หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 64

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 64
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 64
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 64
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 มิถุนายน 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว หยุดพันธะภาระหน้าที่การงานทางสมมติเราก็หยุดมาแล้ว ทีนี้เรามาลองมาหยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ด้วยการเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย

ลองสูดลมหายใจ เข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจอย่าไปบีบลมหายใจ เราพยายามหายใจให้เป็นธรรมชาติที่สุด การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออก กระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ เราพยายามสร้างความรู้สึกรู้ตัวตรงนี้ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บมีความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจ รู้ความปกติของกาย รู้ความปกติของใจ อันนี้สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้

คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ในทางธรรม คือทุกขณะลมหายใจเข้าอันนี้เขาเรียกว่า ‘ปัจจุบัน’ และก็หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่เขาเรียกว่า ‘ปัจจุบัน’ เขาเรียกว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่ว่าไปเป็นนาทีนี้ วันนี้ เดือนนี้ เป็นปัจจุบัน อันนั้นเป็นปัจจุบันในทางโลกปัจจุบันในทางธรรม คือ ทุกขณะลมหายใจเข้าหายใจออก ต่อไปข้างหน้าก็ทุกขณะจิต ทำอย่างไรเราถึงจะสร้างความรู้ตัวให้ได้เร็วไวถึงขนาดนั้น

เราต้องมีความเพียร มีความเพียร สร้างความรู้ตัว พลั้งเผลอเริ่มใหม่ พลั้งเผลอเริ่มใหม่ เพียงแค่การเจริญให้มีให้เกิดขึ้น ตรงนี้ก็ยากลำบาก ศรัทธาการทำบุญให้ทาน ความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ตรงนั้นมีกันทุกคน รู้จักฝักใฝ่สนใจ สร้างตบะสร้างบารมี การทำบุญให้ทาน มีความเสียสละ มีความเชื่อมั่น ฝักใฝ่สนใจอยู่ในระดับของสมมติ บารมีในระดับของสมมติทุกคนพากันทำกันมาดี แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปอบรมใจของตัวเรา เข้าไปวิเคราะห์จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า หรือว่าแยกรูปแยกนามตรงนี้ไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าไหร่ อาจจะทำได้เป็นบางช่วงบางครั้งบางคราวก็ปล่อยปละละเลย เพราะว่าอานิสงส์บารมีส่วนอื่น ภาระหน้าที่ การงานสมมติต่างๆ เข้าครอบงำ

ถ้าไม่ฝักใฝ่ สนใจจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าถึงตรงนี้ ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ ถึงจะมีความเข้าใจในตรงนี้ได้ แล้วก็เป็นบุคคลที่มีศรัทธา มีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย และก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ สร้างตบะบารมี แต่ละวันจิตใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความกตัญญูกตเวที มีความเสียสละ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่อคติไม่เพ่งโทษ ไม่ฝักใฝ่ในอกุศลกรรม และก็พยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ชี้เหตุชี้ผล จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนาม ส่วนนามส่วนรูป เห็นตามความเป็นจริง

เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร สอนคำว่า ‘อัตตาอนัตตา’ เป็นลักษณะอย่างไร ‘สมมติ วิมุตติ’ เป็นลักษณะอย่างไร ‘อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา’ ในขันธ์ห้าในกายของเราเป็นอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเกิดขึ้นที่ใจ เราละได้หรือไม่ กายกรรม มโนกรรม วจีกรรมเราทำความเข้าใจได้ตลอดเวลาหรือเปล่า หู ตา จมูก ลิ้น กาย เขาทำหน้าที่อย่างไร ซึ่งเป็นทางผ่านของรูป รส กลิ่น เสียง ส่งเข้าไปถึงตัวใจของเรา

ลักษณะของการเจริญสติ เอาสติปัญญาไปใช้ การเจริญการฝึกก็ทั้งยากที่จะเอาสติปัญญาไปใช้ก็ทั้งยากอีก เราต้องมีความเพียร ไม่เข้าใจเท่าไหร่ เราก็เพิ่มความเพียรเป็นทวีคูณ เพิ่มความเพียรเป็นทวีคูณ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเข้าใจในชีวิตของเรา ไม่ปล่อยปละละเลย มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะเดินไปทางไหน เราละกิเลสได้หมดจด ทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ได้มากน้อยเท่าไหร่ เราก็จะได้ศึกษาค้นคว้า หาแนวทางเดินของเรา มองเห็นทางทะลุปรุโปร่งว่าเราจะได้กลับมาเกิดอีกหรือว่าเราจะเกิดอีก วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มี เดือนหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี พ่อแม่พี่น้องมี

เราต้องศึกษาทำความเข้าใจ อะไรคือสมมติอะไรคือวิมุตติ ถ้าเราแยกรูปแยกนามได้ คลายได้เมื่อไหร่ เราถึงจะเข้าใจในการดำเนินชีวิตไม่ให้กิเลสมาบงการชีวิตของเรา เราต้องบงการชีวิตของเราด้วยสติด้วยปัญญา อยู่ด้วยพรหมวิหาร อยู่ด้วยปัญญา อยู่ด้วยความเมตตา จนกว่าร่างกายของเราจะแตกดับนั่นแหละ ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี

ถ้าบอกตัวเราไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเขาสอน ถ้าสอนตัวเองไม่ได้ ครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ ส่วนแผนที่แนวทางนั้น พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาตั้งนาน ตั้งหลายร้อย หลายพันปี สัจธรรมก็ยังอยู่ หลักความจริงของชีวิตก็ยังอยู่ ถ้าเราฝึกหัดปฏิบัติให้ปรากฎขึ้นที่ใจของเรา จนรู้เห็นตามความเป็นจริง เราก็จะเชื่อมั่นว่าพระพุทธองค์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านถึงได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผย มาจำแนกแจกแจง ให้สัตว์โลกได้ประพฤติปฏิบัติตามให้หลุดพ้นจากความเป็นทุกข์

เราก็ต้องพยายาม พยายามทำ ทำมากทำน้อย ตั้งแต่การสร้างตบะบารมี การให้ทาน รักษาศีลเจริญภาวนา เขาทำกันอย่างไร จุดหมายอยู่ที่ตรงไหน การละกิเลส การฝึกหัดปฏิบัติจะคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหนก็เพื่อที่จะคลายความหลง ก็เพื่อที่จะคลายกิเลส เพื่อที่จะละกิเลสออกจากใจของเรา

ใจของทุกคนนั้นสะอาดบริสุทธิ์มาแต่เดิม เพราะความไม่รู้เขาถึงหลง หลงเกิด หลงเกิด ความเกิดนั่นแหละคือกิเลสอันละเอียดที่สุด แล้วก็มาเกิดมาสร้างขันธ์ห้า มาอยู่ในภพมนุษย์ ก็มีกายเนื้อก็มาปิดกั้นเอาไว้ พระพุทธองค์ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า เห็นเป็นชิ้น เป็นขันธ์เป็นกอง ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ กองรูป กองนาม กองวิญญาณ กองสังขาร ทีนี้ใจของเราก็มีกิเลส เกิดกิเลสอีก ความโลภ ความไม่โลภ ความอยาก ทั้งอยากทั้งไม่อยาก สารพัดอย่าง กิเลสหยาบกิเลสละเอียดอีก เราต้องมาคลาย ชำแหละสะสางออกทีละเล็กละน้อยด้วยการสร้างตบะบารมี

ใจเกิดความโลภละความโลภ ใจเกิดความโกรธละความโกรธ ด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม ให้อภัยอโหสิกรรม สร้างความอ่อนน้อมให้มีให้เกิดขึ้น สร้างความเสียสละ สร้างความรับผิดชอบไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิเลส เราพยายามขัดเกลาเอาออกทีละเล็กละน้อย สักวันหนึ่งใจของเราก็จะสะอาดบริสุทธิ์เหมือนเดิม ก็ต้องพยายามกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียวอยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจศึกษาให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง