอบรู้ในโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะว่าเรายังอยู่กับสมมติ เราจะทิ้งสมมติไม่ได้ตอนนี้ เราทิ้งเราวางด้วยปัญญา โน่นแหละหมดลมหายใจนั่นแหละเราถึงจะได้วางสมมติจริงๆ ก็ร่างกายของเรานี่แหละก้อนสมมติ เรามาทำความเข้าใจกับร่างกายก้อนนี้เสีย อยู่กับสมมติแล้วก็บริหารสมมติ บริหารวิมุตติด้วยปัญญาของเราให้ถึงจุดหมายปลายทางถึงจะมีความสุข อย่าไปปิดกั้นตัวเองนะมีโอกาสก็ฝากกันรีบทำ

คำสอนแนวทางนั้นมีมานานแล้วแหละ การประพฤติปฏิบัติทุกชนิดก็เพื่อที่จะคลายความหลง ก็เพื่อที่จะละกิเลส เรามีความเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีการฝักใฝ่ เรามีความสนใจ เรามีความเป็นระเบียบ มีสัจจะ วิริยะความเพียรกับตัวเราหรือไม่ ก็ต้องพยายามกัน พระเราก็เหมือนกัน ชีเราก็เหมือนกัน ฆราวาสญาติโยมก็มีวิญญาณขันธ์ห้าเหมือนกันหมด แต่จะสนใจฝักใฝ่ให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่เท่านั้นเอง ก็ต้องพยายามกัน เพียงแค่การเจริญสติก็ทำให้ได้ ให้ต่อเนื่องกันให้ได้ อย่าไปมองข้าม

สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ