
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 93
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 93
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 93
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 สิงหาคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ทำใจให้สงบ ทำใจให้ว่าง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ อย่าไปบังคับลมหายใจนะ อย่าไปเพ่งลมหายใจ อย่าไปจดจ่อลมหายใจ ถ้าเราเอาสมองส่วนบนไปเพ่งที่ปลายจมูกของเราสมองก็จะตึง ถ้าเราเอาใจไปจดจ่อที่ปลายจมูกของเราหน้าอกก็จะแน่น เราพยายาม เพียงแค่มีความรู้สึกรับรู้เวลาลมหายใจกระทบปลายจมูกของเรา เหมือนกับนายประตูทวารที่คอยสังเกตดูว่ารถคันไหนจะวิ่งเข้าอยู่ที่ตรงประตูทางเข้า รถคันไหนจะวิ่งออกก็รู้อยู่ตรงที่ประตูทางออก ซึ่งเรียกว่ามีความรู้ตัว รู้กายอยู่ปัจจุบัน ทุกขณะลมหายใจเข้าลมหายใจออก ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องจาก 1 นาที 2 นาที 3 นาทีความรู้ตัวของเราก็สืบต่อเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเจริญสติ-รู้กาย
ส่วนการเกิดของใจ หรือว่าความคิดที่เกิดจากใจของเรา การเกิดของความคิดที่เกิดจากอาการของใจ หรือว่าอาการของขันธ์ห้าอันนี้มีกันทุกคน บางคนก็เยอะ บางคนก็มาก บางคนก็น้อยบางคนก็ใจเกิดกิเลสเยอะบางคนก็เกิดกิเลสน้อย มีกันประจำแล้วก็มีเยอะด้วย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าคิดสักกี่เรื่อง ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราสักกี่ครั้ง เราก็ขาดการสังเกต ขาดการวิเคราะห์ คิดก็รู้เพราะว่าใจเป็นธาตุรู้
ความเกิด ความเกิดความยึด ความเกิดคือความหลงอันละเอียด ใจของเราเนี่ยเกิด หลงมาเกิดหลงมาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างร่างกายขึ้นมาแล้วก็มาอาศัย แล้วก็พัฒนาจากเด็กมาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จิตวิญญาณก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ มีความรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี บางคนก็เบาบางจากกิเลส บางคนก็เพิ่มกิเลสเข้าไปมากมายจนขัดเกลาไม่ไหวก็มี
ตัวใจตัวเดิมนั้นเป็นใจที่บริสุทธิ์ อยู่ในความบริสุทธิ์ อยู่ในความว่าง ความไม่รู้ ความหลง เขาถึงหลงวนเวียนวายตายเกิด ไม่รู้ว่าอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ อันนั้นพระพุทธองค์ไม่ให้ไปท้วงติงท้วงถามถึง ให้ดูรู้อยู่ พยายามดูตัววิญญาณซึ่งมาอาศัยอยู่ในกายของเรา มาแก้ไขวิญญาณในกายของเราตรงนี้ ซึ่งมาอาศัยกายมาสร้างกายขึ้นมา ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปลงที่กายของเรา
หลวงพ่อก็บอกอยู่ทุกวัน อานาปานสติสติรู้กายที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ส่วนการเกิดการดับของใจนั่นก็มีอยู่เดิม เรารู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็ดับ เราก็ดับใช้สมถะดับหรือว่าอยู่กับลมหายใจ
เพียงแค่การเจริญ กับการสร้างสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงตรงนี้ก็ยังพากันทำลำบากอยู่ ทั้งที่ศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ การแสวงหาธรรมมีอยู่ การทำบุญให้ทานมีอยู่ความเสียสละบารมีส่วนอื่นนั้นมีอยู่ ไม่ใช่ว่าพอทำปุ๊บจะได้ปั๊บ เราต้องหัดสังเกต หัดวิเคราะห์จนใจของเราคลายออก หงายออกจากขันธ์ห้าซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ หรือว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ นี่แหละที่แยกออกคลายออก ที่ท่านเรียกว่าความเห็นถูก เห็นความจริง เข้าใจในคำว่า‘อัตตา-อนัตตา’ เข้าใจคำว่า ‘สมมติ-วิมุตติ’ เข้าใจรู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของตัวเรา
รู้จักขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบเป็นอย่างนี้ กิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้ กิเลสเกิดขึ้นที่กายเป็นอย่างนี้ เกิดขึ้นที่ใจเป็นอย่างนี้ เราจะแก้ไขอย่างไรในชีวิตแต่ละวันประจำวัน ขณะรู้ตัวทั้งปัจจุบัน ทั้งไม่ปัจจุบัน เราก็พยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา เจริญสติเป็นเพื่อนใจ อบรมใจให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา
ขณะนี้ใจของเราเกิดกิเลสเราก็ละกิเลส เรามีความรับผิดชอบ มีสัจจะ มีวิริยะความเพียรหรือไม่ความเพียรที่ถูกทางหรือเปล่า เราก็ต้องพยายามเจริญสติเข้าไปเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
พระเราก็เหมือนกันชีเราก็เหมือนกัน ทุกคนมีธาตุสี่ ขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครองเหมือนกันหมด ถ้ารู้จักวิเคราะห์ รู้จักพิจารณา อย่าปล่อยโอกาสทิ้ง พยายามรีบตักตวง สร้าง หากำไรชีวิตในร่างกายก้อนนี้ขณะที่เขายังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดกำลังแล้วก็หมดสภาพก็คงมีตั้งแต่บุญกับบาปนำทาง
บุคคลผู้รู้ก็ละอกุศล เจริญกุศล หรือว่าละบาป สร้างบุญ ไม่ยึดติดในบุญ ทำใจให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ก่อนที่ธาตุขันธ์จะแตกจะดับ ขณะที่ยังไม่ถึงเวลาเราก็ยิ่งสนุกสร้างประโยชน์มากมายประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า เอาประโยชน์ปัจจุบันให้ได้เสียก่อน
ทำความเข้าใจกับทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายในทรัพย์ภายนอก อริยทรัพย์ - ทรัพย์ภายในคือความบริสุทธิ์ใจ ความสะอาด ความบริสุทธิ์ ทั้งทรัพย์ภายนอกทรัพย์ภายในก็เกี่ยวเนื่องกันเหมือนกับเราขึ้นบนบ้านก็อาศัยบันได บันไดก็อาศัยลูกบันได ลูกบันไดก็อาศัยราวบันได อยู่รวมกันก็จะขึ้นถึงตัวบ้าน
การปฏิบัติบำเพ็ญ การขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด การชี้เหตุชี้ผล เห็นการเกิดการดับ เห็นการแยกการคลาย จนเกิดความเบื่อหน่ายนั่นแหละ มองเห็นความเป็นจริงนั่นแหละ แล้วก็หาทางละออกให้มันหมด ให้เหลือตั้งแต่ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น หลวงพ่อก็ได้แต่เล่าให้ฟัง ถ้าพวกท่านไม่ไปปฏิบัติให้ปรากฏขึ้นที่ใจก็จะไม่เข้าถึงไม่รู้ความเป็นจริง ถ้าพวกท่านไปประพฤติไปปฏิบัติจนปรากฏขึ้นที่ใจก็ถึงจะรู้ความเป็นจริง
บุคคลที่จะเข้าถึงความเป็นจริงได้ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ มีความเสียสละเป็นเลิศ มีสัจจะ มีความจริงกับตัวเอง แล้วก็รีบแก้ไข ไม่เสียดายอาลัยอาวรณ์กับกิเลสเล็กๆ น้อยๆ แต่ส่วนมากก็มีตั้งแต่แสวงหากิเลสมาทับถมดวงใจของตัวเราทั้งดีทั้งไม่ดีนั่นแหละ ก็พยายามค่อยแก้ไขกันไปนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 สิงหาคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ทำใจให้สงบ ทำใจให้ว่าง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ อย่าไปบังคับลมหายใจนะ อย่าไปเพ่งลมหายใจ อย่าไปจดจ่อลมหายใจ ถ้าเราเอาสมองส่วนบนไปเพ่งที่ปลายจมูกของเราสมองก็จะตึง ถ้าเราเอาใจไปจดจ่อที่ปลายจมูกของเราหน้าอกก็จะแน่น เราพยายาม เพียงแค่มีความรู้สึกรับรู้เวลาลมหายใจกระทบปลายจมูกของเรา เหมือนกับนายประตูทวารที่คอยสังเกตดูว่ารถคันไหนจะวิ่งเข้าอยู่ที่ตรงประตูทางเข้า รถคันไหนจะวิ่งออกก็รู้อยู่ตรงที่ประตูทางออก ซึ่งเรียกว่ามีความรู้ตัว รู้กายอยู่ปัจจุบัน ทุกขณะลมหายใจเข้าลมหายใจออก ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องจาก 1 นาที 2 นาที 3 นาทีความรู้ตัวของเราก็สืบต่อเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเจริญสติ-รู้กาย
ส่วนการเกิดของใจ หรือว่าความคิดที่เกิดจากใจของเรา การเกิดของความคิดที่เกิดจากอาการของใจ หรือว่าอาการของขันธ์ห้าอันนี้มีกันทุกคน บางคนก็เยอะ บางคนก็มาก บางคนก็น้อยบางคนก็ใจเกิดกิเลสเยอะบางคนก็เกิดกิเลสน้อย มีกันประจำแล้วก็มีเยอะด้วย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าคิดสักกี่เรื่อง ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราสักกี่ครั้ง เราก็ขาดการสังเกต ขาดการวิเคราะห์ คิดก็รู้เพราะว่าใจเป็นธาตุรู้
ความเกิด ความเกิดความยึด ความเกิดคือความหลงอันละเอียด ใจของเราเนี่ยเกิด หลงมาเกิดหลงมาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างร่างกายขึ้นมาแล้วก็มาอาศัย แล้วก็พัฒนาจากเด็กมาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จิตวิญญาณก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ มีความรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี บางคนก็เบาบางจากกิเลส บางคนก็เพิ่มกิเลสเข้าไปมากมายจนขัดเกลาไม่ไหวก็มี
ตัวใจตัวเดิมนั้นเป็นใจที่บริสุทธิ์ อยู่ในความบริสุทธิ์ อยู่ในความว่าง ความไม่รู้ ความหลง เขาถึงหลงวนเวียนวายตายเกิด ไม่รู้ว่าอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ อันนั้นพระพุทธองค์ไม่ให้ไปท้วงติงท้วงถามถึง ให้ดูรู้อยู่ พยายามดูตัววิญญาณซึ่งมาอาศัยอยู่ในกายของเรา มาแก้ไขวิญญาณในกายของเราตรงนี้ ซึ่งมาอาศัยกายมาสร้างกายขึ้นมา ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปลงที่กายของเรา
หลวงพ่อก็บอกอยู่ทุกวัน อานาปานสติสติรู้กายที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ส่วนการเกิดการดับของใจนั่นก็มีอยู่เดิม เรารู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็ดับ เราก็ดับใช้สมถะดับหรือว่าอยู่กับลมหายใจ
เพียงแค่การเจริญ กับการสร้างสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงตรงนี้ก็ยังพากันทำลำบากอยู่ ทั้งที่ศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ การแสวงหาธรรมมีอยู่ การทำบุญให้ทานมีอยู่ความเสียสละบารมีส่วนอื่นนั้นมีอยู่ ไม่ใช่ว่าพอทำปุ๊บจะได้ปั๊บ เราต้องหัดสังเกต หัดวิเคราะห์จนใจของเราคลายออก หงายออกจากขันธ์ห้าซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ หรือว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ นี่แหละที่แยกออกคลายออก ที่ท่านเรียกว่าความเห็นถูก เห็นความจริง เข้าใจในคำว่า‘อัตตา-อนัตตา’ เข้าใจคำว่า ‘สมมติ-วิมุตติ’ เข้าใจรู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของตัวเรา
รู้จักขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบเป็นอย่างนี้ กิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้ กิเลสเกิดขึ้นที่กายเป็นอย่างนี้ เกิดขึ้นที่ใจเป็นอย่างนี้ เราจะแก้ไขอย่างไรในชีวิตแต่ละวันประจำวัน ขณะรู้ตัวทั้งปัจจุบัน ทั้งไม่ปัจจุบัน เราก็พยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา เจริญสติเป็นเพื่อนใจ อบรมใจให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา
ขณะนี้ใจของเราเกิดกิเลสเราก็ละกิเลส เรามีความรับผิดชอบ มีสัจจะ มีวิริยะความเพียรหรือไม่ความเพียรที่ถูกทางหรือเปล่า เราก็ต้องพยายามเจริญสติเข้าไปเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
พระเราก็เหมือนกันชีเราก็เหมือนกัน ทุกคนมีธาตุสี่ ขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครองเหมือนกันหมด ถ้ารู้จักวิเคราะห์ รู้จักพิจารณา อย่าปล่อยโอกาสทิ้ง พยายามรีบตักตวง สร้าง หากำไรชีวิตในร่างกายก้อนนี้ขณะที่เขายังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดกำลังแล้วก็หมดสภาพก็คงมีตั้งแต่บุญกับบาปนำทาง
บุคคลผู้รู้ก็ละอกุศล เจริญกุศล หรือว่าละบาป สร้างบุญ ไม่ยึดติดในบุญ ทำใจให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ก่อนที่ธาตุขันธ์จะแตกจะดับ ขณะที่ยังไม่ถึงเวลาเราก็ยิ่งสนุกสร้างประโยชน์มากมายประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า เอาประโยชน์ปัจจุบันให้ได้เสียก่อน
ทำความเข้าใจกับทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายในทรัพย์ภายนอก อริยทรัพย์ - ทรัพย์ภายในคือความบริสุทธิ์ใจ ความสะอาด ความบริสุทธิ์ ทั้งทรัพย์ภายนอกทรัพย์ภายในก็เกี่ยวเนื่องกันเหมือนกับเราขึ้นบนบ้านก็อาศัยบันได บันไดก็อาศัยลูกบันได ลูกบันไดก็อาศัยราวบันได อยู่รวมกันก็จะขึ้นถึงตัวบ้าน
การปฏิบัติบำเพ็ญ การขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด การชี้เหตุชี้ผล เห็นการเกิดการดับ เห็นการแยกการคลาย จนเกิดความเบื่อหน่ายนั่นแหละ มองเห็นความเป็นจริงนั่นแหละ แล้วก็หาทางละออกให้มันหมด ให้เหลือตั้งแต่ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น หลวงพ่อก็ได้แต่เล่าให้ฟัง ถ้าพวกท่านไม่ไปปฏิบัติให้ปรากฏขึ้นที่ใจก็จะไม่เข้าถึงไม่รู้ความเป็นจริง ถ้าพวกท่านไปประพฤติไปปฏิบัติจนปรากฏขึ้นที่ใจก็ถึงจะรู้ความเป็นจริง
บุคคลที่จะเข้าถึงความเป็นจริงได้ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ มีความเสียสละเป็นเลิศ มีสัจจะ มีความจริงกับตัวเอง แล้วก็รีบแก้ไข ไม่เสียดายอาลัยอาวรณ์กับกิเลสเล็กๆ น้อยๆ แต่ส่วนมากก็มีตั้งแต่แสวงหากิเลสมาทับถมดวงใจของตัวเราทั้งดีทั้งไม่ดีนั่นแหละ ก็พยายามค่อยแก้ไขกันไปนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ