หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 61

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 61
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 61
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 61
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 มิถุนายน 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยังถ้ายังก็พยายามเริ่มเสียนะ เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติให้มีให้เกิดขึ้น พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน แล้วก็หมั่นสำรวจใจหมั่นอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นขณะนี้ใจปกติ ขณะนี้ใจไม่เกิดกิเลส จะทำโน่นทำนี่ใจปกติ หมั่นสำรวจ ทุกคนก็มีบุญ ทุกคนก็มีอานิสงส์ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็มีโอกาสได้สร้างตบะสร้างบารมี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ใกล้อยู่ไกล นี่ก็พากันฝักใฝ่ศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรม และก็ฝักใฝ่ในการทำบุญ ตรงนี้มีกันทุกคน

แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปขัดเกลากิเลส ที่จะเข้าไปคลายความหลง หรือว่าแยกรูปแยกนามตรงนี้อาจจะมีบ้างนิดหน่อย แต่ยังขาดความเพียรที่ต่อเนื่อง ก็พยายามอย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง พยายามเจริญสติเป็นเพื่อนใจ อบรมใจ ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเราไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลยนอกจากตัวของเราเอง การดำเนิน การทำ ดำเนินตามทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบการเจริญสติปัฏฐาน การสร้างตบะบารมี ปรับสภาพใจของเราให้อยู่ในความอ่อนน้อมอ่อนโยนหนักแน่น ใจเกิดกิเลสก็รู้จักละกิเลส กิเลสชนิดไหน กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ต้นเหตุของการเกิด ต้นเหตุของความทุกข์

เราก็ต้องมาวิเคราะห์ วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ถ้าเราทำหน้าที่ของเราดีก็จะส่งผลถึงอนาคต ใจที่ไม่มีกิเลสเขาก็สะอาดบริสุทธิ์ ใจที่ไม่เกิดเขาก็นิ่ง แต่เวลานี้ใจของเราทั้งเกิดด้วยหลงด้วยยึดด้วย เราอาจจะว่าเราไม่ยึด เราอาจจะว่าเราไม่หลงในระดับของสมมติ ตราบใดที่บุคคลมาเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสัก 5 นาที 10 นาที ก็จะมองเห็นว่าส่วนที่ผ่านมานั้นเป็นแค่เพียงสติปัญญาของโลกีย์ สติปัญญาของทางโลกเท่านั้นเอง

แต่สติปัญญาในทางธรรม เราต้องสร้างขึ้นมาเข้าไปชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล เห็นการแยกการคลาย เห็นตามทำความเข้าใจแล้วก็ค่อยละ ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในปัจจัยสี่ ให้รอบรู้ในโลกธรรม รอบรู้สมมติ วิมุตติ วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร คำว่าอัตตา-อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร ถ้าใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า ใจของเราก็ตกกระแสธรรม เราจะละกิเลสได้เด็ดขาดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง

เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามบริหารทำหน้าที่ของเราให้ดี ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่จะธรรมปฏิบัติตั้งแต่ธรรม แต่ไม่รู้จักทำ ไม่รู้จักความหมาย มีตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ มีตั้งแต่ความอิจฉาริษยา ความตระหนี่เหนียวแน่น ถ้าเราไม่ละกิเลส เราจะได้ความบริสุทธิ์อย่างไร เราละกิเลสทั้งหยาบทั้งละเอียดออกไปให้หมดจากใจของเรา เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้

ใจของเราทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง เราก็มาเจริญสติเข้าไปหาเหตุหาผล แต่เวลานี้กำลังสติของเรามีนิดหน่อย มีไม่เพียงพอ ส่วนมากจะพลั้งเผลอ ถ้าส่วนมากก็พลั้งเผลอเพราะว่าใจเขาก็ไม่ยอมเปิดเผยตัวง่ายๆ ขันธ์ห้าเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็หาสิ่งดีๆ มาหลอกเราอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องพยายาม พยายามเดิน พยายามสร้างตบะสร้างบารมี

แต่ละวันใจของเราเกิดกิเลส เราก็ให้รู้จักละกิเลส ละให้หมด เขาจะค่อยเป็นขั้นเป็นชั้นไปเรื่อยๆ เหมือนกับเราขึ้นบนบ้านเราก็อาศัยบันได บันไดก็อาศัยราวบันได การปฏิบัติธรรมเราก็อาศัยความมีศรัทธาและก็มีปัญญาที่จะรู้แจ้งแทงตลอด คนจะบรรลุเป้าหมายได้ก็ต้องบรรลุเป้าหมายด้วยปัญญา ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้ ค้นคว้าลงไปสนามรบก็ที่กายของเรานี่แหละ..ตำราใบใหญ่ ถ้าเราย่นย่อลงไปไม่มีอะไรมากเลย มีแต่รูปกับนาม มีแต่กายกับใจ

กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ เราจะเอาไปใช้การใช้งาน ขัดเกลากิเลส ทำใจของเราให้บริสุทธิ์หลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่นต่างๆ วันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี ภพนี้มีภพหน้ามี ให้พากันรีบ รีบสะสางกิเลสออกจากใจให้หมดจดไม่ต้องไปลำบากในวันข้างหน้า อานิสงส์ผลบุญผลทานก็มีโอกาสได้ทำอยู่ตลอดเวลา โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด ตรงนี้พากันทำอย่างเต็มเปี่ยม

แต่การขัดเกลากิเลสก็ต้องตัวใครตัวมันนะ ไม่ใช่ว่าคนโน้นเขาขัดให้คนนี้เขาขัดให้ กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราก็จัดการ อยู่คนเดียวเราก็ดูใจเรา อยู่หลายคนเราก็ดูใจเรา ทำภาระหน้าที่การงานก็ดูใจเรา ปรับสภาพใจให้รับรู้ดำเนินสติปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทน เราก็จะมองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะไปอย่างไรมาอย่างไร ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้เชื่อมโยง ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำกายให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียวอยู่คนเดียวก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง